ศพ - ตอนที่ 291 เหยื่อรายใหม่
ตอนที่ 291 เหยื่อรายใหม่
จากการคุยโทรศัพท์ของหลงอ้าวเทียน พวกเราพบว่าเรื่องนี้ซับซ้อน และร้ายแรงกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้
ฟังจากคําพูดของลูกเศรษฐีที่ชื่อหวางฮ่าวคนนั้น นอกจากเขาจะไม่เป็นอะไรแล้ว ลูกเศรษฐีอีกสองคนที่เหลือ คนหนึ่งตายแล้ว แล้วอีกคนอยู่ในโรงพยาบาล ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นกัน
จากคําพูดพวกนี้เรามั่นใจว่า เด็กอีกสองคน ก็คงไปยุ่งกับผีตานีเช่นกัน
ตอนนี้ตายไปหนึ่งคนแล้ว สถานการณ์ของอีกคน ก็น่าจะไม่ต่างจากหลงอ้าวเทียน
ถ้าไม่ช่วย ความตายก็คงมาเยือนในอีกไม่กี่วัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของทุกคนก็จมดิ่งลงทันที
“ เหล่าติง ตู๋อ่าว ตอนนี้เราจะทํายังไงดี” เหล่าฉันไม่รู้จะตัดสินใจยังไง เรื่องราวเริ่มร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม
อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ขมวดคิ้วแน่น เงียบอยู่พักหนึ่ง แล้วถึงได้ยินอาจารย์พูดว่า “ ถึงจะยุ่งยากมากกว่าเดิม แต่ในเมื่อพวกเรามารู้เข้าแล้ว ยังไงก็ต้องจัดการให้จบ ! ”
“ อือ ! ใช่ เสี่ยวเทียนนายคิดหาวิธีติดต่อเด็กที่ชื่อซุนเสี่ยวหลินนั่นให้ได้ ถ้าพวกเราไม่ลงมือ เพื่อนของนาย
คงอยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้ว ! ” ท่านนักพรตตู๋พูดเพิ่ม
หลงอ้าวเทียนที่ได้สติกลับคืนมาแล้ว ย่อมเข้าใจว่าเรื่องนี้น่ากลัว และอันตรายขนาดไหน
หลังกลืนน้ำลายด้วยความประหม่าแล้ว เขาก็รีบพยักหน้ารับแล้วโทรออกอีกหลายสาย ในที่สุดเขาก็หาเบอร์ของแม่ซุนเสี่ยวหลินเจอ
โทรศัพท์ถูกรับอย่างรวดเร็ว ได้ยินเพียงเสียงที่เศร้าหน่อยๆดังขึ้น “ ฮัลโหล ! ”
“ สวัสดีครับคุณน้า ผมเป็นเพื่อนของซุนเสียวหลิน หลงอ้าวเทียน ! ” หลงแาวเทียนรีบขานรับด้วยความสุภาพ
ฝั่งนั้นเงียบไปพักหนึ่ง แต่ก็ยังตอบกลับด้วยเสียงที่ยังไม่ได้สติ “ อ่อ ! เสี่ยวเทียน ! มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ? ”
หลงอ้าวเทียนก็ไม่พูดจาไร้สาระ เขาเปิดประเด็นทันที “ เรื่องเป็นแบบนี้ครับคุณน้า เมื่อครึ่งเดือนก่อน
ผมกับซุนเสี่ยวหลินไปยุ่งกับผีตานีที่ปากล้วยด้วยกัน ต่อจากนั้นพวกเราสองคนก็ปวย ผมไปตรวจที่โรงพยาบาลหลายแห่งแล้ว แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย ต่อมาพ่อกับแม่ผมไปเชิญนักพรตสองสามท่านมาดูอาการให้ผม ถึงทําให้ผมตื่นขึ้นมาได้ ซุนเสี่ยวหลินเองก็น่าจะเป็นแบบผม โดนสิ่งชั่วร้ายเล่นงาน ถ้าคุณน้าเชื่อผม
ก็ส่งที่อยู่มาให้ผมนะครับ ผมจะให้ท่านนักพรตที่บ้านไปดูให้ครับ…… ”
หลงอ้าวเทียนบรรยายเรื่องทั้งหมดที่ตัวเองเจอให้อีกฝ่ายฟังสั้นๆ และยังชี้ให้เห็นข้อดีและข้อเสีย
ตอนแรก แม่ของซุนเสี่ยวหลินยังตกใจอยู่ จึงถามด้วยความสับสนสองสามคําถาม
สุดท้ายทุกเรื่องที่หลงอ้าวเทียนพูด หรือทุกอาการที่เขาเป็นหรือแม้แต่เวลาเกิดเรื่อง ก็เหมือนกันแทบทั้งหมด
ตอนนี้ชีวิตของซุนเสี่ยวหลินขึ้นอยู่กับเวลา ตัวเขาใกล้จะหมดลมเต็มทีแล้ว
สัปดาห์นี้ แทบจะนอนหลับตลอด พึ่งสารอาหารทางน้ำเกลือเท่านั้น
แม้แต่ทางโรงพยาบาล ก็ยังบอกว่าอาการของเขาทรุดลงอย่างต่อเนื่อง ซุนเสี่ยวหลินคงอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่วัน
พ่อแม่ของซุนเสี่ยวหลินเป็นคนมีการศึกษา พวกเขาไม่เชื่อเรื่องเทพพระเจ้า ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้
ไม่เคยเชิญนักพรตคนไหนมาดูอาการมาก่อน
แต่ลูกชายสุดที่รักของตัวเองกําลังจะตายแล้ว แถมหลงอ้าวเทียนก็พูดถูกทุกอย่าง
พวกเขาเองก็เป็นคนรักลูกสุดหัวใจ จึงไม่สนใจอะไรมากนัก เห็นเพียงสถานการณ์ถึงขั้นวิกฤตมีเพียงความหวังอันริบหรี่ จึงรีบส่งที่อยู่ให้กับพวกเรา แล้วบอกให้พวกเรารีบมาให้เร็วที่สุด
สถานที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองของพวกเรา เงื่อนไขทางการแพทย์ดีมาก สามารถอยู่ในระดับชั้นแนวหน้าของประเทศได้เลย
คนที่สามารถเข้ารับการรักษาที่นี่ได้ ไม่มีใครเป็นคนจนเลยสักคน
เวลายังเช้าอยู่ ทุกคนออกจากบ้านพร้อมกัน เตรียมตัวไปดูอาการซุนเสี่ยวหลินคนนี้
หลงอ้าวเทียนไม่ได้เจอแสงแดดมาหลายวันแล้ว เมื่อตอนนี้โดนแสงแดดส่องกระทบกาย เขาก็รู้สึกดีไปทั้งตัว ผิวที่ซีดขาวก็เริ่มกลับมามีสีเลือดฝาดอีกครั้ง ไม่รู้ว่าพลังฟื้นคืนมาเท่าไหร่แล้ว
เมื่อคุณหลงและคุณนายหลงเห็นแบบนั้น ก็ดีใจกันยกใหญ่ ยกย่องและยอมรับในความสามารถของพวกเราอย่างมาก
ในวิลล่ามีรถอยู่หลายคัน ดังนั้นตอนออกเดินทางเลยสะดวกมาก
เมื่อพวกเรามาถึงโรงพยาบาลเอกชนที่ซุนเสี่ยวหลินอยู่ ก็เป็นเวลาบ่ายสามแล้ว
พอลงจากรถ พ่อแม่ของซุนเสี่ยวหลินก็รอเราอยู่ที่หน้าประตูแล้ว
สองสามีภรรยาคู่นี้ค่อนข้างอ้วน ถ้าเอาน้ำหนักมารวมกันแล้ว น่าจะหนักเกือบ 400 โลได้
หลงอ้าวเทียนกล่าวทักทายทั้งคู่ หลังจากนั้นก็แนะนําพวกเราและพ่อแม่ของเขา
พวกเราพยักหน้าทักทาย
คุณซุนสุภาพมาก เขาคํานับพวกเราทีละคนๆ บอกให้พวกเราช่วยลูกชายผ่านเคราะห์ครั้งนี้ไปให้ได้ด้วย
คุณหลงและภรรยาที่อยู่ข้างๆไม่สงสัยความสามารถของพวกเราเลยสักนิด พวกเขาชมความสามารถของพวกเราอยู่ข้างๆซะยกใหญ่
แม้คุณซุนและคุณหลง จะไม่เคยทําธุรกิจร่วมกันมาก่อน ในทางส่วนก็ไม่ได้สนิทกัน แต่นักธุรกิจมีหน้ามีตาในเมืองทั้งนั้น จึงนับว่าคุ้นหน้ากันอยู่บ้าง
ตอนนี้คุณหลงและภรรยามาด้วยตัวเอง และยังแนะนําถึงขนาดนี้ คุณซุนจึงเชื่อใจพวกเราไม่น้อย
ต่อจากนั้น พวกเราก็เดินตามคุณซุน ตรงไปที่ห้องพักของซุนเสียวหลินทันที
ห้องพักใหญ่มาก หากเป็นโรงพยาบาลรัฐมันสามารถวางเตียงได้ห้าเตียงได้เลย แต่ตอนนี้มีซุนเสี่ยวหลินพักอยู่แค่คนเดียว
เมื่อมองเข้าไป จะเห็นผู้ชายผิวซีดเซียว นอนตัวผอมแห้งอยู่บนเตียง
ผู้ชายคนนี้หายใจแผ่วเบา ตอนนี้ยังคงหลับอยู่ พลังหยางอ่อนมาก จนแทบเรียกว่าไม่เหลือเลยก็ว่าได้
หลังคุณซุนพาพวกเราเข้ามาในห้องแล้ว เขาก็อดถอนหายใจไม่ได้
คุณนายซุนพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนกําลังจะร้องไห้ “ พวกคุณดูเอาเถอะ ! ลูกชายของฉันหนัก 180 กว่าโล นี่เพิ่งผ่านไปครึ่งเดือน เขาก็ผอมจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว หมอบอกว่า ลูกชายของฉันอาจจะ อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วัน… ”
เพิ่งพูดถึงตรงนี้ คุณนายซุนก็ร้องไห้ออกมาทันที เธอดูเสียใจหนักมาก
พวกเราเองก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงเข้าไปดูใกล้ๆเตียงเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันก็เลิกผ้าห่มออก ถอดถุงเท้าของซุนเสี่ยวหลินมองสํารวจคร่าวๆ เห็นเพียงบนหัวแม่เท้าซ้ายของเขาก็มีวงแหวนเหมือนกัน
แต่สีบนวงแหวนนี้ เข้มกว่าสีบนเท้าของหลงอ้าวเทียน มันเริ่มจะเป็นสีดําแล้ว
เป็นอย่างที่คิด ซุนเสี่ยวหลินเป็นเหมือนที่พวกเราเดาเอาไว้ เขาเองก็โดนผีตานีเล่นงานเหมือนกัน
ตอนนี้โดนดูดพลัง ทําให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว และมีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย
เหล่านินสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง “ ผีตานี้ไม่ได้หนีไป เจ้าเด็กนี่ก็โดนผีตานีเล่นงานเหมือนกัน !”
“ ผี ผีตานี ? ” พ่อแม่ของซุนเสี่ยวหลินไม่ค่อยเข้าใจ
คุณนายหลงที่อยู่ข้างๆจึงรีบอธิบายว่า “ ก็คือวิญญาณในต้นกล้วย ที่กลายร่างเป็นหญิงสาว เมื่อครึ่งเดือนก่อนเจ้าเด็กสองสามคนนี้ไปยุ่งกับผีตานี คุณดูสภาพลูกชายฉันซิ เขาเองก็โดนผีตานีสูบพลังจนกลายเป็นแบบนี้ โชคดีที่พวกเราไปเชิญท่านนักพรตมาช่วยทัน นี่ก็รออีกสองวัน ลูกชายเราก็จะกลับมาเป็นปกติแล้ว !
ตอนนี้ท่านนักพรตมาแล้ว เสี่ยวหลินจะต้องปลอดภัยแน่ๆ ”
เมื่อคุณนายซุนได้ยินคุณนายหลงพูดถึงขนาดนั้น เธอก็หันไปมองหลงอ้าวเทียนครู่หนึ่ง เป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ
ผอมอย่างกับไม้เสียบผี ภายนอกดูไม่ต่างอะไรจากลูกชายเธอมากนัก เพียงแค่ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเยอะเท่านั้น
คุณซุนแสดงปฏิกิริยาออกมาก่อนใคร เขารีบเข้ามาอยู่ตรงหน้าพวกเรา “ ท่านนักพรตทุกท่าน พวกคุณต้องช่วยลูกชายผมด้วยนะครับ ขอแค่พวกคุณยอมช่วยบอกราคามาเลยครับ ผมซุนต้าชานคนนี้จะไม่ปฏิเสธเลยครับ !”
“ ใช่แล้วค่ะท่านนักพรตทุกท่าน พวกคุณต้องช่วยลูกของเรานะคะ ฉันคุกเข่าให้พวกคุณแล้ว ”
คุณนายซุนก็เข้ามาขอร้อง และทําท่าจะคุกเข่าจริงๆ
พอผมและเหล่าเฟิงเห็นแบบนั้น ก็รีบเข้าไปพยุงเธอทันที
จากนั้นอาจารย์ก็พูดขึ้นมาว่า “ คุณซุน คุณนายซุน พวกเราเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย การปราบสิ่งชั่วร้ายเป็นหน้าที่ที่พวกเราปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว พวกคุณไม่ต้องทําถึงขนาดนั้นก็ได้ในเมื่อพวกเรามาแล้ว ก็ต้องช่วยลูกพวกคุณอยู่แล้ว ผมมียันต์อยู่ พวกคุณเข้าไปเอาน้ำแก้วนึง เราต้องทําให้ลูกคุณฟื้นขึ้นมาก่อน ”