ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 50 ห้องสอบส่วนตัว
การสอบรอบที่สองแบ่งออกเป็นทั้งหมดห้าทักษะได้แก่ ยันต์ ทำนาย ข่ายพลัง อาวุธ และการรักษา สิ่งที่สอบคือเทคนิคขั้นพื้นฐานของการฝึกฝนทางเต๋า ในฐานะของศิษย์เสวียนเหมิน แม้จะไม่ชำนาญในทุกด้าน แต่อย่างน้อยต้องมีทักษะอย่างน้อยสองอย่าง
คำนึงถึงผู้ฝึกฝนทางด้านข่ายพลังและการรักษามีจำนวนน้อย ดังนั้นจึงใช้การจับสลากในการตัดสินใจทักษะที่จะต้องทดสอบ ข่ายพลังและการรักษามีคนจับได้น้อย ถึงแม้จับได้อย่างไม่ตั้งใจก็สามารถสละได้ และมีโอกาสจับใหม่ได้อีกครั้ง
ชายแก่และตาโจวโชคยังดี ชายแก่จับได้วาดยันต์ ส่วนตาโจวจับได้ทำนาย ล้วนเป็นสิ่งที่ทั้งสองคนถนัด
เมื่อถึงคราวของอวิ๋นเจี่ยว ศิษย์ที่ทำหน้าที่จดรายชื่ออยู่ด้านหน้า เมื่อเห็นนางก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปยังป้ายสอบของนาง เจ้าชื่ออวิ๋นเจี่ยว?
ใช่! นางพยักหน้า
ศิษย์ผู้นั้นมองนางอีกครั้ง ในดวงตาราวกับมีอะไรแวบผ่านไป ก่อนจะยื่นกระบอกจับฉลากมาให้
จับเถอะ
อวิ๋นเจี่ยวกำลังจะเอื้อมมือหยิบออกมา ทันใดนั้นรู้สึกมีความเคลื่อนไหวประหลาดบริเวณปลายนิ้ว นางตะลึงไปครู่หนึ่ง มองลงไปยังก้นกระบอกจับฉลาก ข้างล่างนั้นคือ…ข่ายพลังเคลื่อนย้าย?
นางจับฉลากออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน เห็นเพียงแต่ด้านบนเขียนตัวอักษรว่า ข่ายพลัง
การทดสอบคือข่ายพลัง ศิษย์คนนั้นประกาศเสียงดัง พร้อมชี้ไปยังตำหนักทางด้านขวาสุดและกล่าวว่า สถานที่การทดสอบข่ายพลังอยู่ตรงนั้น เจ้าไปเถอะ จะมีคนมานำเจ้าไปทดสอบ
อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า บอกกล่าวไป๋อวี้และตาโจว จากนั้นก็เดินไปยังทางที่เขาชี้ เมื่อเข้าประตูไป นางก็เห็นศิษย์เสวียนเหมินที่อยู่ในชุดของสำนักเทียนซือกำลังรออยู่ที่นั่น นางยื่นป้ายสอบออกไปอีกรอบ
อวิ๋นเจี่ยว? อีกฝ่ายถาม
อืม
คนนั้นกวาดสายตามองนางขึ้นลง ก่อนจะหันหลังพลางเดินพลางพูด ตามข้ามา
อวิ๋นเจี่ยวทำได้เพียงเดินตามไปอีกครั้ง เดินลัดเลาะตามทางที่คดเคี้ยว ปีนข้ามผ่านบันไดยาว เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่มีความคิดจะหยุดลง นางรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา สถานที่ทดสอบข่ายพลังไกลขนาดนี้เชียวเหรอนางมองไปยังรอบด้าน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
สหายท่านนี้ ทำไมถึงไม่เห็นมีผู้เข้าสอบคนอื่นเลย เดินมาตลอดทาง นางไม่เห็นคนอื่นแม่แต่น้อย
คนด้านหน้าชะงักฝีเท้าลง สีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนที่จะเอ่ยเสียงทุ้มอย่างตะกุกตะกัก การ…การทดสอบข่ายพลังโดยปกติแล้วจะเข้มงวด อีกทั้งคนที่ฝึกฝนทางด้านนี้มีไม่มาก ผู้สอบย่อมมีน้อยเป็นธรรมดา ข้างหน้าก็เป็นสนามสอบแล้ว เจ้าเพียงแค่ตั้งใจทำการทดสอบก็พอ ถามมากเช่นนี้ทำไม
อ่อ ความสงสัยในใจของอวิ๋นเจี่ยวยิ่งมากขึ้น แต่สีหน้ายังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งสองคนเดินมาจนถึงหน้าตำหนักใหญ่แห่งหนึ่งก่อนจะหยุดลง
ศิษย์ผู้นำทางชี้ไปทางด้านหน้าอย่างใจร้อน อะ ข้างหน้าก็คือสนามสอบ มีเวลาครึ่งชั่วยาม หากเจ้าสามารถออกมาจากที่นั่นได้ถือว่าผ่าน เข้าไปเถอะ!
ขอบคุณที่นำทาง อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ก่อนจะเดินไปทางประตูที่ปิดอยู่ บนประตูมีข่ายพลังเล็กรูปร่างสี่เหลี่ยมอยู่
นางวางป้ายสอบบนมือขึ้นไป นาทีถัดมาประตูเปิดออกดังเอี๊ยด เมื่อนางก้าวขาเข้าไป ประตูก็ปิดลงอัตโนมัติ นาทีถัดมาด้านหน้าเกิดแสงสีขาวขึ้น ภายในห้องปรากฏข่ายพลังขึ้นมาในทันที แผ่ขยายเข้าไปถึงด้านใน ดังนั้นการทดสอบในครั้งนี้คือจะให้นางทำลายข่ายพลังเหรอ
อวิ๋นเจี่ยวมองบริเวณรอบด้านที่ยิ่งสว่างขึ้นเรื่อยๆ ข่ายพลังหลายอันนันกำลังจะขึ้นเป็นรูปร่าง นางเดินขึ้นหน้าไปหลายก้าว มุ่งหน้าไปยังใจกลางของข่ายพลัง จากนั้นติดยันต์สีเหลืองบริเวณตรงกลางอย่างไม่ลังเล ข่ายพลังที่ตรงกลางยังไม่สว่างขึ้นมาหมดนั้นมืดดับลงไปทันที
นางนำยันต์นั้นแปะไว้ห่างจากศูนย์กลางของข่ายพลังราวห้าถึงหกฉื่อ จากนั้นก็ได้ยินเสียงของบางอย่างพังทลายลง พร้อมกับสายฟ้าที่แวบผ่านหน้าไป ราวกับเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ข่ายพลังทั้งหมดราวกับหลอดไฟที่ลัดวงจรดับๆ ติดๆ อยู่หลายครั้งสุดท้ายก็มืดลงไป
อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังรอบด้านที่มืดลงไป พวกนี้เป็นเพียงแค่ข่ายพลังขั้นต่ำเท่านั้น อีกทั้งยังตั้งใจซ้อนทับเชื่อมโยงขึ้นมา ทำให้ง่ายต่อการทำลายข่ายพลัง แต่ว่ามันจะง่ายไปหน่อยหรือเปล่า
ทันใดนั้นนางนึกถึงคะแนนของตัวเองที่ถูกกดอยู่บนพื้นนั้น อืม ต้องไม่ง่ายขนาดนี้แน่…
o(一︿一+)o
——————
ในขณะเดียวกันที่ตำหนักด้านข้าง
เป็นยังไง พาคนเข้าไปแล้วใช่หรือไม่ เจียวเหิงอีถามศิษย์ที่มารายงาน
เรียนท่านอาวุโส เข้าไปเรียบร้อยแล้ว ศิษย์ผู้นั้นทำความเคารพพร้อมตอบ นางเข้าไปกว่าครึ่งดอกธูปแล้ว
ดีมาก เจียวเหิงอีพยักหน้า โบกมือให้ศิษย์คนนั้นถอยลงไป หันหน้ามองออกไปยังหน้าต่างทางด้านขวา ทิศทางของตำหนักที่วางเต็มไปด้วยข่ายพลัง
เจ้าสำนักคิดวิธีการทดสอบออกมาได้ดี ให้เขาเป็นผู้วางข่ายพลังทดสอบศิษย์รายนี้ หากอีกฝ่ายสามารถทำลายข่ายพลังออกมาได้ภายในครึ่งชั่วยามก็ถือเป็นการดี ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถด้านข่ายพลังไม่มากเท่าที่คิดไว้ แต่ก็ยังสามารถรับเป็นศิษย์มาฝึกฝนภายใต้สำนักได้ แต่หากไม่ได้…
สีหน้าเขาเคร่งเครียด ฮึ! สำนักเทียนซือของพวกเขาไม่รับศิษย์เสวียนเหมินที่อวดฉลาดด้วยการโกงได้!
เพียงแต่ว่าเขาจะวางข่ายพลังอย่างไรดีเป็นสิ่งที่ทำให้เขาลำบากใจ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เขาก็ไม่ได้วางข่ายพลังประเภทโจมตีร้ายแรงอะไร แต่เป็นเพียงข่ายพลังสำหรับต่อกรกับมารและปีศาจเท่านั้น อีกทั้งล้วนเป็นข่ายพลังทับซ้อน มีนับสิบกว่าอัน อาจจะซับซ้อนไปบ้าง แต่หากอีกฝ่ายสามารถทำลายได้หนึ่งถึงสองอัน ความสามารถก็ไม่อาจดูถูกได้แล้ว
เจียวเหิงอีหันหน้าไปมองธูปที่จุดไว้เพื่อจับเวลา สบตากับท่านอาวุโสเฉินด้านข้างที่เป็นผู้คุมสอบในสนามที่สอง ก่อนที่จะรอผลลัพธ์อย่างสบายใจ
ในขณะเดียวกัน คนบางคนที่เพิ่งเข้าประตูก็ทำลายข่ายพลังทั้งหมดแล้ว กลับคิดว่าการทดสอบมันต้องไม่ง่ายนั้น กำลังเดินทั่วตำหนักเพื่อหาว่ามีข่ายพลังไหนซ่อนไว้บ้าง
จนกระทั่งนางค้นทั่วตำหนักรอบที่สาม สุดท้ายหยุดอยู่ที่หน้ากำแพงหนึ่ง สายตาลุกวาว มีจริงด้วย!
มองพินิจไปยังกำแพงนั้น ดูภายนอกกำแพงนี้ไม่ได้แตกต่างจากตรงอื่น แต่เมื่อวางมือขึ้นไป สามารถรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวเล็กๆ ภายในนี่เป็นข่ายพลังทับซ้อนสำหรับปิดกั้นและแอบซ่อน หากไม่ใช่ว่านางไม่ยอมตัดใจค้นทั่วตำหนักเป็นรอบที่สาม ข่ายพลังนี้ซ่อนไว้ลึกเช่นนี้คงจะไม่เห็นเป็นแน่
อวิ๋นเจี่ยวถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองกำแพงอย่างพินิจ ในหัววิ่งแล่นไปด้วยวิธีการทำลายข่ายพลังนี้ สักพักหลังจากนั้น นางถึงได้เอี้ยวตัวยื่นมือไปสัมผัสกับก้อนอิฐที่ยื่นออกมาบริเวณมุมกำแพง ก่อนจะบิดมันไปอยู่ในบริเวณที่ตรงข้ามกันตามหลักห้าธาตุของการวางข่ายพลัง
ทันใดนั้นเกิดเสียงดังขึ้นมาบนกำแพงราวกับถูกคลุมทับไปด้วยตาข่ายไฟฟ้า ปรากฏแสงสีขาว กำแพงที่เดิมยังมีความแข็งแรงนั้นราวกับพังทลาย อิฐหายไปทีละก้อน ก่อนจะปรากฏขั้นบันไดที่มุ่งลงไปยังใต้พื้นดิน
มีโจทย์ซ่อนไว้จริงด้วย อวิ๋นเจี่ยวใจไม่ดีขึ้นมา คิดถึงความผิดพลาดเมื่อการสอบรอบก่อนของตัวเอง ก่อนจะตั้งสติขึ้นมาทันที จะมาประมาทไม่ได้นะ