ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 212 ความสำคัญของข่ายพลัง
ทางยมทูตไม่มีทีท่าว่าจะอยู่ต่อ เพราะเขาได้รับคำสั่งมาจากท่านยมราช ไม่ให้เขาเปิดเผยตัวตน เขาปฏิบัติตามหลักการพูดมากมักพลั้งพลาด ไม่พูดก็จะไม่ผิด ก่อนจะมองไปยังถังเฉิน “ด่านสุดท้ายสิ้นสุดลง ขอแสดงความยินดีกับสหายที่ผ่านการทดสอบ จบการประลองล่วงหน้า! พวกข้าขอตัวก่อน”
พูดจบ เขาก็ดึงราชาผีที่ยืนกลัวอยู่ด้านหลังบินไปยังประตูผี ไม่ถึงชั่วครู่ก็หายลับไป
ชายแก่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบถังเฉินที่ทำหน้าฉงน กับอารามร้างที่เละเทะ ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถังเฉินสามารถรับมือกับมังกรน้ำร้ายกาจได้ แสดงว่ามีความสามารถอย่างมาก หากเขาจะกำราบราชาผีได้สำเร็จก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้
ดังนั้นเขากระแอมไอขึ้นมาทีหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไป ไม่ได้อธิบายมากความ เพียงแต่หยิบยันต์ออกมา จากนั้นเสียงของเขาก็ดังก้องอยู่เหนือยหมู่บ้าน
“ราชาผีถูกปราบ การสอบสนามสามจบสิ้น ยินดีกับทุกท่านที่ผ่านด่าน ความสามารถของพวกท่านถูกบันทึกเอาไว้แล้ว อย่าลืมพกยันต์เก็บผีติดตัวเอาไว้ หลังจากกลับไปยังสำนักเทียนซือส่งต่อให้อาจารย์ของทุกท่านประเมินระดับ และใช้เป็นหลักฐานในการประลองครั้งสุดท้าย” จากนั้นเขาท่องคาถาหนึ่งขึ้นมา
นาทีถัดมา เหล่าลูกศิษย์ที่อยู่ในหมู่บ้านต่างถูกส่งกลับไปด้วยยันต์ขนส่ง
——————
เนื่องจากสนามสอบสามสิ้นสุดเร็วกว่ากำหนดครึ่งชั่วยาม ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เพียงพอสำหรับให้ชายแก่เก็บยันต์จากเหล่าลูกศิษย์ที่เข้าร่วมการสอบได้
เสวียนเหมินในปัจจุบัน ตำราคาถาไม่ใช่ความลับอีกต่อไป ทุกคนล้วนศึกษาได้ ดังนั้นความสามารถของลูกศิษย์ต่างยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะเป็นวิญญาณร้าย แต่คนที่สามารถกำราบได้ก็มีไม่น้อย ดังนั้นเหล่าวิญญาณที่สามารถหนีกลับประตูผีจึงมีตำนวนน้อย ส่วนมากล้วนถูกเก็บเข้ายันต์หมดแล้ว ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลเมืองโยวหลิง เขาจึงต้องเรียกคืนเหล่าวิญญาณกลับมาทีละตัว
ชายแก่ยุ่งจนกระทั่งฟ้าเริ่มสว่าง ถึงได้นับวิญญาณเสร็จ ก่อนจากไปเขายังกล่าวชื่นชมเหล่าวิญญาณ โดยเฉพาะราชาผีที่ปรพฤติโดดเด่นในภารกิจนี้ จากนั้นเขาจึงเปิดประตูผีออกส่งเหล่าวิญญาณหลับไป
สุดท้ายการประลองที่สำคัญที่สุดถูกกำหนดไว้เป็นวันมะรืน เพราะว่าต้องการเวลาเหล่าอาจารย์ของสำนักเทียนซือได้เตรียมการเล็กน้อย ก่อนจะสรุปออกมาเป็นคะแนน
อวิ๋นเจี่ยวไม่ต้องเข้าร่วมการตรวจข้อสอบ เธอเดินทางไปดูอาการให้ถังเฉินตามที่รับปาก
“ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร” อวิ๋นเจี่ยวเก็บมือที่จับชีพจรกลับมา ก่อนจะหันไปพูดกับถังอี้ “บาดแผลจากวิญญาณหลุดออกจากร่างหายดีแล้ว เมื่อกี้เพียงแค่สูญเสียเลือดไปเล็กน้อยเท่านั้น พลังลมปราณยุ่งเหยิงเล็กน้อย ข้าจะฝังเข็มให้ จากนั้นให้เขากินอาหารที่ดีหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว” พูดจบเธอก็หยิบเข็มเงินขึ้นมา
“ขอบคุณอาจารย์อวิ๋น ลูกชายข้าไม่เป็นอะไรข้าก็วางใจ” ถังอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย “เฮ้อ ลูกชายของข้าเป็นคนตรง ชอบเอาชนะ เขาสอบขึ้นทะเบียนพร้อมท่าน ได้ยินว่าตอนท่านสอบได้วาดข่ายพลังห้าธาตุปราบมารออกมา ทั้งที่ตนเองไม่ได้ฝึกฝนด้านข่ายพลัง แต่กลับพยายามอยู่สองปีจนวางข่ายพลังได้ ดังนั้นจึงอยาก…”
“ท่านพ่อ!” ถังเฉินเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง ขัดคำพูดต่อไปของอีกฝ่าย สีหน้าเต็มไปด้วยความเขินอายที่ถูกเปิดโปง อย่าขายลูกชายเช่นนี้
เขาไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน จะเรียกว่าอัจฉริยะก็ได้ ตั้งแต่เด็กจนโต เมื่อพูดถึงพรสวรรค์ ใครบ้างไม่พูดถึงเขา แต่สิ่งเหล่านี้ กลับถูกทำลายตอนที่สอบขึ้นทะเบียนครั้งแรก
หากบอกว่า เขาเป็นอัจฉริยะ เช่นนั้นอวิ๋นเจี่ยวก็คงจะเป็นสวรรค์ที่ไม่อาจเอื้อมถึง
ตอนแรกเขารู้สึกไม่ยอม ดังนั้นจึงพยายามศึกษาข่ายพลัง สิ่งที่อีกฝ่ายเป็น อัจฉริยะอย่างตนไม่มีทางฝึกไม่ได้ อีกทั้งเขายังแอบสาบานในใจว่าครั้งหน้าจะต้องเอาชนะเธอให้ได้
ในที่สุดเขาวางข่ายพลังห้าธาตุปราบมารได้ แต่อีกฝ่ายกลับเริ่มเปิดโรงเรียนถ่ายทอดวิชา เธอกลายเป็นอาจารย์ของเสวียนเหมิน พ่อของเขากลายเป็นลูกศิษย์ของเธอ เธอช่วยเมืองตะวันตกเอาไว้ เธอบุกเข้ายมโลกช่วยคน เธอเปลี่ยนแปลงเสวียนเหมิน...
จากตอนแรกที่ไม่ยอม จนไม่พอใจ จนตกตะลึง จนประหลาดใจ จนเหลือเชื่อ ขนกระทั่ง…ไร้อารมณ์ อีกทั้งยังมีความรู้สึกอยากย้อนกลับไปตบตัวเองที่วู่วามเสียที
ไม่อาจไม่ยอมรับ บนโลกใบนี้มีคนประเภทหนึ่ง ไม่ว่าตัวเองจะพยายามขนาดไหนก็ไม่อาจเทียบทานได้
“ต่อหน้าอาจารย์ มีอะไรพูดไม่ได้” ถังอี้กลับไม่รู้สึกอะไร เขายังคงพูดต่อ “เจ้าฝึกฝนด้านอาวุธมาแต่เด็ก ไม่ตั้งใจฝึกฝนคาถา แต่กลับศึกษาข่ายพลัง เรื่องนี้ก็ผิดอยู่แล้ว ใช่หรือไม่ อาจารย์อวิ๋น!”
มือของอวิ๋นเจี่ยวชะงัก ก่อนจะพูดขึ้น “ข่ายพลังและอาวุธไม่ขัดแย้งกัน อีกทั้งข่ายพลังมีประโยชน์กว้างขวาง ไม่ว่าอาวุธหรือยันต์ ล้วนสามารถใช้บนข่ายพลังได้ ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายในยันต์ ข่ายพลังและอาวุธ ข่ายพลังเป็นสิ่งพื้นฐาน และมีคุณค่าแก่การเรียนก่อน”
จากนั้น เธอหันไปมองถังอี้ ก่อนจะพูดขึ้น “ข้ารู้สึกว่าศึกษาข่ายพลังไว้บ้างก็ดีเหมือนกัน ถังอี้ ท่านเองก็ควรพยายาม ยกระดับคะแนนด้านข่ายพลัง”
“…” เดี๋ยวก่อน! ไม่ได้กำลังสั่งสอนลูกชายเขาหรือ ทำไมถึงหันกลับมาสอนเขาแทน
“จริงสิ ข้าจำได้ว่าข้อสอบข่ายพลังปลายภาค ท่านเหมือนจะ…” ไม่ผ่าน
“อาจารย์อวิ๋น!” เสียงของถังอี้ดังขึ้นแปดระดับ เขาพูดขัดขึ้นทันที “รายชื่อการประลองน่าจะออกมาแล้ว พวกเรารีบไปตำหนักใหญ่กันเถอะ เจ้าสำนักสวีอาจต้องการความช่วยเหลือ!” พูดจบ เขาก็หันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะสนใจลูกชาย!
ไว้หน้าให้เขาหน่อย ประวัติศาสตร์มืด ขออย่าพูดถึง!
(ಥ_ಥ)
——————
การประลองครั้งสุดท้ายเสวียนเหมินมาถึงในที่สุด ถึงแม้จะคัดเลือกห้าสิบคนแรกที่มีคะแนนดีที่สุดในสนามสอบรอบสาม แต่ทุกคนพบว่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นลูกศิษย์ของโรงเรียน มีบางคนที่ยังไม่เข้าเรียน แต่ก็ล้วนเป็นสมาชิกของห้องเรียนพิเศษทั้งสิ้น
หากตามเงื่อนไขการทดสอบขึ้นทะเบียนแต่ก่อน ลูกศิษย์เหล่านี้ล้วนเลื่อนขั้นไปถึงระดับห้าดอกไม้ หรือพระจันทร์ได้ แต่ตามความสามารถของเสวียนเหมินที่ยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาตรฐานการทดสอบจึงต้องยกระดับด้วยเช่นกัน
ถึงแม้เสวียนเหมินจะแบ่งออกเป็นสวรรค์ ปฐพี เสวียน และจักรพรรดิสี่ระดับ เมื่อบรรลุสวรรค์จะสามารถขึ้นโลกบนได้ แต่หลายปีมานี้ นอกจากบรรพบุรุษที่ทิ้งชื่อเอาไว้แล้ว ก็ไม่เคยมีใครบรรลุอีกลย ดังนั้นเสวียนเหมินในปัจจุบัน ถึงแม้จะมีคนที่สัมผัสกับระดับสวรรค์แล้ว พวกเขาก็ไม่เคยคำนึงถึงการบรรลุมาก่อน เพราะว่า…อาจารย์อวิ๋นยังอยู่บนโลกมนุษย์
นางยังอยู่ คนอื่นจะไปได้อย่างไรกัน ดังนั้นคนในเสวียนเหมิน ถึงแม้จะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาก็ไม่เร่งรีบในการฝึกฝน
ส่วนการประลองในครั้งนี้ พวกเขายิ่งแสดงฝีมือออกมามากมาย เรียกได้ว่าสนุกสนานอย่างยิ่ง การประลองใช้เวลากว่าหกวันเต็มถึงได้คัดเลือกสามอันดับแรกออกมา
เป็นไปตามคาด ถังเฉินได้อันดับหนึ่งจากการประลอง