ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 305 เบี่ยงเบนความสนใจ
“ชายแก่ อย่าออกจากแสงสีทอง ตามติดข้าไว้” อวิ๋นเจี่ยวพลางพินิจค่ายกลด้านบน พลางกล่าวเตือนเสียงดัง
“ได้!” ชายแก่พยักหน้ารับพร้อมเดินเข้าใกล้สองก้าว
อวิ๋นเจี่ยวเรียกพลังเทพทั้งตัวออกมา สองมือปิดผนึก ทันใดนั้นแสงสีขาวโจมตีไปยังค่ายกลด้านบนสามทาง แต่ค่ายกลด้านบนไม่ถูกกระทบแม้แต่น้อย การจู่โจมของนางสลายไปเมื่อกระทบเข้ากับค่ายกล ไม่อาจจู่โจมตรงใจกลางของค่ายกลได้
“ไม่มีประโยชน์หรอก!” จี้เฟิงพูดขึ้นอีกครั้ง “ค่ายกลของแดนเทพ พวกเจ้าจะจู่โจมอย่างง่ายดายได้อย่างไร”
คิ้วของอวิ๋นเจี่ยวขมวดมุ่น จากนั้นปิดผนึกอีกหลายครั้ง แต่ก็ยังคงมีผลลัพธ์เหมือนเดิม นางเบนแสงสีขาวไปยังทิศทางของจี้เฟิง
จี้เฟิงไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย ราวกับไม่เห็นการจู่โจมของพวกนางอยู่ในสายตา เพียงแค่เขาสะบัดมือ แสงสีขาวของอวิ๋นเจี่ยวก็ถูกตีสลายไป
อวิ๋นเจี่ยวเปลี่ยนอีกคาถาหนึ่ง นาทีถัดมาสายฟ้าหลากสีปรากฏขึ้นทั่วท้องฟ้า ส่องสว่างไปทุกทิศทั่วทาง ได้ยินเพียงเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ ก่อนที่สายฟ้าจะตกหล่นลงมาราวกับสายฝน ฟาดไปยังค่ายกลด้านบน อีกทั้งมีบางส่วนจู่โจมไปยังจี้เฟิง
แต่สิ่งที่น่าประหลาดคือ สายฟ้าเหล่านั้นไม่อาจสัมผัสกับค่ายกลได้แม้แต่น้อย พวกมันทะลุผ่านค่ายกลไปก่อนจะร่วงลงบนพื้น ส่วนรอบตัวของจี้เฟิงมีประกายเกราะป้องกันสีฟ้าอ่อนขึ้นมาต้านทานสายฟ้าทั้งหมด
สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวเคร่งเครียดกว่าเดิม ผนึกในมือเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง นาทีถัดมาเปลวเพลิงที่สว่างจ้ายิ่งกว่าสายฟ้าปรากฏขึ้น ส่องสว่างทั่วทั้งท้องฟ้าให้กลายเป็นสีแดง แต่ก็ยังคงไร้ประโยชน์ การโจมตีของนางไม่อาจทำอะไรจี้เฟิงได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทำลายค่ายกล
ทั้งสองคนไม่ยอมแพ้ ชายแก่หยิบอาวุธชิ้นใหญ่ออกมาให้อวิ๋นเจี่ยวลอง การจู่โจมสว่างขึ้นทุกครั้ง แต่ไม่อาจใช้การได้แม้แต่น้อย จี้เฟิงยังคงยืนอยู่กลางอากาศด้วยท่าทางเฉยเมย แม้แต่ตำแหน่งยังไม่มีการเคลื่อนย้าย ส่วนค่ายกลกลางอากาศเพียงแค่หยุดชะงักลงครู่หนึ่ง ก่อนจะทำลายพื้นดินแห่งนี้ต่อ
“ยอมรับชะตาเสียเถิด” จี้เฟิงมองคนทั้งสองราวกับกำลังมองมดที่ดิ้นรนหนีจากความตาย “เจ้ามีคุณงามความดีอยู่ในตัว ข้าไม่อาจลงมือโดยตรงกับเจ้าได้ แต่เจ้าเป็นเพียงกึ่งเทพ อย่าคิดหวังว่าจะเอาชนะข้าได้”
“ท่านพูดไม่ผิด” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้าเห็นด้วย นางเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะพูดต่อ “แต่พวกข้าไม่ได้อยากเอาชนะท่าน เพียงแค่ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของท่านเท่านั้น”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!” จี้เฟิงผงะ ก่อนจะได้ยินเสียงร้องดีใจดังขึ้น
“อาจารย์ ข้าหยิบได้แล้ว!” สีฝานอุทานออกมาด้วยความดีใจ ภายในมือคือพืชวิเศษต้นหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายเปลวเพลิง
จี้เฟิงถึงจะตระหนักได้ว่าชายคนนี้หายตัวไปตั้งแต่การต่อสู้เมื่อครู่ แต่เขากลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเคลื่อนย้ายตัวมาทางนี้ตั้งแต่เมื่อใด
“ทำได้ดี! ชายแก่!” อวิ๋นเจี่ยวตอบรับ ก่อนจะหันไปมองไป๋อวี้ที่อยู่ด้านหลังเขา
“ข้าก็เสร็จแล้ว!” ชายแก่ขานรับ
อวิ๋นเจี่ยวไม่รีรอ นางเรียกพลังเทพออกมา ก่อนจะนั่งยองลงไปตบฝ่ามือเข้าที่พื้นดิน นาทีถัดมา เห็นเพียงแต่แสงสีขาวสว่างขึ้นจากบนพื้น ค่ายกลลักษณะเป็นวงกลมประกายขึ้น แสงค่ายกลพุ่งทะยานไปยังลำแสงด้านล่างตัวของจี้เฟิง
จี้เฟิงถึงตระหนักได้ แสงทองคุณงามความดีของอีกฝ่ายหนาเกินไป ทำให้เขาไม่ทันสังเกต เมื่อตั้งใจจ้องมองในเวลานี้ ถึงได้พบว่าธงค่ายกลหลายเล่มกำลังหลอมรวมเข้าไปในค่ายกลด้านหลังอวิ๋นเจี่ยว เวลานี้เขาถึงรู้ว่าการเบี่ยงเบนความสนใจของอวิ๋นเจี่ยวหมายถึงอะไร
นางตั้งใจปล่อยแสงทองคุณงามความดีออกมา อีกทั้งใช้วิชาเวทในการโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง จุดประสงค์ก็เพื่อปิดบังการกระทำของอีกสองคนที่เหลือ คนหนึ่งแอบย่องไปเก็บพืชวิเศษ อีกคนอาศัยจังหวะวางค่ายกล จากนั้นนางเป็นคนใช้พลังเทพทำลายค่ายกลของเขา
เสียดายที่เขาตระหนักได้สายเกินไป ค่ายกลของอีกฝ่ายสำเร็จแล้ว แสงสีขาวแสบตาพุ่งตรงไปยังลำแสงสีฟ้า ทำให้ค่ายกลสีฟ้าสลาย ค่ายกลที่กำลังจู่โจมพื้นดินแห่งนี้หยุดลงทันที
“เจ้ารู้อยู่แล้วว่าจะทำลายค่ายกลนี้อย่างไร!” สายตาเขาฉายแววตกตะลึงและโกรธเคือง นางรู้วิธีการทำลายค่ายกล แต่กลับจงใจจู่โจมตนเอง
“ไม่ อันที่จริงข้าไม่คุ้นเคยกับค่ายกลนี้ของท่าน อีกทั้งข้าก็ทำลายค่ายกลนี้ไม่ได้” สิ่งที่น่าแปลกใจคืออวิ๋นเจี่ยวคัดค้านคำพูดของเขา ก่อนจะพูดขึ้น “ดังนั้น…ข้าจึงทำได้เพียงเปลี่ยนค่ายกล”
“อะไรนะ?!” จี้เฟิงผงะ ยังไม่เข้าใจความหมายของนาง
นาทีถัดมาเห็นเพียงแต่ค่ายกลกลางอากาศเปลี่ยนแปลงเป็นสีขาวในทันที ค่ายกลบิดเบี้ยวไปชั่วขณะ ก่อนจะเอนเอียงปรับทิศทางกวาดไปทางเขา
สีหน้าของจี้เฟิงแปรเปลี่ยนไป ทันใดนั้นถึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร นางต้องการใช้ค่ายกลของตนเองมาจู่โจมเขา! ในขณะที่แสงนับหมื่นพันสายปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่เป้าหมายการจู่โจมไม่ใช่บนพื้นดิน แต่เป็นทิศทางของจี้เฟิง
จี้เฟิงไม่อาจรักษาความเฉยเมยและความเย็นชาบนใบหน้าได้อีก ดวงตาของเขาฉายแววตื่นตระหนกออกมา แต่เขาไม่ได้เรียกเกราะป้องกันออกมาในเวลาแรก เพียงแต่หันไปถลึงตาใส่อวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านล่างด้วยความโกรธ ดวงตาฉายแววโหดเหี้ยม “เจ้ามีคุณงามความดี คนอื่นไม่มี!”
หลังจากสิ้นเสียง เขาหมุนมือเรียกอาวุธวิเศษในรูปแบบของพัดออกมา เขาออกแรงสะบัด เห็นเพียงลำแสงนับพันที่พุ่งไปทางเขาราวกับถูกบางอย่างต่อต้านเอาไว้ ก่อนวนกลับลงไปยังด้านล่าง พุ่งตรงไปยังสีฝาน
“สีฝาน!” ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในรัศมีของแสงสีทอง ทั้งสองคนตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปทางเขา
อวิ๋นเจี่ยวรีบดึงพลังทั้งตัวออกมา ก่อตัวขึ้นเป็นเกราะลอยไปทางเขา แต่เสียดายที่ไม่ทันการ ลำแสงเหล่านี้รวดเร็วยิ่งกว่า ในขณะที่กำลังจะกระทบเข้าที่ศีรษะของเขา
“โอย…” ทันใดนั้นสีฝานที่กำลังวิ่งเหยียบก้อนหินเข้าพอดี ทำให้เท้าพลิกล้มลงไปกับพื้น ร่างของเขาหยุดชะงักไป ทำให้ลำแสงนับหมื่นนับพันนั้นเฉียดผ่านศีรษะของเขาไปตกกระทบลงพื้นเสียงดัง ดินโคลนกระจายไปยังอวิ๋นเจี่ยวและชายแก่…
อวิ๋นเจี่ยวยังดี นางเรียกเกราะป้องกันกลับมาบังเอาไว้ แต่ชายแก่ที่วิ่งอยู่ด้านหน้าถูกดินโคลนกระเด็นใส่เต็มตัว
ชายแก่ “…”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
เป็นห่วงปีศาจโชคชะตา พวกเขาคิดมากไปเสียจริง!
“เฮ้ย!” สีฝานไม่ได้ถูกลำแสงโจมตี แต่เขาตกใจกับหลุมใหญ่ด้านหน้าจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว เหงื่อผุดออกมาเต็มตัว
“โชคดีเสียจริง!” จี้เฟิงเมื่อเห็นโจมตีไม่ถูก สีหน้ายิ่งดำทะมึน ก่อนจะเรียกมีดลมออกมาสองสายจู่โจมไปอีกครั้ง
“อาจารย์ ช่วยด้วย!” สีฝานศีรษะชาขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าต้องรับมืออย่างไร จึงก้มหยิบก้อนหินแล้วขว้างออกไป “อย่าเข้ามา…”
อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่วิ่งมาถึงตัวของเขา พร้อมกับดึงเขาเข้ามาในแสงสีทอง ในขณะที่มีดลมกำลังจะถูกแสงทองคุณงามความดีต้านกลับไป แต่มีบางสิ่งรวดเร็วยิ่งกว่า นอกจากจู่โจมมีดลมจนสลายแล้ว มันยังพุ่งตรงไปยังจี้เฟิงต่ออย่างไม่ชะงัก ทะลุผ่านพลังเทพคุ้มกันตัวของเขา ก่อนจะกระทบเข้ากับใบหน้าของจี้เฟิงแล้วร่วงลงมา
เมื่อมองดู ถึงได้พบว่ามันคือก้อนหินที่สีฝานขว้างออกไปเมื่อครู่
“…”
อวิ๋นเจี่ยวและศัตรูของนางล้วนตกตะลึง!