ศพ - ตอนที่ 294 หยางเฉ่วร่วมด้วย
ตอนที่ 294 หยางเฉ่วร่วมด้วย
เมื่อเห็นผีตานีจ้องอย่างดุร้าย พวกเราก็อดไม่ได้ที่จะใจสั่น
โชคดีที่หลงอ่าวเทียนไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นถ้าผีตานีระเบิดอารมณ์ขึ้นมา หลงอ่าวเทียนต้องตายแน่ๆ
แต่ผ่านไปไม่ถึงสองวินาที อีกฝ่ายก็หยุดทํา
ลุกขึ้น พูดเสียงดุใส่หุ่นฟาง “ พี่เป็นอะไรไป? ยังไหวอยู่หรือเปล่าเนี่ย? ”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมก็ส่งสัญญาณให้หลงอ้าวเที่ยนทันที
หลงอ่าวเทียนกลืนน้ําลาย จากนั้นก็พูดว่า “ ไหวอยู่แล้ว ไหวอยู่แล้ว ฉันก็แค่ ก็แค่เหนื่อยเกินไป
พรุ่งนี้ พรุ่งนี้เราค่อยมาทํากันจนฟ้าสางเลยนะ !”
เมื่อผีตานีได้ยินคําพูดนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเธอค่อนข้างโมโห เค้นเสียงดัง ฮี ใส่หุ่นฟาง จากนั้นก็พ่นควันสีเขียวใส่มันอีกครั้ง
หลังพ่นควันสีเขียวเสร็จ ผีตานีก็ยืนอยู่ที่เดิม จ้องหุ่นฟางตาไม่กระพริบ “ นี่สองวันแล้วนะ ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เห็นอยู่ชัดๆว่ายังมีพลังหยางให้ดูดอีก ”
หลังพูดจบ ผีตานีตนนั้นก็เลียหุ่นฟางอีกครั้ง แล้วทําปาก “ จ๊อบแจ๊บๆ ” จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า
“ รสชาติก็ไม่เหมือนเดิม ทําไมมันแปลกๆนะ ?”
เมื่อเห็นฉากนี้ ผมและเหล่าเฟิงก็เกร็งไปทั้งตัว ขออย่าให้ถูกจับได้เลย
แค่ผ่านคืนนี้ไปได้ ก็จะสามารถจัดการผีตนนี้ได้แล้ว !
ผมกําลังภาวนาในใจ ส่วนผีตานีตนนั้นแม้จะสงสัย แต่เธอก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอเลียเข้าไปคือผงชาด
ท้ายที่สุดหลังยืนอยู่ที่เดิมพักหนึ่ง เธอก็ถอยออกไปจากบ้าน
หลังจากผีตานีจากไปแล้ว พวกเราก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น ยังซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะเหมือนเดิม
ผ่านไปประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ หรือก็คือประมาณตีสาม เราถึงคลานออกมาจากใต้โต๊ะ
ตอนนี้ ผมและเหล่าเฟิงต่างอดไม่ได้ที่ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็บอกให้หลงอ่าวเทียนออกมาจากข้างใต้
หลงอ่าวเทียนค่อนข้างตื่นเต้น “ ขอบคุณท่านนักพรตทั้งสองมาก ขอแค่ผ่านไปอีกคืนเดียว อีกแค่คืนเดียวผมก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว! ”
“อ๋อ ! พรุ่งนี้ทําต่อ อย่าพูดผิดละ ขอแค่หลอกยัยผีตานี้ให้ออกไปได้ ผ่านคืนพรุ่งนี้ไปได้ ผีตานีตนนั้นก็จะโดนผงชาดฆ่าตาย หลังจากนั้นนายก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว !” ผมพูดเบาๆ
หลงอ่าวเทียนก็มั่นใจมากกว่าเดิม เพราะเมื่อคืนและคืนนี้ เขาต้องเจอกับสถานการณ์อันตราย
แต่ตัวเองกลับไม่เป็นอะไรสักอย่าง แถมยังผ่านมาได้ด้วยการหลอกแบบสบายๆ
หลงอ่าวเทียนจึงเชื่อว่า คืนพรุ่งนี้ตัวเองต้องผ่านมันไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน
ต่อจากนั้น พวกเราก็นั่งพักที่ห้องรับแขก และไม่ได้ให้หลงอ้าวเทียนออกไปอยู่คนเดียวหรือกลับห้อง
ทุกคนต่างนั่งอยู่ในห้องรับแขก ผมและเหล่าเฟิงค่อนข้างเป็นห่วงอาจารย์และท่านนักพรตต์ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นยังไงบ้าง
แต่ตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่าง พวกเราก็เลยยังติดต่อพวกเขาไม่ได้
แต่เมื่อคิดถึงพลังของพวกอาจารย์ เราก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร…
เราไม่อยากนอนเท่าไหร่ แถมยังไม่มีอะไรทํา ผมและเหล่าเฟิงเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกม เพื่อฆ่าเวลา
ผลลัพธ์เพิ่งเข้ามาในเกม ก็ถูกคนเชิญเข้าทีมทันที
พอมองดูดีๆ ถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายก็คือหยางเฉ่ว
ดึกดื่นขนาดนี้ยัยนี่ก็ยังไม่นอน แถมยังเล่นเกมลุยเดี่ยวอยู่คนเดียว
เราเลยกดรับ เพิ่งเข้ามาในทีม เราก็ได้ยินหยางเฉ่วทันที “ ดึกขนาดนี้พวกนายสองคนไม่ไปหลับไปนอน
มัวทําอะไรกันอยู่ฮะ ? ”
ผมและเหล่าเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นก็ได้ยินเสียงผมพูดว่า “ จะยังทําอะไรได้อีกละ ก็ทํางานอย่างว่านั่นแหละ!”
เมื่อหยางเฉ่วได้ยินคําพูดนี้ ก็สงสัยขึ้นมาทันที เธอเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ผมไม่ได้ตอบกลับด้วยเสียง แต่ใช้ข้อความส่งไปหาหยางเฉ่วแทน ผมอธิบายสั้นๆว่าเรากําลังจัดการกับผีตานีอยู่
ผลลัพธ์พอหยางเฉ่วรู้ว่าเรากําลังจัดการผีตานีอยู่ ก็เดือดขึ้นมาทันที
ด่าผมและเหล่าเฟิงว่าไม่ยุติธรรมเลย มีโอกาสดีๆได้จัดการปีศาจแบบนี้ก็ไม่เรียกเธอ จากนั้นก็ด่าพวกเราอีกยกหนึ่ง
ผมและเหล่าเพิ่งหนักใจขึ้นมาทันที ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ หยางเฉ่วเป็นคนที่มีบทบาทสําคัญที่สุดในการปราบผี
และหยางเฉ่วยังบอกว่า พรุ่งนี้เช้าจะเข้ามาหาพวกเรา เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผีตานีมีหน้าตายังไง
หยางเฉ่วก็มีนิสัยแบบนี้แหละ ผมและเหล่าเฟิงเลยได้แต่จนปัญญา
แต่หยางเฉ่วก็เป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย ฝีมือและพลังก็ไม่ได้แย่ ดังนั้นเรื่องที่เธอจะเข้ามาพรุ่งนี้ พวกเราก็เลยไม่ได้บอกปัดใดๆ
หลังเล่นเกมจบสองตา ทุกคนก็เริ่มเหนื่อยเลยปิดเกมนอนหลับ
เมื่อมาถึงเช้าวันรุ่งขึ้น คุณหลงและคุณนายหลงก็เข้ามาเป็นคนแรก
พอเห็นหลงอ่าวเทียนไม่ได้เป็นอะไร และยังดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิม พวกเขาก็ดีใจกันสุดๆ
ในเวลาเดียวกัน หลงอ่าวเทียนก็เล่าเรื่องตอนผีเข้ามาเมื่อคืนให้ทั้งสองคนฟัง
คุณหลงและคุณนายหลงฟังไปอึ้งไป พวกเขาตกใจกันสุดๆ
แน่นอน สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุด ยังเป็นฝีมือพวกเราที่ทําให้ผ่านเมื่อคืนมาได้
ขณะเดียวกัน ผมก็โทรศัพท์ไปหาอาจารย์
โทรศัพท์ถูกรับอย่างรวดเร็ว พอเห็นอาจารย์รับโทรศัพท์ ใจที่กระวนกระวายของผมก็ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
จากนั้นผมก็ถามอาจารย์ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง อาจารย์เล่าให้ผมฟังสั้นๆหนึ่งรอบ
เมื่อคืนที่โรงพยาบาลเหล่าฉันได้เลื่อนตําแหน่ง เขาใช้ยันต์ปลอมตัวเป็นซุนเสี่ยวหลิน
เมื่อคืนตอนผีตานีอีกตนเข้ามาแล้ว เธอเห็นเหล่าฉันเป็นซุนเสี่ยวหลิน คิดจะดูดพลังหยางจากเหล่าฉัน
สุดท้ายเหล่าฉันก็ใช้สารพัดวิธี ทําให้ผีตานีดูดไม่ได้ แถมยังลอบทําร้ายผีตนนั้นด้วย
วันนี้พวกเขาออกจากโรงพยาบาล ไปที่บ้านของซุนเสี่ยวหลิน
ถ้าเป็นไปด้วยดี ใช้เวลาอีกแค่สามวัน ก็จะสามารถจัดการผีตานีตนนั้นได้แล้ว
หลังฟังเรื่องพวกนี้จบ ผมและเหล่าเฟิงก็สบายใจขึ้นเยอะ ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดี
ขอแค่ผ่านคืนนี้ไปได้ พวกเราก็จะสามารถจัดการผีตานตัวแรกได้แล้ว หลังจากนั้นก็ค่อยตามไปสมทบกําจัดผีตานีอีกตน แล้วตามด้วยผีตานีตนสุดท้าย
เนื่องจากจะรีบร้อนไม่ได้ เพื่อความปลอดภัย เราเลยต้องค่อยๆทําทีละขั้นตอน
ในเวลาเดียวกัน อาจารย์ก็บอกรายละเอียดมากมายกับพวกเราทางโทรศัพท์ บอกเราว่าคืนนี้ต้องระวังให้ดี
จะให้เจอเรื่องผิดพลาดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
สําหรับเรื่องนี้ เรารู้ดีแก่ใจ จึงรับปากกับอาจารย์อีกรอบ บอกว่าเราจะต้องทําตามที่เขาว่ามาทุกอย่าง รับประกันว่าจะต้องทําภารกิจสําเร็จอย่างแน่นอน
ต่อจากนั้นประมาณเที่ยงสิบนาที หยางเฉ่วก็เดินทางมาถึง
วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์ หยางเฉ่วเลยโดดเรียนมาดื้อๆ
บอกว่าเธอไม่เคยเห็นผีตานีมาก่อน ปีศาจประเภทนี้หาดูยากในรอบร้อยปี ถ้าไม่ได้เห็นสักครั้ง
เธอจะไม่อาจดับความอยากรู้อยากเห็นในใจตัวเองได้
เพียงแต่ตอนหยางเฉ่วเห็นหลงอ่าวเทียน เธอค่อนข้างตกใจพอสมควร บอกว่าทําไมถึงเป็นเจ้าอันธพาลนี้ได้
หลงอ่าวเทียนทําหน้าลําบากใจสุดๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่ผมกลับหัวเราะ และยังบอกว่ารอให้เธอเห็นผีตานีในคืนนี้ก่อน แล้วเธอจะตกใจยิ่งกว่าเดิม
เราคุยกันแบบนี้จนกระทั่งถึงคืนที่สาม หรือก็คือคืนสุดท้าย
พอผ่านคืนนี้ไป เรื่องวุ่นของหลงอ่าวเทียนก็จะจบลงแล้ว
ทุกคนกระตือรือร้นมาก และมั่นใจกันสุดๆ
เป็นเหมือนปกติ ก่อนฟ้ามืด ส่งคุณหลงและคุณนายหลงออกจากบ้าน
หลังจากนั้นก็ปิดประตู ทุกคนซ่อนอยู่ใต้โต๊ะรอผีตานีอย่างเคย
ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ และไม่ได้มีเรื่องวุ่นใดๆเกิดขึ้น
ค่ําคืนยังคงเงียบสงบ พวกเราสี่คนซ่อนตัวอยู่เงียบๆ
รอให้เวลาผ่านไปทีละนิด และแล้วเวลาเที่ยงคืนครึ่งก็มาถึงอีกครั้ง
ในบ้านที่มืดมิด หลังจากเสียง “ แอด ” ดังขึ้น ในที่สุดเป้าหมายหลักก็ปรากฏตัวขึ้นซะที
แต่สิ่งที่ทําให้พวกเราคิดไม่ถึงคือ ในวันที่สําคัญที่สุด และเป็นช่วงเวลาสุดท้าย กลับเกิดเรื่องที่ไม่ควรเกิดที่สุดขึ้น…