ศพ - ตอนที่ 289 ล่อลวง
ตอนที่ 289 ล่อลวง
พวกเราซ่อนอยู่ใต้โต๊ะอย่างเงียบๆ คอยมองดูสถานการณ์ทุกอย่างภายในบ้าน
ขณะมองผีตานีหน้าเสี่ยวม่านคนนี้เดินเข้ามาใกล้หุ่นฟาง เส้นประสาทของพวกเราก็เกร็งไปหมด
กลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น
แต่ในเวลานี้ จู่ๆผีตานีตนนั้นกลับพูดคําพูดชวนขนลุกแบบนั้นออกมา ทําให้พวกเราอึ้งกันในทันที
ตัวผมนี่แทบอ้วกอาหารเย็นออกมาเลยทีเดียว
ผมใช้สายตาสยองจ้องผีตานี แม่เจ้าประจบได้น่าขยะแขยงเกินไปหน่อยมั้ง
เรียกซะพี่อ้าวเทียว แถมยังบอกให้ลุกมาออกกําลัง จะทําให้มันน่าขยะแขยงน้อยกว่านี้หน่อยได้ไหมฮะ ?
แต่หลงอ้าวเทียนที่ตัวสั่นอยู่ข้างๆ กลับทําหน้าหวาดกลัว ตกใจจนเหมือนตายไปแล้วครึ่งตัว
ผมตบไหล่เขาเบาๆ ขณะเดียวกันก็ใช้เสียงที่มีพวกเราเท่านั้นที่ได้ยิน “ ไม่ต้องกลัว ยัยนั่นมองไม่เห็นเราหรอก ตอนนี้กําลังเห็นหุ่นฟางเป็นตัวนาย! ทําตามที่เราคุยกันเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ไม่อย่างงั้นชีวิตน้อยๆของนายได้จบเห่แน่! ”
ถึงหลงอ้าวเทียนจะกลัวขนาดไหน แต่เขาก็กลัวตายมากกว่า
เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นสีหน้าที่หวาดกลัว กลืนน้ําลายด้วยความประหม่า แต่ก็ยังพยักหน้าให้พวกเรา
ต่อจากนั้น ผีตานีที่อยู่ข้างนอกก็เคลื่อนไหว
ครั้งนี้เธอเอามือมาโอบคอหุ่นฟาง ทิ้งตัวลงบนตักหุ่นท่าทางยั่วยวนมาก
และยังพูดกับหุ่นฟางว่า “ พี่อ้าวเทียน รีบตื่นเถอะ ถึงเวลาตื่นมาดูของสวยๆได้แล้วนะ ”
หลังจากพูดจบ ผีตานีตนนั้นยังเขย่าหุ่นฟางสองสามครั้ง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็ใช้ศอกสะกิดหลงอ้าวเทียน เพื่อให้เขาตอบกลับสักที !
เมื่อเป็นแบบนี้ จะทําให้อีกฝ่ายสับสนยิ่งกว่าเดิม
หลงอ้าวเทียนพยายามอ้าปาก สุดท้ายก็พูดออกมาเสียงสั่น “ ง่วง ง่วงมาก ฉัน ฉันอยาก ฉันอยากนอน……….”
เสียงไม่ดังมาก ดังขึ้นจากตรงที่พวกเราอยู่
แต่สําหรับผีตานีตนนั้น เหมือนเธอจะได้ยินหุ่นฟางเป็นคนพูด จึงไม่แสดงท่าทางสงสัยเลยสักนิด
แถมเธอยังลูบหน้าหุ่นฟางอย่างยั่วยวนครั้งแล้วครั้งเล่า
“ พี่อ้าวเทียน ไม่นะ! พี่ไม่ใช่บอกว่าชอบฉันเหรอ ? รีบทําให้ฉันเถอะนะ !” ขณะพูด ผีตานีตนนี้ก็เริ่มถอดเสื้อผ้า
หลงอ้าวเทียนยังคงกลัวเหมือนเดิม แต่ปากของเขาก็พูดต่อ “ ไม่ ไม่คุยแล้ว ฉัน ฉันง่วง ง่วงจริงๆ ฉัน
ฉันจะนอน นอน……”
เมื่อผีตานีที่นั่งอยู่บนตัวหุ่นฟางได้ยินแบบนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าตัวแข็งที่อในทันที ในปากเหมือนจะเค้นเสียงดัง “ ฮะ ”
เห็นได้ชัด ว่ามันไม่เหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้เลยสักนิด
ก่อนหน้านี้ ขอแค่เธอปรากฏตัว เธอก็ไม่จําเป็นต้องพูดยั่วยวนพวกนี้ด้วยซ้ํา เขาก็จะกระโจนเข้าหาเธอทันที
แต่วันนี้ สถานการณ์กลับไม่ค่อยเหมือนเดิม
ต่อจากนั้น ผีตานีก็เขย่าหุ่นฟางสองสามครั้ง เมื่อเห็นหุ่นฟางไม่ตอบสนองจริงๆ เธอก็ลุกขึ้น หลังจากนั้นก็สังเกตตัวหุ่นฟางด้วยความสงสัย
เมื่อเห็นภาพนี้ พวกเราก็เครียดขึ้นมาทันที
จะมองเห็นพิรุธไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ต้องจบเห่แน่
หลังจากผีตานีมองอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็บ่นพึมพําออกมาว่า “ ทําไมมีพลังหยางน้อยขนาดนี้ ใกล้ตายแล้วหรือเปล่า? ”
หลังจากพูดจบ ผีตานีตนนี้ยังใช้จมูกดมตัวหุ่นฟางครู่หนึ่ง
นอกจากนี้ เธอยังใช้ลิ้นเลียบนตัวหุ่นฟาง
ผลลัพธ์ขณะที่เธอกําลังทําแบบนั้น พวกผงชาดบนตัวหุ่นฟาง ก็โดนเธอเลียไปจนหมด
ผงชาดพวกนี้เคยผ่านลูกเล่นบางอย่างมาก่อนผีตานีตนนั้นเลย ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ
นี่ก็เหมือนกับ ตอนแรกยังไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากรอให้พิษออกฤทธิ์ถึงระดับนึง เริ่มโจมตีเหยื่อแล้ว
ถึงตอนนั้นก็หมดทางช่วยแล้ว
ผีตานีเลียสองสามครั้ง เมื่อเห็นหุ่นฟางไม่ตอบโต้ใดๆ เธอก็พ้นควันสีเขียวไปที่หน้าของหุ่นฟางอีกครั้ง หลังจากนั้นก็พูดขี้นมาว่า “ พี่อ้าวเทียน ทําไมตัวพี่เหม็นขนาดนี้เนี่ย เราไปอาบน้ําด้วยกันก่อนดีไหม! ”
ขณะพูด ผีตานีตนนี้ก็เริ่มดึงตัวหุ่นฟางขึ้นมา
มันชัดเจนมาก ควันสีเขียวที่ออกจากปากผีตานี ต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน
จะต้องเป็นเพราะควันนี้ หลงอ้าวเทียนเลยเสียสติ เปลี่ยนเป็นคนเหม่อลอยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ในเวลาเดียวกัน ผมและเหล่าเฟิงก็ส่งสัญญาณบอกให้หลงอ้าวเทียนพูด
ถึงหลงอ้าวเทียนจะกลัว แต่เขาก็พบกว่าซ่อนอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้มีอันตรายอะไร และไม่ได้กลัวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว จึงพูดกับผีตานีที่อยู่ข้างนอกว่า “ ไม่ ไม่อาบแล้ว ฉันเหนื่อยมากจริงๆ พรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกันใหม่นะ! นอนก่อนละ !”
หลังจากพูดจบ หลงอ้าวเทียนก็รูดซิปปากอีกครั้ง
ส่วนผีตานีตนนั้นก็อึ้งอีกรอบ เหมือนในปากจะเค้นเสียงดัง ฮึ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที
ตอนนี้เธอกําลังยืนจ้องหุ่นฟาง ราวกับกําลังโกรธมาก แต่เธอก็ไม่ได้ทําอะไรอีก
หลังจากนั้นพักหนึ่ง ผีตานีตนนั้นถึงได้พูดว่า “ ก็ได้พี่อ้าวเทียน พรุ่งนี้ฉันจะมาหาพี่ใหม่นะ !”
พอพูดจบ ยัยนั่นยังหอมแก้มหุ่นฟางหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นก็หมุนตัวออกไปทันที
เมื่อเห็นผีตานีไปแล้ว พวกเราก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อเป็นแบบนี้ วันนี้ก็ถือว่าผ่านพ้นไปได้แบบลวกๆแล้ว ขอแค่ผ่านไปอีกสองคืน
พวกเราก็ไม่ต้องเสียเลือด ใช้ผงชาดพิเศษบนตัวหุ่นฟางเป็นอาวุธสังหารผีตานีตนนั้นแทน
แต่วินาทีที่ผีตานีหมุนตัวออกจากบ้าน ฝั่งอาจารย์ก็มีการเคลื่อนไหวเช่นกัน
ตรงประตูบ้าน เขาทําบ่วงเชือกเอาไว้จํานวนหนึ่ง ปลายด้านหนึ่งของบ่วงเชือก ผูกกับเชือกแดงเอาไว้
นี่ทําไว้เป็นเครื่องหมายตามตัวผีตานี เมื่อพวกอาจารย์เห็นผีตานีออกไป และเท้าเหยียบโดนบ่วง เขาก็ไม่ลังเลเลยสักนิด ออกแรงกระตุกเชือกเส้นนั้นรัดที่ข้อเท้าของอีกฝ่ายทันที หลังจากนั้นเธอก็ลากเชือกแดงออกจากบ้านไป
วิธีแบบนี้ เป็นวิธีของคนรุ่นเก่า ที่ตกทอดมาสู่รุ่นของพวกเรา
ถึงต้นกล้วยต้นนี้จะบําเพ็ญจนบรรลุแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่มีสัมผัสที่ไวต่อเชือกแดง
ในเวลานี้เชือกแดงรัดอยู่ที่ข้อเท้า ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รู้ตัว และไม่สังเกตเห็นแต่อย่างใด
พวกเรามองเชือกแดงลอยออกไปไกลเรื่อยๆ คิดว่าผีตานีตนนี้คงวิ่งออกไปไกลมากแล้ว
หลังจากผีตานีออกไปได้ประมาณหนึ่งนาที อาจารย์และคนอื่นๆก็ออกมาจากอีกทางด้านหนึ่ง
เมื่อเห็นอาจารย์ออกมา พวกเราก็คลานออกมาจากใต้โต๊ะ
พวกเราสามคนเพิ่งออกมา อาจารย์ก็พูดกับพวกเราว่า “ พวกแกรออยู่ที่บ้าน พวกเราจะตามไปดูว่ารังผีตานตัวนั้นอยู่ที่ไหน!
“ แล้วก็ ก่อนฟ้าสาง ห้ามแตะต้องหุ่นฟางตัวนี้เด็ดขาด! ” ท่านนักพรตตู๋พูดเพิ่ม
หลังจากพูดจบ ยังไม่รอให้พวกเราขานรับ อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ก็ถือก้อนเชือกแดงที่เหลือน้อยนิด พร้อมพาเหล่าฉินวิ่งตรงออกไปจากบ้านทันที
หลังอาจารย์และคนอื่นๆไปแล้ว ในบ้านก็เหลือเพียงแค่พวกเราสามคน
หลงอ้าวเทียนใจสั่น หันมามองพวกเราสองคน “ ฉัน ฉันไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม ? ”
เมื่อได้ยินเจ้าหมอนี่พูด ผมก็จ้องเขาอย่างดุร้าย ทันใดนั้นเองผมก็เค้นเสียงดัง ฮี กํามือแน่น แล้วต่อยไปที่หน้าเขาทันที
ได้ยินเพียงเสียงหลงอ้าวเทียนร้องดัง “ โอ๊ย ” แล้วก็ล้มลงไปนอนกับพื้นทันที
หลงอ้าวเทียนทําหน้าหวาดกลัว “ นัก นักพรตติง คุณ คุณต่อยผมทําไม? ”
ผมทําหน้าโมโห “ ตอนไปล่อผีตานีออกมา แกจินตนาการถึงใครละฮะ ? ต่อยแกคืนนี้ฉันต่อยแกไม่ได้เหรอ…”
เสียงเพิ่งเงียบลง ผมก็ยกเท้าขึ้นถีบเจ้าชายเจ้าสําราญคนนี้อีกครั้ง
เสี่ยวม่านเป็นเพื่อนสมัยเด็กคนเดียวของผม ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนสนิทของผมด้วย
แต่เจ้าหมอนี่กลับเห็นเธอเป็นตัว “ บําเรอความใคร่ ” ดูหมิ่นเธอถึงขนาดนี้ ตอนนี้ผมเห็นเข้ากับตา
แล้วจะไม่ให้ผมโมโหได้ยังไง ?
ถึงตอนนี้จะฆ่าเขาไม่ได้ แต่ผมก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าหมอนี่ไปง่ายๆอย่างแน่นอน……