ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 319 สามโลกร่วมมือ
“อาจารย์… พวกท่านฟังข้าอธิบายก่อน!” สีฝานตื่นตระหนก ร่างกายบิดไปมาราวกับปาท่องโก๋ “ถึงข้าจะเป็นมังกรเสวียน แต่ข้าก็อยากเข้าร่วมเสวียนเหมินด้วยใจจริง จริงๆ นะ! อีกอย่าง…ข้าไม่เคยทำร้ายคนผู้นี้ ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดวิญญาณมังกรของข้าถึงวิ่งมาอยู่ในร่างกายของคนผู้นี้ได้ ตอนที่ข้าเข้ามาอยู่ในร่างนี้ วิญญาณในร่าง หลุดออกไปแล้ว ให้ข้า…ไปเป็นมหาเทพในดินแดนสวรรค์! ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่อยากเป็น!”
“เขาเป็นผู้ที่หนทางแห่งสวรรค์เลือก เป็นบุตรแห่งโชคชะตาตั้งแต่กำเนิด เป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นมหาเทพ!” จี้เฟิงพูดเสียงดัง มีเพียงเจ้าที่จะรวมสามโลกเป็นหนึ่งเดียว ทำให้แต่ละเผ่าในสามโลกร่วมมือกัน เวลามีไม่มากแล้ว สามโลกต้องร่วมมือกัน”
เขาหันไปมอง อวิ๋นเจี่ยว ก่อนจะพูดด้วยความโกรธเคือง “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองทำอะไรลงไป ยับยั้งข้าจะก่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างไร เมื่อถึงเวลานั้น…”
“เผ่าปีศาจรุกราน?” เขายังพูดไม่ทันจบ อวิ๋นเจี่ยวก็พูดขัดเขาขึ้นมา
จี้เฟิงผงะ คนทั้งคนหยุดนิ่ง “เจ้า…เหตุใดเจ้า…”
“เจ้าไม่ฟังข้าในสามโลกหรืออย่างไร” อวิ๋นเจี่ยวอยากกลอกตา เรื่องนี้ไม่รู้กันทั้งโลกแล้วหรือ “ผนึกเผ่าปีศาจใกล้หมดฤทธิ์แล้ว เผ่าปีศาจจะรุกรานทั้งสามโลกในเร็ววัน เรื่องนี้พวกข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้ว”
“เช่นนั้น…พวกเจ้ารู้ พวกเจ้าก็ควรเข้าใจว่าพลังเพียงหนึ่งโลกไม่อาจต้านทานดินแดนปีศาจได้!” จี้เฟิงยิ่งพูดยิ่งร้อนใจ เขาเดินขึ้นหน้าอย่างทุลักทุเล “หากดินแดนสวรรค์ไม่ปรากฏท่านมหาเทพองค์ใหม่เสียที ดินแดนสวรรค์ก็ไม่อาจรวมเป็นหนึ่งเดียวได้ เมื่อถึงเวลาจะขอความร่วมมือจากสามโลกได้อย่างไร”
“ใครบอกไม่มีมหาเทพทั้งสามโลกจะร่วมมือกันไม่ได้” อวิ๋นเจี่ยวคัดค้าน
จี้เฟิงผงะ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร” มหาเทพเป็นผู้นำในดินแดนสวรรค์ นอกจากมหาเทพแล้วยังมีใครสามารถร่วมมือกับสามโลกได้อีก
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้สนใจเขา เพียงแต่ก้มหน้ามองกระจกพันลี้ในมือ จากนั้นพึมพำเสียงเบา “มาแล้ว”
“อะไรนะ” จี้เฟิงผงะ
นาทีถัดมา เห็นเพียงแต่บริเวณรอบด้านประกายแสงสว่างของค่ายกลขึ้นมา คนจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น พลังต่างๆ พุ่งตรงออกมา มีทั้งพลังลมปราณ พลังมาร พลังเซียน…และพลังหยิน!
จี้เฟิงมองดูร่างที่ปรากฏขึ้นด้วยความตกตะลึง เจ้าสำนักสวีนำทัพด้วยเหล่าผู้อาวุโสในเสวียนเหมิน ด้านข้างเป็นราชามารที่นำทัพเผ่ามาร ด้านหลังประตูผีเปิดออกมา ยมราชทั้งหกนำทัพเหล่ายมทูตลอยออกมา ส่วนด้านบนยืนเต็มไปด้วยเซียนที่ถืออาวุธอยู่ในมือ ทันใดนั้นอำนาจทั้งสามโลกล้วนมาอยู่ในพื้นที่แห่งนี้
“อาจารย์อวิ๋น ท่านเป็นอะไรหรือไม่!” เจ้าสำนักสวีเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน มองนางและชายแก่อย่างเป็นกังวล จากนั้นมองไปยังจี้เฟิงด้วยสายตาอาฆาต
ในเวลานั้น สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปยังจี้เฟิงและวิญญาณมังกรกลางอากาศ อีกทั้งมีคนหยิบอาวุธวิเศษออกมา
“เดี๋ยว! ข้าคือสีฝาน ข้าคือสีฝานนะ!” สีฝานตัวสั่นสะท้าน รีบแสดงจุดยืนของตนเอง “ข้าเป็นพวกเดียวกับพวกท่าน เป็นฝั่งเสวียนเหมิน” ไม่ใช่พวกเดียวกับจี้เฟิง!
เจ้าสำนักสวีผงะไป แต่คนอื่นไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย ทุกคนยังคงตั้งท่าเตรียมทำสงคราม สีฝานแทบจะร้องไห้ออกมา มีเพียงหยวนเจียงที่มองเขาอย่างครุ่นคิด
อวิ๋นเจี่ยวเดินขึ้นหน้า มองไปยังจี้เฟิงที่ทำหน้าตกตะลึง ก่อนจะพูดขึ้น “ไม่จำเป็นต้องมีมหาเทพ สามโลกก็ร่วมมือกันตั้งนานแล้ว!”
“…” จี้เฟิงกวาดตามองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ปากของเขาอ้ากว้างเล็กน้อย สีหน้าสงสัยในชะตาของตนเอง “เหตุใดจึง…” เหตุใดสามโลกจึงร่วมมือกันอย่างง่ายดายเช่นนี้ เรื่องนี้มีเพียงมหาเทพเท่านั้นที่ทำได้ ลิขิตสวรรค์ที่เขาทำนายออกมากล่าวไว้เช่นนี้
แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่อาจคัดค้านได้ คนของยมโลก ดินแดนมนุษย์ ดินแดนสวรรค์ แม้กระทั่งดินแดนมารล้วนปรากฏอยู่ในสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งระหว่างพวกเขาราวกับไม่มีความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่ไม่มีมหาเทพ ทั้งที่บุตรแห่งโชคชะตายังเป็นเพียงวิญญาณมังกร! ส่วนมหาเทพองค์ก่อนสูญสิ้นไปแล้ว ตอนนี้สามโลกควรจะปั่นป่วนถึงจะถูก เหตุใดจึง…
หากทั้งสามโลกสามารถร่วมมือกันต่อต้านเผ่าปีศาจง่ายดายเช่นนี้ เช่นนั้นเรื่องที่เขาทำก่อนหน้านี้เพื่อสิ่งใดกัน
ร่างของจี้เฟิงโยกไปมาราวกับประคองไว้ไม่อยู่ เขานั่งลงกับพื้นทันที ก่อนจะสงสัยลิขิตสวรรค์ที่ตนเองเชื่อมั่นขึ้นมา
“บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่ลิขิตไว้ตั้งแต่แรก” อวิ๋นเจี่ยวมองตรงไปยังเขา ก่อนจะพูดเสียงทุ้ม “หากจะฝากความหวังไว้บนตัวของผู้อื่น สู้ตนเองพยายามกอบกุมสิ่งนั้นเอาไว้ในมือถึงจะเรียกว่าชีวิต”
“…”
…
จี้เฟิงถูกขังเอาไว้ หนึ่งคือร่างเวทของเขาพังทลายไป อีกทั้งถูกขนมของอาจารย์ปู่ระเบิดไปหลายที ถึงจะมีแรงเหลือแต่ก็ไม่อาจต่อต้านได้ สองคือเขาเหมือนได้รับการโจมตี หลังจากที่เห็นคนของทั้งสามโลกปรากฏตัว ท่าทางของเขาก็ราวกับคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่าง สีหน้านิ่งเฉย
อวิ๋นเจี่ยวพอจะเดาได้ อันที่จริงแล้วจุดประสงค์ของจี้เฟิงเหมือนกับพวกเขา ทำเพื่อต่อต้านการรุกรานของเผ่าปีศาจ เพียงแต่เขาเชื่อมั่นลิขิตสวรรค์ตั้งแต่แรก คิดว่ามีเพียงการรวมดินแดนสวรรค์เป็นหนึ่งเดียวถึงจะสามารถนำพาทั้งสามโลกต่อต้านเผ่าปีศาจได้ ดังนั้นเขาจึงช่วยเนี่ยชางไปกลางคัน ต่อมาถึงได้พบว่าเนี่ยชางสูญเสียใจคนไปแล้ว ไม่อาจรวบรวมดินแดนสวรรค์ได้
เขาคิดว่าต้นเหตุทั้งหมดเป็นเพราะอวิ๋นเจี่ยว ถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงชะตาสวรรค์ขึ้น
อวิ๋นเจี่ยวไม่ใช่คนในโลกนี้ การปรากฏตัวของนางเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ
แต่จี้เฟิงไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นภายใต้ความโกรธ เขาจึงไปรั้งพวกนางในดินแดนทับซ้อนสามโลก ก่อนจะบังเอิญพบเข้ากับสีฝาน พร้อมทั้งพบว่าเขาคือมหาเทพองค์ใหม่ที่หนทางแห่งสวรรค์เลือกเอาไว้จึงอยากจะจับเขากลับไป
สิ่งที่เขาทำทั้งหมดก็เพื่อรวมสามโลกเข้าด้วยกันเพื่อต่อต้านเผ่าปีศาจ กำจัดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับทั้งสามโลก สุดท้ายเขากลับพบว่าถึงแม้ดินแดนสวรรค์ทั้งสี่ทิศจะตายไปสาม คนสุดท้ายยังวิญญาณหลุดออกจากร่าง แต่อวิ๋นเจี่ยวแค่แจ้งข่าวการประชุม ทั้งสามโลกก็เดินทางมาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ความพยายามของเขาทั้งหมดล้วนไม่มีประโยชน์
ถึงแม้จุดเริ่มต้นของเขาจะดี แต่อวิ๋นเจี่ยวไม่ชอบเทพคนนี้อย่างมาก อีกทั้งไม่คิดจะปล่อยเขาไป ไม่ว่าใครที่ถูกวางแผนลอบทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ต้องโกรธ แต่ตอนนี้เผ่าปีศาจใกล้จะรุกรานเข้ามา เก็บเขาไว้มีประโยชน์มากกว่า อีกทั้งสถานการณ์ในตอนนี้ นางไม่รู้ว่าจะฆ่าเทพคนหนึ่งไห้ตายได้อย่างไรภายใต้เงื่อนไขไม่สิ้นเปลืองขนม
อีกทั้งในเวลาคับขันเช่นนี้นางยังต้องสืบเรื่องของอีกคนให้กระจ่าง…สีฝาน!
อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้าขึ้นมองวิญญาณมังกรที่ขดตัวเป็นก้อน ร้องไห้อย่างน่าสงสารมาครึ่งวัน นางถอนหายใจพร้อมถาม “เจ้าเป็นใครกันแน่”
อวิ๋นเจี่ยวไม่เคยคิดมาก่อนว่าสีฝานจะเป็นมังกร อีกทั้งยังเป็นมังกรเสวียน ไม่รวมเนี่ยชาง ทั้งสามโลกล้วนรู้ว่าดินแดนสวรรค์มีมังกรเสวียนทั้งหมดสี่ตัว ซึ่งก็คือมหาเทพทั้งสี่ทิศ แต่เหตุใดจึงโผล่ออกมาอีกตัว
สิ่งสำคัญคือ อย่าว่าแต่คนอื่นในเสวียนเหมิน แม้แต่อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่ยังไม่เคยเอะใจมาก่อน ชาวสวนอิ้งหลุนอาจรู้ แต่ในสายตาเขาวิญญาณล้วนเหมือนกัน จึงไม่มีทางพูดเรื่องนี้กับพวกเขาขึ้นมาเอง