ศพ - ตอนที่ 314 โลงเหล็กกักวิญญาณ
ศพ ตอนที่ 314 โลงเหล็กกักวิญญาณ
ตอนที่ 314 โลงเหล็กกักวิญญาณ
เป็นธรรมดาที่อาจารย์จะรู้จักเสี่ยวม่าน ในเวลานี้เมื่อได้ยินผมพูดถึงขนาดนั้น เขาก็หลี่ตาลง แล้วพูดขึ้นว่า “ ในเมื่อเธอโทรหามาแล้วก็ต้องไปดูให้อยู่แล้วแกอยากให้อาจารย์ไปด้วยไหม ? ”
เมื่อได้ยินอาจารย์พูดถึงขนาดนั้น เดิมทีผมก็อยากให้อาจารย์ไปด้วยอยู่หรอก
แต่ยังไม่ทันพูดออกมา อาจารย์ก็ไอ “ แค่กแค่กแค่ก ” สองสามครั้งเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นหวัดแล้ว
ดังนั้นผมก็เลยพูดกับอาจารย์ว่า “ ไม่ต้องหรอกอาจารย์ ผมไปดูก่อนถ้าจัดการไม่ไหวจริงๆผมจะโทรหาอาจารย์นะ !”
อาจารย์เช็ดน้ํามูกแล้วพูดขึ้นว่า “ อ๋อ ก็ดีเหมือนกันไปฝึกให้เยอะๆหน่อย มีประโยชน์กับตัวแก ! แกไปคนเดียวฉันไม่วางใจแกเรียกเสี่ยวเฟิงกับยัยหนูนั่นไปด้วยซิ ! พวกแกสามคนไปด้วยกันจะได้มีคนคอยช่วย”
“ โอเค ! ”
ขณะตอบรับ ผมก็เตรียมอาวุธเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นผมก็เดินไปจุดธูปที่ป้ายวิญญาณ บอกลาอาจารย์จากนั้นก็เดินออกไปทันที
ล่าเฟิงแค่ไหล่หลุดเท่านั้น บวกกับที่เขามีสุขภาพแข็งแรงตอนนี้ก็เลยดีขึ้นเจ็ดสิบแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
ในเวลานี้เมื่อได้ยินว่าผมจะออกไปทํางานข้างนอก เขาก็ตอบตกลงทันที
ตอนหยางเฉวรับโทรศัพท์ผม เธอบอกว่าออกมาเขียนภาพร่างข้างนอก
พอได้ยินคําว่า “ ภาพร่าง ” สองคํานี้ ผมก็รู้สึกหนาวขึ้นมาทันทีคิดถึงตอนที่มู่หลงเหยียนเอาภาพร่างของผมไปแปะบนโลงเหล็ก
แต่หลังจากลังเลพักหนึ่ง เธอก็บอกให้ผมบอกวัตถุประสงค์มา
หยางเนิ่วให้ความสําคัญกับการปราบสิ่งชั่วร้ายเป็นพิเศษ เธอเลยไม่พูดอะไรไร้สาระ บอกให้พวกเราไปรอรับเธอที่หน้ามหาลัยตัวเธอจะกลับไปเตรียมของหน่อย
ผ่านไปไม่นาน ผมและเหล่าเฟิงก็มารวมตัวกันที่ขนส่ง
ตอนเจอกัน ผมเล่าเหตุผลและวัตถุประสงค์ให้เหล่าเพิ่งฟังอย่างละเอียดรอบหนึ่ง
เราคุยกันพักหนึ่ง แต่ละคนต่างคิดว่าเกิดบางอย่างขึ้นกับโลงศพโลงนั้น แต่ไม่ได้คิดว่ามันเป็นปัญหาใหญ่โตอะไร
อย่างมากที่สุดก็คือผีร้ายออกมาฆ่าคน ตอนนี้พลังของพวกเราสามคน กับผีร้ายหนึ่งตน ยังไม่ใช่เรื่องเล็ก
ไม่อย่างนั้นอาจารย์ก็คงไม่สบายใจ ไม่ยอมปล่อยผมไปจัดการเรี่องนี้คนเดียว
ต่อจากนั้น ผมสองคนก็ขึ้นรถไปในเมือง จากนั้นก็ต่อรถไปยังเขตทางใต้ของเมือง
ระหว่างทางตอนผ่านมหาวิทยาลัยศิลปะชิงชาน เราก็แวะรับหยางเนิ้วด้วย
วันนี้หยางเนิ่วใส่กางเกงยีนสีน้ําเงิน และเสื้อโค้ทสีดําดูมีออร่าสุดๆ และดูดีมากอีกด้วย
แม้แต่คนขับรถแท็กซี่ที่นั่งอยู่ด้านใน ก็ยังมองหยางเฉ่วผ่านกระจกหลังสองสามรอบ
เพราะคุยบนรถไม่ค่อยสะดวก เราก็เลยคุยกันเล่นสองสามประโยค
พอมาถึงเมืองทางใต้ ก็เป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว
ตอนมาถึงหน้าประตูไซต์งานก่อสร้าง Happy Home เราก็ไม่ต้องโทรหาเสี่ยวม่านเลยสักครั้ง
เพราะท่ามกลางลมหนาว เสี่ยวม่านได้ยืนถมือรอพวกเราอยู่แล้ว
เมื่อเห็นเสี่ยวม่านอยู่ไกลๆ ผมก็โบกมือให้เธอทันที “ เสี่ยวม่าน
พอเสี่ยวม่านได้ยินเสียงของผม เธอก็หันมามอง
เมื่อเห็นว่าเป็นพวกเรา ก็เห็นได้ชัดว่าเธอดีใจมาก รีบวิ่งเข้ามาหาทันที
ข้างหลังเสี่ยวม่าน ยังมีผู้ชายร่างสูงผอม อายุน่าจะราวๆสามสิบกว่าอยู่ด้วย
“ เสี่ยวม่าน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ” หยางเฉ้วก็ทักทาย
เสี่ยวม่านสุภาพมาก เธอคลี่ยิ้มเล็กน้อย พร้อมบอกให้พวกเราเข้าไปนั่งข้างในก่อน
เมื่อเข้ามาในไซต์งานก่อสร้างแล้ว ผมก็พบว่าในไซต์งานเงียบสนิทราวกับไม่มีคนอยู่เลย
เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็รินน้ําร้อนให้เราคนละแก้ว
ในเวลาเดียวกันเสี่ยวม่านก็พูดกับพวกเราว่า “ พวกนายมาก็ดีแล้วฉันจะได้สบายใจสักที ! ”
“ ใช่ครับ ! รองผู้จัดการยืนรอทุกท่านอยู่ข้างนอกตั้งหนึ่งชั่วโมงเลยนะครับ !” ชายแปลกหน้าพูดขึ้น
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมก็หันไปมองเสี่ยวม่านทันที “ เธอโง่หรือเปล่าเนี่ย ? อากาศหนาวขนาดนี้เธอจะรอข้างนอกทําไม ! ไม่ได้คุยกันแล้วเหรอ ? ว่าถึงแล้วฉันจะโทรหาเองน่ะ ”
เสี่ยวม่านหยิบแก้วน้ําร้อนขึ้นมาถือ พร้อมคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่เป็นไรคือใช่ เกือบลืมแนะนําให้รู้จัก
นี่คือผู้ช่วยของฉัน ฟางฉางเจียง เป็นคนกันเอง ”
“ สวัสดีครับทุกคน !” ขณะพูด ฟางฉางเจียงคนนี้ก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยและจับมือพวกเราที่ละคน
ทุกคนก็คลี่ยิ้มเล็กน้อย แนะนําตัวเองสั้นๆ ก็ถือว่าทําความรู้จักกันเสร็จแล้ว
หลังจากนั้นเราก็ได้ยินเหล่าเฟิงพูดว่า “ คุณหนูจ้าว พวกเรามาเข้าประเด็นกันดีกว่า ! เรื่องไซต์งานก่อสร้าง คุณช่วยเล่าให้พวกเราฟังอย่างละเอียดหน่อย”
เสียงของเหล่าเฟิงเพิ่งเงียบลง ชายที่ชื่อฟางฉางเจียงก็รีบพูดต่อทันที “ ให้ผมเล่าดีกว่า ! ผมอยู่ที่นี่ตลอด !
ผมรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง !”
“ ได้ งั้นคุณเล่าเถอะ !” ผมพูด
ฟางฉางเจียงสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พูดว่า “ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แปลกมาก เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนผมมาดูงานที่ไซต์งานก่อสร้าง จู่ๆรถขุดก็ขุดเจอโลงศพโลงหนึ่งทางตะวันตกของไซต์งานทุกคนในที่นั้นเลยลงไปขุดดิน คิดว่าเผื่อจะขุดได้ของโบราณอะไรสักอย่างขึ้นมาได้ ตอนนั้นไม่ว่าผมจะห้ามเท่าไหร่ก็ไม่มีใครฟัง ! ”
* ผลลัพธ์ในหลุมนั้นนอกจากโลงศพโลงนั้นแล้ว ก็ไม่มีอย่างนอีก และยังมีคนงานใจกล้าไม่กี่คน ไปหยิบอุปกรณ์ มาเปิดฝาโลงออกแต่ข้างในนอกจากศพศพนึ่งแล้ว ก็ไม่มีของมีค่าอย่างอื่นอีกต่อมาพวกเราติดต่อไปทางสํานักมรดกและวัฒนธรรม โลงศพโลงนั้นเลยถูกขนออกไปแล้ว เพียงแต่ในเช้าวันถัดว่า คนขับรถขุดคน นั้นก็เสียชีวิต หลังจากนั้นคนงานไม่กี่คนที่ร่วมกันเปิดโลงโลงนั้นก็เริ่มตายจากอุบัติเหตุติดกันเรื่อยมา..”
ฟางฉางเจียงเล่าได้ละเอียดมาก หรือแม้แต่ยังพูดถึงรายละเอียดอีกมากมาย
หยางเนิ่วในเวลานี้กําลังขมวดคิ้ว เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องทันใดนั้นเองเธอก็ถามขึ้นมาว่า “ งั้นคุณยังจําได้ไหมว่าโลงศพโลงนั้นทํามาจากวัสดุอะไร มีลวดลายอะไรบ้าง ? ”
ฟางฉางเจียงลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้ารับ “ จําได้จําได้โลงศพโลงนั้นเป็นโลงเหล็ก… ”
“ โลงเหล็ก ” ผมพลั้งปากพูดด้วยความตกใจ เหล่าเฟิงและหยางเนิ่วก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
ตอนนี้ผมรู้สึกสนใจโลงเหล็กโลงนี้มาก และโลงศพเหล็กก็เป็นสิ่งกักวิญญาณแต่มันดันโดนคนงานช่วยกันเปิดแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้งั้นผีที่อยู่ข้างในก็ต้องถูกปล่อยออกมาแล้วอย่างแน่นอน
ฟางฉางเจียงทําหน้าเคร่งเครียด “ ใช่ เป็นโลงเหล็ก ถึงผมจะไม่ได้ไปเปิดโลงด้วย แต่ผมก็เคยสัมผัสโลงมาก่อน มันเป็นโลงเหล็กแน่นอน ! ”
ทุกคนพยักหน้าเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้ฟางฉางเจียงพูดต่อ
“ นอกจากโลงจะทําจากเหล็กแล้ว ด้านบนยังมีลายที่แปลกมากมันเป็นรูปสลักหมาสามตัว ใช่หมาสามตัว แถมยังมีลายโซเหล็กด้วย ฝีมือประณีตมาก ต้องเป็นของโบราณแน่ๆ เพียงแค่ด้านในไม่มีของอย่างอื่นอยู่เลย ” ฟางฉางเจียงพูดออกมาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ สีหน้าของพวกเราสามคนก็เปลี่ยนเป็นมืดมนขึ้นมาทันที
พูดตามหลัก ลายบนโลง ถ้าไม่เป็นอักษรคําว่า “ ชีวิต” ก็ต้องเป็นลายมังกรหรือลายนกฟีนิกซ์
แต่สลักรูปหมาบนโลง และยังมีโซ่ล่ามอีกด้วย นี่มันผิดปกติแล้วต้องอัปมงคลถึงขนาดไหนเนี่ย
หมาเห่าผี แมวเรียกศพ
สลักหมาสามตัวเอาไว้บนโลง ต้องมีความแค้นกับผู้ตายขนาดไหนเนี่ย
แถมด้านบนยังมีโซอีก นี่หมายความว่า ถึงจะตายแล้วก็ไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไป ต้องการผูกมัดผู้ตายไปจวบจนนิรันดร์งั้นเหรอ
และวัสดุที่ใช้ทําโลงยังเป็นเหล็กอีกด้วย ก่อนหน้าผมก็เคยอธิบายเรื่องโลงเหล็กไปแล้วมันเป็นของที่ใช้กักขังวิญญาณ
และวิญญาณที่โดนกักขังอยู่ในโลง จะไม่มีวันได้ไปผุดไปเกิด แถมยังต้องทรมานไปตลอดกาลอีกด้วย
ถ้าวิญญาณโดนขังเอาไว้ในนี้เป็นเวลานาน ไม่มีทางที่จะไม่กลายเป็นวิญญาณร้าย และพออยู่นานเข้า ก็จะมีพลังชั่วร้ายมาก
ขึ้นเรื่อยๆ
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ คราวนี้พวกเราต้องมาเจอกับผีร้ายตนหนึ่งอย่างแน่นอน
ส่วนผีร้ายจะร้ายกาจขนาดไหน ตอนนี้พวกเราเองก็ยังไม่แน่ใจ..