ศพ - ตอนที่ 272 ชนะอย่างหวุดหวิด
ตอนที่ 272 ชนะอย่างหวุดหวิด
เพียงชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไป 20 นาทีแล้ว พวกเราสามคนใช้ยันต์อย่างต่อเนื่อง ใช้วิธีการโจมตีและจังหวะในการโจมตีที่พวกเราเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ โจมตีผีผู้ชายอย่างต่อเนื่อง
แม้ผีผู้ชายจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเผชิญหน้าวิธีโจมตีแบบนี้ของเราสามคน เขาก็รับมือไม่ไหวจริงๆนั่นแหละ
เพราะเขาไม่มีเวลาเหลือแม้แต่วินาทีเดียว จึงทําได้เพียงป้องกันครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อต้านครั้งแล้วครั้งเล่า
วนไปเรื่อยๆแบบนี้ โดนพวกเราเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียวตลอด
ตอนแรกพลังยังแข็งกล้า ยังโต้กลับพวกเราได้หลายครั้งหลังจากหลบแล้ว ก็หาโอกาสและช่องว่างเพียงน้อยนิดโจมตีพวกเรา
แต่ผลของการโจมตี กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะไม่ได้ทําให้พวกเราได้รับบาดเจ็บกันเลยสักนิด
แต่ขณะที่เวลาหมุนไป วิธีโจมตีและความสามารถของเขาก็เริ่มมีจํากัดมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้พวกเราสามคนจะเหนื่อยมาก แต่เมื่อคิดว่าพวกเราสามคนไม่ได้โดนเล่นงานเลย มันก็ทําให้เขารู้สึกเสียหน้าสุดๆ
ในขณะที่พวกเรากําลังร่ายคาถา หาโอกาสอย่างต่อเนื่อง และโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อน
ในที่สุดผีผู้ชายตนนั้นก็เปิดช่องว่าง ยันต์ของหยางเฉ่วจึงพุ่งเข้าไปทันที
ผีผู้ชายยังหลบได้ แต่ครั้งนี้ เขาเปิดช่องโหว่ ทําให้ร่างกายเสียหลัก
ผมและเหล่าเฟิงเห็นโอกาส จึงรีบลงมือทันที
ยันต์สยบของเหล่าเพิ่งเข้าไปก่อน ผีผู้ชายพยายามหลบสุดกําลัง แต่สุดท้ายก็ยังหลบไม่พ้นอยู่ดี
ยันต์แผ่นนั้น แปะโดนแขนของเขาเต็มๆ
ผีผู้ชายตกใจ คิดจะฆ่าเหล่าเฟิง ก่อนที่เขาจะเสกคาถาเสร็จ
แต่วินาทีที่เขาลงมือ กลับโดนดาบของหยางเนิ่วหยุดเอา
เหล่าเฟิงเองก็ตะโกนในเสี้ยววินาทีต่อมา “ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง สยบ !”
เมื่อคําว่าสยบดังขึ้น พลังของยันต์ก็แพร่ไปทั่วร่างผีผู้ชายทันที
เพราะยันต์แผ่นนี้ไม่ได้แปะตรงที่ประตูชีวิตหรือหน้าผากของผีผู้ชาย มันจึงไม่ได้มีแรงสยบเท่าครั้งแรก
บวกกับผีผู้ชายแข็งแกร่งขึ้น หลังจากยันต์แผ่นนั้นทํางานผีผู้ชายก็ไม่ได้โดนกดเอาไว้ตรงๆ
แต่ทําให้ความสามารถและการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายช้าลง
แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ที่จะให้ผมรับช่วงต่อ
หลังยันต์ของเหล่าเฟิงทํางาน ผมก็รีบตามไปสมทบ กระโดดเข้าไปกลางอากาศ แปะยันต์ทําลายลงไปทันที
ผีผู้ชายเผยสีหน้าตื่นตกใจ อยากจะหลบให้ทัน
แต่เพราะได้รับผลจากยันต์ เขาจึงเสียโอกาสนั้นไปแล้ว
“แปะ ” ยันต์แปะลงตรงหน้าผากผีผู้ชาย
ผีผู้ชายหวาดกลัวยิ่งกว่าอะไรดี ก่อนหน้านี้ เขาก็บาดเจ็บอยู่แล้ว
ตอนนี้ก็แค่ได้พลังจากตาผีกระตุ้น ทําให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ถ้าโดนยันต์โจมตีอีกละก็โดยเฉพาะตรงประตูชีวิตแบบนี้ งั้นผลลัพธ์ก็ต้องเป็นหายนะแน่นอน
หรือแม้แต่โดนยันต์ของผมระเบิดจนตายคาที่ ก็อาจเป็นไปได้
ผีผู้ชายคํารามออกมาสั้นๆ รวบรวมพลังหยินทั่วร่าง คิดจะดึงยันต์ออกจากประตูชีวิต
ในวินาทีเป็นตาย พลังหยินที่เข้มข้น พร้อมสายลมที่เยือกเย็นก็พัดมาจากทุกทิศทุกทาง
ต้นไผ่ที่อยู่รอบๆสั่นไหว ส่งเสียง “ อี๊ดอ๊าด” ออกมาไม่หยุดหย่อน
ใบหน้าของผมกลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง ลําบากกันมาตั้งนาน ยังไงยันต์แผ่นนี้ก็ต้องทํางาน
จะปล่อยให้เขาเอาออกไม่ได้เด็ดขาด จะให้เขาทําสําเร็จไม่ได้
มือทั้งสองข้างของผมเสกคาถาอย่างรวดเร็ว เร็วในระดับที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ตอนประสานมือขั้นสุดท้าย ผีผู้ชายตนนั้นกําลังทนต่อพลังของยันต์ พยายามดึงยันต์ออกให้ได้
แม้แต่ยันต์จะเผาเล็บของเขา ดัง “ซาซ่าซ่า ” แล้ว และ มีควันดําพวยพุ่งขึ้นมา เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมือง่ายๆ
ยันต์แผ่นนั้น โดนดึงออกมาครึ่งหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นยันต์จะหลุดออกแล้ว ผมก็ประสานมือ แล้วรีบพูดออกมาในทันที “ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง ทําลาย !”
เมื่อคาถาดังขั้น ยันต์ที่ใกล้จะหลุดแผ่นนั้นก็เปล่งสีขาวแล้ว “ตูม” ระเบิดพลังมหาศาลออกมาทันที
ความร้อนจากยันต์แผ่นนั้น ซัดสาดพลังหยินที่อยู่รอบๆในทันที
ส่วนผีผู้ชาย ก็ร้อง “ อ๊าก ” อย่างอนาถตามเรื่อง เขาโดนซัดกระเด็นออกไป
เมื่อเห็นสิ่งนี้ พวกเราทุกคนก็แทบกลั้นหายใจ อยากเห็นผลลัพธ์ในทันตา
เห็นเพียงตอนนี้ผีผู้ชายโดนแรงระเบิดซัดออกไป มีพลังวิญญาณอันน้อยนิด ตัวสั่น และยังคิดจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เพราะประตูชีวิตได้รับบาดเจ็บ พลังวิญญาณเสียหายอย่างหนัก ทําให้เขาไม่มีทางควบคุมร่างกายได้อีก
ผลลัพธ์หลังจากลองทําหลายครั้งติดต่อกัน สุดท้ายเขาก็ล้มเหลวอยู่ดี จึงได้แต่นอนอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด
เมื่อเห็นภาพนี้ พวกเราก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้
ดูเหมือน หลังจากได้รับบาดเจ็บจากยันต์แล้ว ผีผู้ชายตนนี้ก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแล้ว
เขาในตอนนี้ ทําได้เพียงรอเวลาให้เราเชือดเท่านั้น
แต่พวกเราไม่ได้ประมาท และผ่อนคลายจนลืมตัวเกินไป
หากเจ้าหมอนี่ยังมีลูกเล่นอื่นที่พวกเราไม่รู้อยู่ เล่นงานตอนพวกเราเข้าไปใกล้ ทําให้เราบาดเจ็บ งั้นมันก็ได้ไม่คุ้มเสียไม่ใช่เหรอ ?
หลังจากเข้ามาใกล้ๆอีกฝ่ายแล้ว ผีผู้ชายตนนั้นก็เงยหน้าขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ สม สมควรตายจริงๆ ประเมินพวกแกต่ำไป..”
“ฮึ แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร แกแพ้แล้ว บอกมา อาจารย์คือใคร เขาอยู่ที่ไหน ? ” ผมถามอย่างเย็นชา
แต่เจ้าผีนั้นกลับหัวเราะ “ ฮึฮึฮึ ” หลังจากนั้นก็พูดด้วย เสียงแหบแห้ง “ ถึงข้าจะแพ้ แต่แกประเมินความจงรักภักดีที่ข้ามีต่อองค์กรและอาจารย์ต่ำไป ! ”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ คิ้วของพวกเราก็ขมวดแน่น
สาวกองค์กรชั่วพวกนี้ ทําไมถึงได้ปากแข็งขนาดนี้นะ ?
แต่เพิ่งคิดถึงตรงนี้ ยังไม่ทันให้ผมได้ถามอีกรอบ มือของผีผู้ชายตนนั้นก็เริ่มสั่น ทันใดนั้นเองก็มีลวดลายแปลกๆปรากฏขึ้น ขณะเดียวกันเจ้าหมอนั้นก็พูดว่า “ ทําลาย ! ”
เมื่อเห็นผีพูดแบบนั้น ผมก็ยังไม่ได้ตอบสนองในทันที
แต่เหล่าเฟิงที่อยู่ข้างๆกลับทําหน้าตกใจ จับตัวผมและหยางเฉ่ว กดลงกับพื้นทันที พร้อมตะโกนเสียงดังว่า “หมอบลง ! ”
เสียงของเหล่าเฟิงเพิ่งเงียบลง ผีผู้ชายตนนั้น ก็หน้าเปลี่ยนสี ร่างกายตั้งตรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และพลังมารวมอยู่ที่หน้าอกผีผู้ชายอย่างรวดเร็ว แล้วสุดท้ายก็ “ปัง ” ระเบิดในทันที
พอผีผู้ชายระเบิดตัวเองแล้ว วิญญาณก็แตกสลาย
พลังหยินกระจายไปรอบๆ เปลี่ยนเป็นระลอกคลื่อนอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผมและหยางเฉ่วที่โดนเหล่าเฟิงกดเอาไว้บนพื้น รู้สึก แค่ว่ามีลมพัดผ่าน และสายลมพวกนั้นยังเย็นเข้ากระดูก เหมือนกับมีดคมๆ ที่กรีดเสื้อผ้า หรือแม้แต่เนื้อของพวกเรา
หลังจากลมสงบแล้ว พวกเราถึงค่อยๆลุกขึ้นมา
เห็นเพียงหลังของพวกเราแต่ละคน ต่างมีรอยฉีกขาดเจ็ดแปดรอยจนกระทั้งถึงสิบกว่ารอยเลยก็ว่า
สภาพเหมือนโดนมีดกรีด มือของเหล่าเฟิง มีรอยแผลสองรอยเลือดสดๆกําลังไหลออกมา โชคดีที่แผลไม่ลึกมาก
ส่วนผีตนนั้น วิญญาณแตกสลายไปนานแล้ว เมื่อกี้ในขณะที่กําลังจะตาย เขาร่ายเวททําลายตัวเองบางอย่าง คิดจะใช้ลมหายใจสุดท้ายของตัวเอง ลากพวกเราไปด้วย
โชคดีที่เหล่าเฟิงมีประสบการณ์ วินาทีที่อีกฝ่ายเสกคาถา เขาก็มองออกในทันที จึงดึงตัวพวกเราหมอบลงได้ทัน
ไม่อย่างงั้นถ้าเผชิญหน้ากับแรงระเบิดตรงๆ ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง ผมละไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ
ผมถอนหายใจยาวๆ รู้สึกขอบคุณเฟิงเฉิวหานสุดๆ “ เหล่าเฟิง เมื่อกี้ขอบใจนายมาก นายช่วยชีวิตฉันเอาไว้อีกแล้ว! ”
หยางเจ่วก็ยิ้มหวาน “ เฟิงเฉิวหาน ฉันก็ติดหนี้ชีวิตนายแล้ว ! ”
เหล่าเฟิงที่มักเป็นคนเย็นชา เมื่อได้ยินพวกเราพูดแบบนี้ ก็รู้สึกไปไม่ถูกนิดหน่อย เลยหัวเราะ “ฮ่าๆ ” แก้เขิน
แต่สิ่งที่พวกเราไม่รู้คือ หลังจากผีที่ถูกเรียกว่าพี่เก้าตายแล้ว ในห้องมืดมิดห้องหนึ่ง มีตุ๊กตาสีหมึกตัวหนึ่ง
ติดไฟขึ้นมา โดยที่ไม่มีลางบอกเหตุใดๆล่วงหน้า
ขณะที่ไฟลุกขึ้น ใบหน้าเหมือนศพแห้งของใครคนหนึ่ง ก็ถูกสะท้อนขึ้นมาอย่างช้าๆ…