ศพ - ตอนที่ 293 เริ่มทํางานสองทาง
ตอนที่ 293 เริ่มทํางานสองทาง
ตอนนี้ในห้อง เหลือเพียงแค่พวกเราไม่กี่คน พวกหมอและพยาบาลโดนไล่ออกไปหมดแล้ว
อาจารย์ ท่านนักพรตต์ และคนอื่นๆมายืนอยู่ข้างเตียง แล้วเริ่มทําความเข้าใจกับสถานการณ์ของ
ซุนเสี่ยวหลินคนนี้
แต่เห็นได้ชัดว่าอาการของเจ้าซุนเสี่ยวหลินหนักกว่าหลงอ้าวเทียนมาก หลงอ่าวเทียนแค่มึนๆ ไม่รู้เนื้อรู้ตัว พอตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังจําเหตุการณ์ได้นิดๆหน่อยๆ และมีความรู้สึกหวากกลัวผีตานี
แต่หลังซุนเสี่ยวหลินตื่นขึ้นมา เขาก็แทบจําเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นไม่ได้เลย
หรือแม้แต่ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ยังไง ทําไมตัวเองถึงได้ผอมอย่างไร้สาเหตุแบบนี้ได้
สิ่งเดียวที่เขาจําได้คือ เมื่อครึ่งเดือนก่อน เขาและหลงอ่าวเทียนไปที่ชานเมืองทางด้านตะวันออกด้วยกัน
แต่ไปที่ชานเมืองตะวันออกทําไม หลังจากนั้นทําอะไรไปบ้างเขาก็จําไม่ได้เลยสักนิด
เขาสัมผัสได้รางๆว่าตัวเองนอนหลับไปนานมาก ฝันถึงอะไรบางสิ่งบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออกว่าทําไมถึงเป็นแบบนี้
ซุนเสี่ยวหลินเห็นพวกเราเครียดถึงขนาดนี้ และตอนนี้แขนกับร่างของกายตัวเองยังหดเล็กลงขนาดนี้
จึงรู้สึกสงสัยมาก เลยถามพวกเราว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ในฐานะที่หลงอ่าวเทียนเป็นคนก่อเรื่องร่วมกัน จึงเล่าว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นและตอนนั้นพวกเขาไปทําอะไรมาบ้างให้ซุนเสี่ยวหลินฟังที่ละเรื่องๆ
ซุนเสี่ยวหลินพยายามคิดถึงเรื่องราวเมื่อก่อนหน้านี้แต่แล้วเขาก็พบกับอาการปวดหัวอย่างรุนแรง
แทบสลบ
เมื่อพวกอาจารย์เห็นแบบนั้น ก็ไม่ถามเขาต่อ เพียงบอกให้ซุนเสี่ยวหลินพักผ่อนเท่านั้น
พอพ่อแม่ของซุนเสี่ยวหลินเห็นสถานการณ์เป็นแบบนั้นก็ร้อนใจขึ้นมาทันทีถามพวกเราว่ามีวิธีช่วย
ซุนเสี่ยวหลินไหม ซุนเสี่ยวหลินจะความจําเสื่อมหรือเปล่า
แต่อาจารย์กลับพูดว่า แม้สถานการณ์ของซุนเสี่ยวหลินจะหนักกว่าหลงอ่าวเทียนหน่อย แต่ก็มีทางช่วยอยู่
ส่วนเรื่องความจําเสื่อม เขาน่าจะเหมือนกับหลงอ่าวเทียนเป็นเพราะโดนพลังปีศาจทําให้สูญเสียการควบคุมจิตใจไปขอแค่ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับผีตานี อีกไม่นาน เขาก็จะเป็นเหมือนหลงอ่าวเทียนค่อยๆกลับมาจําได้อีกครั้ง และแน่นอนว่าร่างกายก็จะค่อยๆฟื้นกลับมาส่วนเรื่องจะฟื้นกลับมาเท่าไหร่ ตอนนี้ยังพูดยาก
เมื่อคุณซุนและคุณนายซุนได้ยินว่าลูกชายตัวเองมีทางรอดแล้วก็ดีใจจนลืมตัว
ผลที่โรงพยาบาลให้คือ ดูอาการวันต่อวันและยังบอกว่าซุนเสี่ยวหลินเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน
แต่พวกเรากลับให้ความหวังพวกเขา ถึงแม้จะฟื้นกลับมาไม่ดีเหมือนเดิมแต่ขอแค่ซุนเสี่ยวหลินยังมีชีวิตอยู่ ในฐานะคนเป็นพ่อเป็น แม่อย่างพวกเขาก็คิดว่าคุ้มค่าแล้ว
ต่อจากนั้นก็รู้สึกขอบคุณพวกเรามาก ท่าที่ที่แสดงออกมาก็ดูจริงใจสุดๆเหมือนท่าทีของพ่อแม่หลงอ่าวเทียนเมื่อก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
ต่อจากนั้น อาจารย์และท่านนักพรตต์ก็ลากผมและเหล่าเฟิงมาที่ระเบียง
ในเวลาเดียวกันก็ได้ยินอาจารย์ผมพูดกับพวกเราว่า “ เสี่ยวฝานเสี่ยวเฟิงสถานการณ์เปลี่ยน แผนก็ต้องเปลี่ยนด้วย คืนนี้พวกนายตามหลงอ่าวเทียนกลับไป ทําตามที่คุยกันเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ พวกเราจะอยู่ที่นี่ รับมือกับผีตานีอีกตัว ! ”
“ ยังจะใช้หุ่นฟางแทนอีกเหรอครับ ? ” ผมถามต่อทันที
แต่ท่านนักพรตตู้กลับสายหัว “ ไม่แล้ว วิธีนี้คงจะไม่เหมาะกับที่นี่เท่าไหร่ดูจากระดับพลังหยางที่ซุนเสี่ยวหลินถูกดูดออกไปผีตานีต้นนี้ต้องร้ายกาจกว่าผีตัวเมื่อคืนแน่นอน ดังนั้นพวกเราคิดว่าจะใช้คนแทน
ซุนเสี่ยวหลิน มีเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้น ถึงจะทําให้อีกฝ่ายหลงเชื่อได้ ”
เมื่อได้ยินท่านนักพรตติพูดถึงขนาดนั้น ผมและเหล่าเฟิงก็อดสูดหายใจเข้าไม่ได้
พวกอาจารย์จะเป็นเหยื่อเองแล้วถ้ามันล้มเหลวละ
“ อาจารย์ ถ้ามันล้มเหลวละจะทํายังไง ? ” เหล่าเฟิงขมวดคิ้วชิงพูดก่อนใคร
“ ถ้าล้มเหลว ก็ทําตามแผนสอง ใช้กําลังเข้าสู้ แต่พวกนายวางใจได้พวกเราไม่เป็นอะไรหรอก
พอพวกนายกลับไปแล้ว ก็ทําตามที่พวกเราคุยเอาไว้ ก่อนหน้านี้ก็พอ ! ” ท่านนักพรตต์พูดขึ้นมาอีกครั้ง
ผมและเหล่าเฟิงมองอาจารย์และท่านนักพรตตู้ด้วยความสับสนสองสามรอบเมื่อเห็นพวกเขาตัดสินใจแล้ว พวกเราก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีจึงได้แต่พยักหน้าตกลงแล้วบอกให้พวกอาจารย์ระวังตัว กันให้ดีๆ
ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว พวกอาจารย์จะเตรียมงานต่อ พวกเราเลยไม่อยู่รบกวนพวกเขา บอกลาพวกเขา แล้วขอตัวกลับสกุลหลงก่อน
พวกอาจารย์ก็อธิบายสถานการณ์กับครอบครัวหลงเรียบร้อยแล้วบอกให้พวกเขาให้ความร่วมมือกับผมและเหล่าเฟิง
ครอบครัวหลงก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก พวกเราบอกยังไงพวกเขาก็ทําอย่างนั้น
ต่อจากนั้น พวกเราก็นั่งรถออกจากโรงพยาบาล กลับมาที่วิลล่าสกุลหลง
สิ่งที่ทําหลังกลับมาถึงบ้านคือ คุยเรื่องแผนการในคืนนี้กับหลงอ้าวเทียนและเรื่องที่ต้องระวังต่างๆ
หลงอ่าวเทียนมีประสบการณ์มาหนึ่งคืนแล้ว จึงเชื่อในฝีมือของพวกเราและให้ความร่วมมือกับพวกเราอย่างมาก
หลังกินมื้อเย็นเสร็จ พวกเราก็เดินไปส่งพ่อแม่ของหลงอ่าวเทียนหลังจากนั้นก็เช็คหุ่นฟาง เมื่อมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเราก็เริ่มรอผีตานีมาเยือนครั้งที่สอง
ครั้งนี้ พวกเรายังซ่อนอยู่ใต้โตที่มียันต์แปะเอาไว้เหมือนเดิม
เมื่อคืนหลงอ่าวเทียนกลัวจนตัวสั่น แต่คืนนี้ สถานการณ์ของเขาดีขึ้นเยอะถึงจะยังกลัวอยู่ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้นั่งกุมหัวตัวสั่นเหมือนเดิม
ฟ้าเริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆในบ้านก็เริ่มมืดเช่นเดียวกัน
แต่พวกเราไม่กล้าพูดอะไร เพียงซ่อนอยู่ใต้โต๊ะชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าจนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงคืนครึ่ง
ประตูที่ถูกปิดสนิทก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
“ แอร็ด ” ขณะเสียงนี้ดังขึ้น ประตูบ้านก็เผยให้เห็นแสงที่ลอดส่องเป็นทาง
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ผมและเหล่าเฟิงก็มีเอาน้ําตาวัวออกมาป้ายเปิดตาตัวเองเพื่อเพิ่มระยะการมองเห็น
ขณะที่ความรู้สึกเย็นๆปรากฏขึ้น ตาสวรรค์ก็เปิดออก ความมืดมิดในบ้านแจ่มชัดขึ้นมาในทันที
ผ่านช่องว่างผ้าคลุมโต๊ะ พวกเราเห็นผู้หญิงในชุดเซ็กซี่ ยั่วใจคนหนึ่งกําลังเดินด้วยส้นสูง “ ต๊อกต๊อกต๊อก” เข้ามาในบ้านท่าทางยั่วยวนร้อนแรงจนพาให้หลงไหล
คืนนี้ผีตานี ดูเซ็กซี่กว่าเมื่อคืนมีผลอย่างมากกับผู้ชาย
เพียงหน้าแบบนั้นเหมือนเสี่ยวม่านเป๊ะผมก็เลยรู้สึกเสียใจมาก
ผ่านไปไม่นาน ผีตานีตนนั้นก็มาอยู่ตรงหน้าโซฟา เห็นว่าเข้ามาใกล้หุ่นฟางตรงโซฟาแล้วเธอก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างเย้ายวนแล้วตะโกนเสียงหวานชวนเคลิบเคลิ้ม “ พี่อ้าวเทียน ตื่นได้แล้ว !ควรลุกมาทําการบ้านได้แล้วนะ ”
เมื่อได้ยินคําพูดอบบนี้ บนหัวผมก็มีเส้นดําปกคลุมรู้สึกขยะแขยงสุดๆ
เฮ้อ เป็นปีศาจชั่วจริงๆ ในสมองมีแต่เรื่องอย่างว่า
แต่หุ่นฟางไม่ขยับ พวกเราเองก็ไม่ได้ส่งสัญญาณให้หลงอ้าวเทียนพูด
ผีตานีเห็นหุ่นฟางไม่ตื่นขึ้นมา เธอเลยขึ้นไปนั่งบนตัวของมันแล้วทําเหมือนเมื่อคืน พ่นควันสีเขียวใส่หน้าหุ่นฟาง
ต่อจากนั้น ก็จูบหุ่นฟางสองสามครั้ง ผลลัพธ์พอจูบลงไปก็มีผงชาดติดปากเธอมาด้วย
“ พี่อ้าวเทียน รีบตื่นเถอะ เมื่อวานพี่ทิ้งให้น้องนอนเหงาคนเดียวทั้งคืนคืนนี้พี่ต้องชดเชยให้นะ…”
เสียงชวนเคลิ้มมาก ทําให้คนติดกับได้อย่างง่ายดาย
แต่ในสายตาของพวกเรา กลับรับรู้ได้แต่ความหนาวเย็น
ในเวลาเดียวกัน ผมก็ใช้ศอกสะกิดหลงอ่าวเทียน ส่งสัญญาณให้เขาเริ่มพูด
หลงอ่าวเทียนก็ไม่รอช้า รีบพูดออกมาทันที “ ไม่ ไม่ไหว คืนนี้ฉันง่วงมากพรุ่งนี้พรุ่งนี้ละกันนะ !”
เสียงของหลงอ่าวเทียนเพิ่งเงียบลง ผีตานีตนนั้นก็อารมณ์เสียแล้วเธอกดหน้าลงต่ํา เสียงก็เริ่มแข็งก้าวขึ้นมาไม่น้อย “ ไม่ได้ ฉันจะ เอาคืนนี้ !พี่ดูซิคืนนี้ฉันแต่งตัวสวยขนาดนี้ แถมยังเซ็กซี่ด้วยนะ”
พอพูดจบ เธอก็เริ่มใช้แรงกับหุ่นฟาง
เกาะหุ่นฟางแน่น แล้วทําท่าทางน่ารังเกียจออกมา
ฉากนั้นทําให้ผมกับเหล่าเฟิงเขินกันเลยทีเดียว แต่ยิ่งเธอทําแบบนั้นผงชาดก็จะติดตัวเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
และตายเร็วขึ้นเท่านั้น