ศพ - ตอนที่ 233 คายเชี่ยว
ตอนที่ 233 คายเชี่ยว
เมื่อเซียนลงจากเขา เพื่อมารับศิษย์ หนึ่งในขั้นตอนที่ค่อนข้างสําคัญ คือ “ คายเชี่ยว”
คายเชี่ยวที่ว่า หมายถึง เปิดการเชื่อมโยงระหว่างศิษย์กับเซียน โดยการสร้างช่องทางการติดระหว่างคนสองคน
เมื่อทําแบบนี้แล้ว เวลาลูกศิษย์หรือชูหม่าเจอปัญหา หรือต้องการความช่วยเหลือจากเซียนจิ้งจอก
เขาก็จะสามารถติดต่อได้อย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน “ กุ่นเชี่ยว ” ก็หมายถึงการเชิญเซียนมาสถิตร่าง
แต่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียกวิธีนี้ว่า “ เข้าทรง”
แต่ก็เป็นรูปแบบเดียวกัน ถึงจะแตกต่างแต่ก็มีวัตถุประสงค์เดียวกัน ที่จริงพวกมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
ตอนนี้ผมพูดว่าจะคายเชียวกับนางพญาจิ้งจอก และผมยังมองนางพญาอย่างเด็ดเดี่ยว
นางพญาพยักหน้าเล็กน้อย “ ข้ามาทําพิธีรับศิษย์ด้วยตัวเอง ก็เพื่อให้ทุกคนได้เห็น การคายเชี่ยวกับตา !”
ขณะที่พูด จู่ๆร่างของนางพญา ก็ระเบิดกลิ่นที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
ผมรู้สึกว่ากลิ่นมันแรงสุดๆ ทําให้คนรู้สึกกลัวทันที และระหว่างที่เธอกําลังยกมือขึ้น ยังมีคลื่นพลังปีศาจออกมาด้วย
คนภายนอกดูที่ความสนุก แต่คนในดูจากแก่นเรื่อง เมื่ออาจารย์ ท่านนักพรตต์ และคนอื่นๆเห็นนางพญาจิ้งจอกส่งกลิ่นแรงแบบนี้ออกมา ดวงตาของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะทําตาเบิกกว้าง พร้อมเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
เพราะกลิ่นที่นางพญาปล่อยออกมา คือพลังปีศาจอันมหาศาล
พวกปีศาจเองก็ไม่รู้ว่าพลังที่ทรงพลังนี้มีมากกว่าพวกเขากี่เท่าตัว ราวกับแค่การยกมือก็สามารถปราบพวกเขาได้แล้ว จะเห็นได้ว่าเธอทรงพลังขนาดไหน
หลังจากที่นางพญาจิ้งจอกปล่อยพลังปีศาจที่ทรงพลังออกมา เธอก็อ้าปากขึ้น ทันใดนั้นในปากของนางพญาจิ้งจอก ก็มีไข่มุขสีแวววาวลอยออกมา
เมื่อไข่มุขลูกนั้นลอยอยู่ในอากาศ มันก็เปล่งแสงแวววาวออกมา เมื่อทุกคนเห็นสิ่งนี้ ก็ต่างอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ
นี่คือ นี่คือแก่นพลังของนางพญาจิ้งจอก ช่วงเวลาที่นางพญาจิ้งจอกบําเพ็ญตบะมาร่วมหลายร้อยปี
พลังที่เธอสะสมไว้ ล้วนอยู่ในแก่นพลังลูกนี้
เมื่อเธอคายออกมา ทุกคนที่อยู่ในงานก็ต่างตกอยู่ภายใต้พลังปีศาจ คลื่นพลังปีศาจแพร่กระจายไปรอบๆ
ทําให้คนที่สัมผัสได้ถึงกับหวาดกลัว
ไม่ใช่แค่นั้น ขณะที่แก่นพลังจิ้งจอกออกมา นางพญาจิ้งจอกก็จ้องมาที่หน้าผากของผม หลังจากนั้นเธอก็ชี้มาทางผมทันที
ช่วงเวลานั้น ผมรู้สึกว่าตัวเองกําลังโดนไฟช็อต ผมตัวสั่นไปทั้งตัว
หลังจากนั้น แก่นพลังจิ้งจอกที่ส่องแสงอยู่ในอากาศ กลับทําให้ผมรู้สึกว่ามีพลังแปลกๆกําลังเข้ามาอยู่ในร่างกายของผม
มันเริ่มจากที่หน้าผากของผม หลังจากนั้นก็แขนขาทั้งสองข้าง ผมเริ่มรู้สึกชา ราวกับมีกระแสไฟฟ้ากําลังไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
ผมสัมผัสได้ว่าร่างกายผิดปกติไป แต่ผมกลับพยายามควบคุม ให้ตัวเองมีสติได้มากที่สุด
ผ่านไปประมาณ 5-6 นาที ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอกสุดๆ และความเจ็บปวดนี้ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผมขมวดคิ้ว และใช้มือกดเอาไว้
นางพญาเห็นการกระทําของผม เธอจึงพูดออกมาอีกครั้ง “ อดทนหน่อยนะ พลังของข้าแข็งแกร่งมาก จําเป็นต้องขยายใจของเจ้า ไม่งั้นในอนาคตเจ้าจะติดต่อกับจิตข้าได้ยาก !
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ดูเหมือนยิ่งมีพลังแข็งแกร่งเท่าไหร่ การทําคายเชี่ยวนี้ก็ต้องยิ่งเจ็บมากขึ้นเท่านั้น
แต่เพื่อให้คายเชี่ยวสําเร็จ การรับศิษย์เป็นไปด้วยดี ผมจึงตอบว่า “ คือ ” พยักหน้าเล็กน้อย และพยายามอดทนต่อไป
อาจารย์และคนอื่นๆมองดูอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นผมทําท่าทางทรมาน พวกเขาก็อดเครียดไม่ได้ แต่พวกเขารู้ดีว่า
ชูหม่าก็เป็นแบบนี้ จะต้องอดทน
ถ้าเรื่องแค่นี้ยังอดทนไม่ได้ งั้นก็อย่าหวังว่าจะได้เป็นชูหม่าเลย
ผมกัดฟัน อดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจกําลังถูกแหวกออก มันกําลังขยายใหญ่ที่ละนิดๆ ขยายขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนการหายใจของตัวเองก็เริ่มลํา บากขึ้นเช่นกัน
ทุกวินาทีที่ผ่านไป ผมเจ็บจนเหงื่อไหล เรื่องทั้งหมดนี้ยังไม่ถึง 20 นาทีเลยด้วยซ้ำ แต่เสื้อผ้าของผมกลับเปียกชุ่มไปทั้งตัวแล้ว
ตัวสั่น ในปากมีเสียงดัง “ ก๊ก ” ของการกัดฟัน แต่ปากของผม กลับไม่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาเลย
แม้แต่จิ้งจอกอาวุโสมากมายที่อยู่ข้างๆ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าให้ผม
แต่การคายเชี่ยวของชูหม่านี้ ก็ไม่ใช่จะเสร็จในเวลาสั้นๆ ถ้าใจไม่หนักแน่นพอ พวกเขาก็ต้องทําต่อไป
บางรายถึงกับใช้เวลาสามหรือห้าวันก็มี
ถ้าอยากสร้างช่องทางการติดต่อระหว่างนางพญาจิ้งจอกกับศิษย์ นอกจากความพยายามแล้ว ยังต้องอดทนกับความเจ็บปวด เร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
ดังนั้นผมจึงตกอยู่ในสภาพนี้ พยายามอดทนกับความเจ็บปวด ความเจ็บที่ยาวนานไม่เหมือนการเจ็บแป๊บๆ มันต้องพยายามอดทนเรื่อยๆ เพื่อให้การเชื่อมโยงสําเร็จให้เร็วที่สุด
ในศาลเจ้าหลักเมืองเงียบสงัด มีเพียงเสียงกัดฟัน “ กึกกก” ของผม
นางพญาจิ้งจอกส่งพลังเข้ามาในร่างกายผมเรื่อยๆ ทําการเชื่อมโยงกับผมอย่างต่อเนื่อง
เริ่มตั้งแต่หน้าอก จนถึงแขนขาทั้งสองข้าง ความรู้สึกเจ็บค่อยขยายตัวเรื่อยๆ
นี้เป็นเพราะอวัยวะมีธาตุต่างกัน ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน ใจคือไฟ
มันจะเริ่มจากธาตุไฟ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ หลังจากเปลี่ยนเป็นธาตุทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดินสมบูรณ์แล้ว
การคายเชี่ยวก็จะจบลง
ผมเองก็ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องอดทนต่อไป ตอนนี้ผมแทบคุกเข่าไม่ไหวแล้ว รู้สึกว่าร่างกายกําลังแหลกเป็นเสี่ยงๆ หอบหายใจไม่หยุด
ในเวลานี้ จู่ๆนางพญาจิ้งจอกก็พูดกับผมว่า “ เสี่ยวติง อดทนเอาไว้นะ อวัยวะทั้งห้าเชื่อมโยงกันแล้ว
ตอนนี้ถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เมื่ออวัยวะทั้งห้ารวมเป็นหนึ่ง กลายเป็นธาตุทั้งห้า ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน ! จะเจ็บหน่อยนะ ต้องอดทนเอาไว้ด้วยละ !”
ผมได้ยินเสียงนางพญาจิ้งจอกเบาๆ ร่างกายผมเปียกโชก ตาครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมพูดออกมาด้วยเสียงหอบเหนื่อย “ เจ้า เจ้าแม่ ศิษย์ ศิษย์ยังไหว !”
หลังจากพูดจบ ผมก็ตัวสั่น ทําตัวตั้งตรงอีกครั้ง
อาจารย์และคนอื่นที่อยู่ข้างๆ ต่างกําหมัดแน่น
นางพญาจิ้งจอกพยักหน้าเล็กน้อย “ ข้าจะลงมือเดี๋ยวนี้ !”
หลังจากพูดจบ นางพญาจิ้งจอกก็เริ่มประสานมือ แล้วสุดท้ายก็ชี้ไปที่แก่นพลัง
ระหว่างนั้น แก่นพลังก็เปล่งแสงออกมา ลําแสงนั้น ดูเหมือนกับโคมไฟลูกหนึ่ง
ไม่ใช่แค่นั้น พลังปีศาจอันมหาศาลยังท่วมท้นไปทั่วศาลเจ้าหลักเมือง
ขณะที่แก่นพลังระเบิดออกมา นางพญาจิ้งจอกก็อ้าปากดูดที่แก่นพลังนั้นหนึ่งครั้ง
พลังปีศาจสีขาวถูกดูดออกมา ท้ายที่สุดนางพญาจิ้งจอกก็หันมาทางผม และพ่นไอสีขาวออกมา
พลังที่ถูกดูดไปเมื่อกี้ ตรงเข้ามาหาผมทันที
และพลังปีศาจสีขาวพวกนี้ เหมือนกับมีตาเป็นของตัวเอง มันพุ่งเข้ามาในจมูกของผม และเข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว
แต่วินาทีนั้นผมรู้สึกได้ว่า มีมีดคมๆกําลังแทงเข้าไปในร่างกาย ผมรู้สึกเจ็บสุดๆ
ผมทนไม่ไหวแล้ว วินาทีนั้นมันร้องออกมาทันที “ โอ๊ย !
ร่างกายเกือบล้มลง แต่สุดท้ายผมก็ใช้มือยันตัวเองเอาไว้
แต่มันยังไม่จบเท่านั้น ขณะที่พลังปีศาจสีขาวพวกนั้น เข้าไปในร่างกาย ในเวลาเดียวกันผมก็รู้สึกเจ็บ เหมือนกับอวัยวะกําลังถูกตัดเป็นชิ้นๆ หลังจากนั้นก็เข้ามารวมเป็นหนึ่ง ผมทรมานมาก ในสมองรับรู้ได้เพียงความเจ็บปวด
“ อ้า ! ” ผมร้องออกมาอีกครั้ง
หยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆเห็นผมเป็นแบบนั้น เธอกลัวผมจะกัดลิ้นตัวเอง จึงรีบหยิบกิ่งไม้วิ่งเข้ามา
“ ติงฝาน กัดนี้เอาไว้มันจะช่วยให้ทรมานน้อยลง !”
ขณะที่พูด เธอก็เอากิ่งไม้ยัดเข้าไปในปากผม
ผมกัดมันแรงๆ ดูเหมือนกับผมหาที่ระบายได้ แม้จะยังเจ็บอยู่ แต่ดูเหมือนมันจะลดลงมาไม่น้อย
ผมกัดกิ่งไม้เอาไว้ คุกเข่าบนพื้น ช่วงเวลานั้นผมแทบคุกเข่าไม่ไหว ผมต้องอดทนกับความเจ็บปวดเกินกว่าจะรับไหว
จิ้งจอกอาวุโสที่อยู่ข้างล่างให้กําลังใจ “ จินถง อดทนเอาไว้!”
“ อีกแค่นิดเดียว การเชื่อมโยงก็จะสําเร็จแล้ว !”
“ ชูหม่า อดทนเอาไว้ อดทน…”
“ เสี่ยวฝานอดทนเอาไว้นะ !”
“……”
เมื่อได้ยินเสียงเชียร์และคําพูดปลอบใจ ร่างกายที่สั่นไหวของผม ก็บอกตัวเองไม่หยุด ว่าเราต้องอดทนเข้าไว้
ผมทําแบบนี้ จนเวลาผ่านล้วงเลยไปเรื่อยๆ