ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 48 กระดาษคำตอบพิเศษ
ตำหนักหารือของสำนักเทียนซือ
ผู้อาวุโสทั้งหลายที่รับผิดชอบในการสอบครั้งนี้มารวมตัวกัน พวกเขาแต่ละคนล้วนมีวิชาเก่งกาจและเป็นผู้มีชื่อเสียงของเสวียนเหมิน เทียนซือที่อันดับต่ำที่สุดอย่างน้อยก็มีเจ็ดดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีเทียนซือระดับปฐพีขั้นสาม เจ้าสำนักของสำนักเทียนซือ สวีชิงเฟิงก็ได้ขึ้นแท่นตำแหน่งตั้งแต่อายุยังน้อย
สีหน้าของทุกคนล้วนมีความสงสัย เฉินหย่วนเต้าระดับปฐพีขั้นหนึ่งทางซ้ายขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยปากถามอย่างหงุดหงิดว่า ท่านเจ้าสำนัก การทดสอบขึ้นทะเบียนสนามที่สองยังไม่เริ่ม ท่านเรียกพวกข้ามาที่นี่เพื่ออะไร เขาเป็นผู้คุมสอบในสนามที่สอง ตอนนี้สนามสอบแรกได้จบลงไปแล้ว และกำลังจะเริ่มสนามที่สอง นั่นเป็นเวลาที่เขายุ่งที่สุด แต่เจ้าสำนักดันให้เขาวางเรื่องในมือลงแล้วรีบมาที่นี่หารือกัน แน่นอนว่าเขาต้องไม่พอใจ
ผู้อาวุโสท่านอื่นได้ยินเช่นนั้น แต่ละคนก็พูดขึ้นมา
ใช่แล้วท่านเจ้าสำนัก ปีที่แล้วมาล้วนต้องรอให้การทดสอบขึ้นทะเบียนจบลงก่อน พวกเราถึงจะหารือเรื่องอันดับกัน เหตุใดครั้งนี้เลื่อนให้เร็วขึ้นมากมายเช่นนี้ การทดสอบขึ้นทะเบียนทั้งหมดสามสนามจริงๆ แล้วแค่ผ่านการทดสอบสนามที่หนึ่งและสองก็สามารถขึ้นทะเบียนได้แล้ว แต่ว่าได้ขั้นต่ำที่สุดก็คือเทียนซือหนึ่งเหรียญเท่านั้น การทดสอบที่แท้จริงคือการต่อสู้ในสนามที่สาม พวกเขาจะถูกจัดอันดับตามการแสดงความสามารถของตนเอง
ทุกท่าน… สวีชิงเฟิงเจ้าสำนักกวาดสายตามองทุกคน สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น ครั้งนี้เรียกทุกคนมา ไม่ใช่เพื่อหารือเรื่องอันดับ
ไม่ใช่หารือเรื่องอันดับ? เช่นนั้นคืออะไร? ทุกคนต่างตะลึง มองหน้าซึ่งกันและกัน
เจ้าสำนักสวีลุกยืนขึ้น ถึงได้อธิบายด้วยเสียงทุ้มว่า ครั้งนี้เป็นเพราะว่ามีเรื่องแปลกเรื่องหนึ่ง ในสนามสอบที่หนึ่ง ผู้ดูแลฉีได้ส่งกระดาษคำตอบพิเศษขึ้นมาชุดหนึ่ง เนื้อหาที่ตอบนั้นทำให้ข้าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงได้เชิญทุกท่านมาร่วมกันพินิจ
ตกลงแล้วเป็นกระดาษคำตอบอย่างไรกัน ถึงได้ทำให้ท่านเจ้าสำนักเห็นความสำคัญเช่นนี้ เฉินหย่วนเต้าอดไม่ได้ที่จะถาม ถึงขั้นยังต้องเรียกผู้อาวุโสทั้งหมดมาด้วย
ทุกท่านลองอ่านดูก็จะรู้ สวีชิงเฟิงหยิบกระดาษคำตอบปึกหนาจากโต๊ะน้ำชาข้างตัวขึ้นมา นี่คือหนึ่งชุด
ทุกคนตะลึง มองไปยังกระดาษคำตอบในมือเขา กระดาษหนาหนึ่งปึกนั้น พวกเขาเห็นตั้งแต่เขามาแล้ว ดูยังไงอย่างน้อยก็มีสิบกว่าใบ ไม่คิดว่านั่นจะเป็นเพียงกระดาษคำตอบเพียงหนึ่งชุด ทันใดนั้นทุกคนต่างมีความอยากรู้ ลุกขึ้นเดินเข้าใกล้
ผู้ที่เขียนคำตอบชุดนี้ ได้เขียนวิธีการตอบคำถามนับสิบแบบในคำถามแต่ละข้อ อีกทั้งแต่ละวิธีล้วนถูกต้อง เจ้าสำนักสวีเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม โดยเฉพาะข้อสุดท้ายที่เกี่ยวกับข่ายพลัง เดิมทีเพียงแค่รู้วิธีการใช้ข่ายพลังนี้ก็พอ แต่เขากลับเขียนทั้งการสร้างข่ายพลัง วิธีการใช้ วิธีการต้าน และวิธีการทำลายลงไป
ทุกคนได้ฟังดังนั้น ล้วนมองไปยังแผ่นคำตอบที่เจ้าสำนักว่า ข่ายพลังเป็นจุดยากของการฝึกฝน ถึงแม้จะเป็นเทียนซือระดับปฐพี ก็ยากที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ ข้อนี้เป็นคำถามข่ายพลังในสนามสอบรอบแรก ซึ่งเป็นคำถามเพิ่มเติม ผู้ที่สามารถตอบถูกนั้นน้อยจนสามารถนับนิ้วได้ ถึงแม้จะเป็นศิษย์เสวียนเหมินที่ฝึกฝนด้านนี้โดยเฉพาะ ก็ไม่อาจตอบได้ละเอียดถึงเพียงนี้
อีกทั้ง… เจ้าสำนักสวีสีหน้าจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม ดึงกระดาษคำตอบแผ่นสุดท้ายออกมาแล้วพูดว่า เขายังวาดข่ายพลังที่เกี่ยวข้องกับข่ายพลังนี้อีกด้วย ขนาดข้ายังดูไม่ออกว่ามันเป็นข่ายพลังอะไร
ให้ข้าดูหน่อย! เมื่อเขาพูดจบ คนสวมชุดเขียวที่อยู่ข้างตัวรีบเดินขึ้นหน้ามา
ท่านอาวุโสเจียว เจ้าสำนักสวีเมื่อเห็นคนดังกล่าว สีหน้าดีใจ เจียวเหิงอีเป็นเทียนซือส่วนน้อยที่ฝึกฝนด้านข่ายพลังโดยเฉพาะ อีกทั้งยังเป็นเทียนซือระดับปฐพีขั้นสามคนเดียวในกลุ่มผู้อาวุโส หากจะบอกว่าใครเข้าใจข่ายพลังมากที่สุด ก็คงต้องเป็นท่านอาวุโสเจียวคนนี้แล้ว เจ้าสำนักสวีรีบยื่นกระดาษคำตอบแผ่นสุดท้ายไปให้ ท่านรู้จักข่ายพลังนี้หรือไม่
เจียวเหิงอีพินิจรูปข่ายพลังบนกระดาษอย่างละเอียด ตอนแรกนั้นยังไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่พอยิ่งดูตาของเขายิ่งเบิกกว้าง สุดท้ายใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา นี่…ทำไมถึง…หรือว่าจะเป็น ‘ข่ายพลังห้าธาตุปราบมาร’!
อะไรนะ! เมื่อเขาพูดจบ ทุกคนในห้องล้วนตกตะลึง มองไปยังรูปข่ายพลังในมือเขาด้วยสายตาเร่าร้อน ใบหน้านั้นแสดงออกถึงความเหลือเชื่อ
นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร ‘ข่ายพลังห้าธาตุปราบมาร’ ไม่ใช่ว่าสูญหายไปแล้วหรือ
ใช่แล้วท่านอาวุโสเจียว ท่านดูผิดหรือไม่ ในเมื่อไม่มีใครเคยเห็น ‘ข่ายพลังห้าธาตุปราบมาร’ ที่แท้จริง
ข้อสอบบนกระดาษนี้ เป็นเพียงข่ายพลังผูกมารเท่านั้น ซึ่งเป็นข่ายพลังขั้นต่ำสุด ถึงแม้จะสามารถคำนวณออกมาถึงข่ายพลังชั้นสูงกว่า แต่ก็ไม่ถึงขั้นนี้หรือเปล่า
เล่ากันว่า ‘ข่ายพลังห้าธาตุปราบมาร’ สามารถปราบมารฆ่าปีศาจ ถึงแม้ปีศาจนั้นจะมีวิชาพันปี ก็ไม่อาจหนีไปจากข่ายพลังนี้ได้ ผู้ที่ตอบคำถามนี้ทำไมถึงรู้จักข่ายพลังนี้กัน
ทุกคนยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือ ‘ข่ายพลังห้าธาตุปราบมาร’
เจียวเหิงอียิ่งดูยิ่งตื่นเต้น ในตาฉายแววลุกวาว มือที่จับกระดาษคำตอบสั่นเทาขึ้นมา ไม่ผิดแน่ ต้องไม่ผิดแน่ นี่เป็นข่ายพลังซ้อนทับกันหลายอัน สัญลักษณ์บนข่ายพลังนี้ล้วนแฝงไปด้วยคำสาปที่สามารถฆ่าปีศาจปราบมารได้ ข้าดูไม่ผิดเป็นแน่ เพียงแต่ว่า… เขามองไปยังร่องรอยของการคำนวณบริเวณรอบข่ายพลัง ข่ายพลังนี้ราวกับเพิ่งคำนวณออกมา ข่ายพลังที่ทับซ้อนกันด้านบนยังไม่สมบูรณ์ น่าจะมีวิธีการคิดอื่นถึงจะถูก
เจ้าสำนักสวีตะลึง รีบหยิบกระดาษอีกหลายใบออกมาจากกองกระดาษคำตอบนั้น ท่านอาวุโสเจียวพูดถึงเหล่านี้ใช่หรือไม่
เจียวเหิงอีรีบรับมา พลิกดูทีละแผ่น ดวงตาเบิกโตมากยิ่งขึ้น สีหน้ามีแต่ความตื่นเต้น ไม่ผิด ไม่ผิด คืออันนี้ คืออันนี้! นี้คือวิธีการคำนวณ พวกเจ้าดู รูปพวกนี้ล้วนลึกลงไปในแต่ละชั้น! ท่านอาวุโสเจียววางกระดาษคำตอบทีละแผ่นไว้บนโต๊ะค่อยๆ ดูขึ้นมา พลางดูพลางตบหน้าขาของตัวเองพร้อมพูดว่า ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ดี! ดีจริง!
ท่านอาวุโสเจียว! ดูท่าอีกฝ่ายจะจมเข้าไปอยู่ในการค้นพบข่ายพลังที่สูญหาย เจ้าสำนักสวีก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากยืนยัน บนรูปนี้เป็น ‘ข่ายพลังห้าธาตุปราบมาร’ จริงหรือ
ใช่! ท่านอาวุโสเจียวพยักหน้าอย่างแรง แต่สายตายังจับจ้องไปที่รูปข่ายพลัง ข้ามั่นใจว่านี่คือ ‘ข่ายพลังห้าธาตุปราบมาร’ ไม่คิดว่าจะมีวันที่ข้าได้เห็นข่ายพลังระดับปฐพีด้วยตัวข้าเอง!
เขาตัวสั่นเทาราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้ คนอื่นในห้องล้วนตกอยู่ในความตะลึง ตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน หลังจากตระกูลจั่วชิวที่ฝึกฝนข่ายพลังโดยเฉพาะถูกเผ่ามารตามแก้แค้น ข่ายพลังระดับปฐพีและระดับเสวียนส่วนใหญ่ก็ได้สูญหายไป มีเพียงข่ายพลังระดับเสวียนและระดับจักรพรรดิส่วนใหญ่ที่หลงเหลืออยู่ แต่วันนี้กลับปรากฏข่ายพลังระดับปฐพี
จริงสิ ผู้ที่ตอบคำถามละ? เจียวเหิงอีคิดอะไรขึ้นได้ ถามขึ้นอย่างร้อนรน ในมือยังคงกำกระดาษรูปข่ายพลังนั้นแน่น เร็วเข้า บอกข้าว่าเขาอยู่ไหน ข้าต้องคุยกับเขาเรื่องการวางข่ายพลังอย่างน้อยสามวันให้ได้
การฝึกฝนด้านข่ายพลังในเทียนซือช่างหายาก ทำให้ระดับการฝึกฝนของเขาไม่บรรลุสักที ในเมื่อได้เจอคนที่เข้าใจเรื่องนี้ เขาจะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด