ศพ - ตอนที่ 255 สาเหตุ
ตอนที่ 255 สาเหตุ
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ แม้พวกเราจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่มันก็ไม่เคยมีอะไรชัดเจน
และยังมีเรื่องนี้ ทําไมฮวงจุ้ยดีขนาดนี้ ถึงมีการดองผีดิบเอาไว้ได้
ตอนนี้เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ก็เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะอยากหาสาเหตุที่แท้จริง
แถมยังได้ยินเรื่องขุดหลุมศพเมื่อปีก่อน หลังจากอาจารย์พึมพํากับตัวเองเสร็จ เขาก็พูดกับคุณฉีว่า
“ คุณฉี หลุมศพของผู้อาวุโสทั้งสองเคยโดนขุดเมื่อปีที่แล้วเหรอ?”
คุณฉีที่กําลังร้องไห้อยู่ เมื่อได้ยินอาจารย์ถาม เขาก็อึ้งในทันที หลังจากนั้นถึงได้ตอบกลับว่า
“ คือเรื่องขุดหลุมศพ… ใช่ครับมีอยู่ครั้งนึ่ง”
“ คือ…มีคนเคยขุดหลุมศพนี้จริงๆเหรอ? ” ท่านนักพรตตู๋ถามตามมาติดๆ
“ ครับ ! ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกว่าดวงตก ทุกอย่างไม่ราบรื่นเหมือนใจคิด และคิดว่าจะครบ 10 ปีแล้ว ดังนั้นจึงหาหมอฮวงจุ้ยมาคนหนึ่ง หมอฮวงจุ้ยคนนั้นก็เคยมาที่นี่ ตอนนั้นเขาก็พูดว่าต้องย้ายหลุมศพ แต่หลังจากขุดลงไป จู่ๆหมอฮวงจุ้ยคนนั้นก็หัวใจวาย สุดท้ายก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล จึงไม่มีใครทําพิธีย้ายหลุมศพต่อ ดังนั้นผมจึงให้คนกลบดินเหมือนเดิม คิดว่าหลังจากที่หมอฮวงจุ้ยหายดีแล้ว ค่อยให้เขากลับมาย้ายหลุมศพใหม่ แต่หลังจากที่เขาเข้าไป เขาก็ไม่ได้กลับออกมาแบบมีชีวิต! เฮ้อเรื่องการย้ายหลุมศพนี้! จึงต้องรอให้คนอื่นมาแทน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าย้าย จนกระทั่งถึงตอนนี้”
คุณฉีพูดช้าๆ เขาเล่าเรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อนอย่างจริงจัง
แต่เมื่อพวกเราได้ยินเรื่องนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้า
ใจเต้นตุ๊บๆ
เหมือนคํากล่าวที่ว่า เมื่อเริ่มแล้วก็ต้องทําต่อไป
คุณฉีรนหาที่ตายชัดๆ เมื่อโลงศพโผล่โดนแสงแล้ว จะยังกลบดินฝังกลับไปทั้งแบบนั้นได้ยังไง?
นั่นเป็นการทําลายฮวงจุ้ยของหลุมศพ แล้วมันจะมีฮวงจุ้ยดีเลิศอยู่ได้ยังไง?
ท่านนักพรตตู๋อดถอนหายใจไม่ได้ “ งั้นก็ไม่แปลกแล้วละ ถ้าเป็นแบบนั้น ฮวงจุ้ยหลุมศพของเขาไป๋โช่ว
ก็คงถูกทําลายไปตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เมื่อหลุมศพพัง บวกกับการเปลี่ยนแปลงของเขาไปโช่ว พื้นที่หลายแห่งค่อยๆเปลี่ยนเป็นฮวงจุ้ยชั่วร้าย ถึงจะเห็นไม่ชัด แต่โลงกลับเปลี่ยนเป็นโลงเลี้ยงศพ ศพมงคลกลายเป็นศพอัปมงคล จนได้เห็นแสงจันทร์ในคืนนี้อีกครั้ง เมื่อโลงตกพื้น มันถึงทําให้ศพลุกขึ้นมา…”
ท่านนักพรตตู๋มีความรู้กว้างขวาง เมื่อได้ยินคําพูดพวกนี้ เขาก็วิเคราะห์เรื่องราวทั้งหมดได้ในทันที
อาจารย์และพวกเรา ก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับการเดาและวิธีคิดของเขา
และผมก็ถามคุณฉีว่า “ คุณฉี ในเมื่อที่นี่เคยโดนขุดมาก่อน ทําไมก่อนหน้านี้คุณไม่รีบพูดออกมาละ?”
คุณฉีกลับแสดงสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม “ พวกคุณ- พวกคุณก็ไม่ได้ถามนิ! ผมเห็นหลุมศพของพ่อกับปู่ไม่มีอะไรผิดปกติ เลยคิดว่าไม่มีอะไร!”
ผมกรอกตาด้วยความหดหู นี่เป็นหลุมศพคนตายนะ? ไม่ใช่ว่าอยากขุดก็ขุด อยากฝังก็ฝัง แถมยังทั้งขุดทั้งฝังในคราวเดียวกันอีก
ด้านฮวงจุ้ย นอกจากตําแหน่งหลุมศพจะพิเศษแล้ว หลุมศพส่วนใหญ่ก็ฝังได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ถ้าถูกขุดแล้ว ฮวงจุ้ยเรื่องโชคลาภก็จะหายไปด้วย
ดีกว่านี้ก็ว่าไปอย่าง ถ้าเปลี่ยนเป็นหลุมศพธรรมดา ปัญหาที่ตามมาก็จะไม่ใหญ่มาก
แต่นี่มันไม่เหมือนกัน ที่นี่คือเขาชวงเลิ้นไป๋โช่ว ถ้าฮวงจุ้ยถูกทําลาย รูปแบบก็จะเปลี่ยนแปลงไปทันที
จากดวงดีเป็นดวงซวย ดีเป็นร้าย และศพเปลี่ยนเป็นสิ่งชั่วร้าย
นี่ก็คือสาเหตุว่าทําไมศพของตาเฒ่าสองคนถึงได้กลายเป็นผีดิบ เพราะพวกเขาถูกฝังอยู่ในหลุมศพแบบนี้นั่นเอง และมันยังเป็นสาเหตุหลักที่ทําให้กลายเป็นผีดิบ สายดําอีกด้วย
หรือพูดได้อีกอย่างคือการขุดทําลายฮวงจุ้ยเปลี่ยนทุกสิ่ง ทุกอย่างให้กลับตาลปัตร
“ หลุมศพมังกร” อาบด้วยพลังชั่วร้าย และตําแหน่งของหลุมศพมังกรยังตรงกับตําแหน่งที่โลงทั้งสองตั้งอยู่พอดี โลงมงคลเปลี่ยนเป็นโลงเฮงซวย และในที่สุดก็กลายเป็นที่เลี้ยงศพ
ตอนนี้พวกเราเข้าใจแล้ว ความสงสัยเมื่อก่อนหน้านี้ ก็มีคําอธิบายแล้ว
ผู้อาวุโสฉีทั้งสองที่อยู่ข้างๆ ก็ทําท่าเหมือนเข้าใจในทันที ว่าทําไมในช่วงระยะ 1 ปีกว่านี้ พวกเขาถึงกลับเข้ามาโลงไม่
แต่ขณะที่ทุกคนกําลังจะทําพิธีต่อ นําศพของทั้งสองคนไปฝังในหลุมศพใหม่ ทันใดนั้นพี่เฟิงก็พูดออกมาอย่างกับคนเมา “ ฉันยืนฟังตั้งนาน พวกนายบอกว่าเมื่อปีที่แล้วหลุมศพกลายเป็นหลุมเฮงซวย รอบๆมีหลายที่ที่เปลี่ยนเป็นพื้นที่ชั่วร้าย ทั้งสองศพเลยเริ่มกลายเป็นผีดิบ แต่ฉันคิดว่ามันแปลกมากนะ? ทั้งสองศพนี้ฝังอยู่ที่นี่มาแปดเก้าปีแล้ว จะรักษาศพให้คงสภาพอยู่เหมือนเดิมได้ยังไง ? ฉันว่า! พวกเขาจะต้องโดนเล่นงานตั้งแต่เมื่อ 10 ปี ที่แล้วแน่ๆ”
เมื่อได้ยินพี่เฟิงพูดถึงขนาดนั้น ผมจึงคิดว่าที่เขาพูดมาก็มีเหตุผลเหมือนกัน มีศพอายุ 10 ปีที่ไหน ถูกฝังแล้วยังไม่เน่าบ้างละ ?
ผลลัพธ์เสียงของพี่เฟิงเพิ่งเงียบลง คุณฉีก็พูดขึ้นมาทันที “ ท่านนักพรตเสี่ยวเฟิง ผมจะพูดตรงๆ
ตอนนั้นขณะที่ฝังพ่อและปูของผมที่นี่ท่านปรมาจารย์คนนั้นเคยบอกว่า หลุมศพแบบนี้หาดูได้ยากในรอบร้อยปี ถ้าจะทําก็ทําให้ดีไปเลย ดังนั้นเขาจึงดองศพพ่อและปูของผมด้วยฟอร์มาลีน ใช้ผงหินปูนทาเอาไว้ข้างใต้ แล้วยังเคลือบศพด้วยขี้ผึ้งอีกชั้นหนึ่ง เพื่อไม่ให้สัมผัสกับอากาศ ในเวลาเดียวกันท่านนักพรตคนนั้นยังบอกว่า ถ้าอยู่ภายใต้การถนอมของฮวงจุ้ยที่นี่ ศพพ่อและปูของผมจะไม่มีวันเน่า….”
คุณฉีเพิ่งพูดถึงตรงนี้ โย่วฉายก็พูดแทรกขึ้นมา “ ลูกผมพูดถูกแล้ว ก่อนหน้านี้ร่างกายของผมและพ่อไม่เน่าเลยสักนิด ตอนนอนอยู่ก็สุขสบาย มันเริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว ผมกับพ่อถึงได้ทรมานสุดๆ และก็เข้าโลงไม่ได้อีก !”
หลังฟังพวกเขาพูดจบ ผม พี่เฟิง อาจารย์ และท่านนักพรตตู๋ถึงได้เข้าใจสาเหตุทั้งหมด
ถ้าลองวิเคราะดู ตอนนั้นคนที่เลือกฮวงจุ้ยให้ผู้เฒ่าฉีทั้งสอง จะต้องเป็นนักพรตสร้างสุสาน และไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ความรู้เรื่องฮวงจุ้ยจะต้องไต่ไปถึงระดับที่โลกต้องกลัว
“ เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม ใช้ฮวงจุ้ยรักษาศพ ปกป้องโชคลาภให้เคลื่อนไปเรื่อยๆ คนตายตายตาหลับ คนเป็นไร้กังวล คิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้จะยังมีปรมาจารย์ฮวงจุ้ยที่เก่งถึงขนาดนี้อยู่ ถ้ามีโอกาสฉันละอยากเห็นกับตาตัวเองสักครั้ง! ” ท่านนักพรตตู๋อดชื่นชมไม่ได้ ทุกคนเองก็ชมเขาคนนั้นเช่นกัน จะเห็นได้ว่าท่านนักพรตตู๋ชื่นชมปรมาจารย์ฮวงจุ้ยคนนี้ขนาดไหน
อาจารย์เองก็พยักหน้ารัวๆ คิดว่าฝีมือของปรมาจารย์ฮวงจุ้ยคนนี้ทําให้คนตกตะลึง
ผมถามตามที่จิตใต้สํานึกบอก “ คุณฉี แล้วคุณจําชื่อนักพรตคนนั้นได้ไหมครับ? ”
คุณฉีนึกอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “ ผมจําได้รางๆ ท่านนักพรตแซ่ฉิน ชื่ออะไรไม่รู้ อายุไม่เยอะ
ตอนนี้น่าจะประมาณสี่สิบกว่าจะห้าสิบแล้วละ!”
“ นักพรตฉิน…” ผมพึมพํากับตัวเอง และแอบจําชื่อนี้เอาไว้ในใจ
อาจารย์และท่านนักพรตตู้หันมามองหน้ากัน แต่พวกเขาก็ส่ายหัวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าพวกเขา ไม่รู้จักนักพรตฉินคนนี้เลยสักนิด
ตอนนี้ ทุกอย่างเข้าที่แล้ว ทุกคนจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หลังจากพักกันแป๊บหนึ่ง พวกเราก็เริ่มทํางานที่เหลือ
ถึงผีดิบทั้งสองจะเพิ่งถูกจัดการเมื่อกี้ แต่ตอนนี้พวกเรายังต้องจุดธูปเผากระดาษ เพื่อคารวะศพตามมารยาท
เพราะคนขับรถสามคนวิ่งหนีไปแล้ว งานหลังจากนี้พวกเราจึงต้องพึ่งพาตัวเอง
เมื่อพวกเรานําศพทั้งสองลงไปในหลุมศพใหม่ และขุดดินฝังกลบเรียบร้อย ตอนนั้นก็เป็นเวลาที่สามแล้ว
เวลาที่คิดว่าจะทํางานเสร็จเมื่อก่อนหน้านี้คือห้ามทุ่ม แต่สุดท้ายพวกเรากลับใช้เกินมาถึง 4 ชั่วโมง
และยังเกือบต้องแลกด้วยชีวิต เมื่อลองย้อนกลับไปคิด ผมยังรู้สึกกลัวอยู่เลย
โชคดีที่สุดท้ายปู่หูลิ่วรีบออกมาช่วย ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาก็คงไม่ต้องพูดถึงเลยละ
ในเวลานี้คุณฉีกําลังขอบคุณพวกเราพันครั้งหมื่นครั้ง ผู้อาวุโสฉีทั้งสองก็คํานับพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่า
หลังจากจัดการทุกอย่างอย่างเหมาะสม ไก่ก็ขันแล้ว
เมื่อพี่เฟิงได้ยินเสียงไก่ เขาก็กลับไปหลับลึก ให้เหล่าเฟิงออกมาควบคุมร่างกายอีกครั้ง
แต่ก่อนที่พี่เฟิงจะหลับ เขาดันพูดกับท่านนักพรตตู๋ต่อหน้าพวกเราว่า “ ตาเฒ่า เหลือเวลาอีก 3 เดือน นายต้องรีบแล้วนะ !”