ศึกสยิวเกราะศาสตรา - ตอนที่ 4
ตอนที่สี่ ชุดเกราะ? ภารกิจ? สเตตัส?
กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!
ผมรู้สึกถึงบางอย่างที่ทั้งนุ่มและอุ่นในอ้อมแขน แล้วเมื่อสูดลมหายใจเข้าผมก็ได้กลิ่นหอมหวานที่เหมือนกับกลิ่นของดอกไม้บางชนิดที่ผมนึกชื่อไม่ออก มันทำให้ผมไม่อยากที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นมาเลยแต่เพราะผมได้ยินเสียงรบกวนแปลกๆบางอย่างจึงจำใจต้องปรือตาลุกขึ้นมาหาต้นต่อของมัน
“อืออ”
เมื่อผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่าร่างเล็กในอ้อมแขน จัดการปิดอุปกรณ์ส่งเสียงรบกวนนั่นไปเรียบร้อยแล้ว รูปร่างหน้าตาของมันคล้ายสมาร์ทโฟนในโลกเก่าเอามากๆและผมก็คาดว่ามันคือสมาร์ทโฟนในต่างโลกนั่นแหละ
“ตื่นแล้วเหรอค่ะ พี่ครูส”
คุณน้องสาวมองมาที่ผมด้วยขอบตาที่แดงก่ำจากการร้องไห้ติดต่อกันหลายชั่วโมง และผมสังเกตเห็นว่าในตอนนี้มันเริ่มที่จะเปียกชื้นอีกครั้งนึงแล้ว
“หนูคิดว่าจะต้องเสียพี่ไปอีกคนแล้วค่ะ เมื่อคืนหนูพาพี่ไปที่โรงพยาบาลแต่พวกเขาก็บอกไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นพี่ ตอนนั้นน่ะหนูสิ้นหวังมากเลยค่ะ”
“เวนดี้พี่..”
ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างจุกอยู่ที่อก ความรู้สึกนี้มันทรมานเสียยิ่งกว่า ความเจ็บปวดทางกายเมื่อคืนเสียอีก ผมรู้สึกผิดที่ทำให้คุณน้องสาวเป็นห่วงเอามากๆ ในฐานะผู้ชายคนนึงแล้วการทำให้เด็กสาวเสียน้ำตาไม่ใช่เรื่องที่ควรเลย
“ช่างมันเถอะค่ะหนูไปทำงานก่อนนะคะได้เวลาแล้ว ถ้าพี่หิวบนโต๊ะในห้องครัวมีอาหารที่หนูสั่งมาเตรียมเอาไว้รอพี่ตื่นวางอยู่นะคะ”
แล้วคุณน้องสาวก็เดินจากไปทิ้งผมที่นั่งกระอักกระอ่วดไว้เพียงลำพัง ผมจึงค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเริ่มคิดไตร่ตร่องให้ถี่ถ้วน
จากสิ่งที่คุณน้องสาวพูดทิ้งไว้แสดงว่าอาการของผมมีโอกาสเกี่ยวข้องกับอาร์มสีดำสูงมาก เพราะการตรวจไม่พบโรคก็ยืนยันได้แทบจะในทันทีแล้วว่าสาเหตุน่าจะเพราะการติดตั้งอาร์ม
ส่วนอาร์มที่คุณน้องสาวให้มาก็เป็นของมียี่ห้อ และตอนลงทะเบียนก็ไม่น่าจะมีอาการเจ็บปวดเพราะว่าถ้าหากมีอาการจริงคุณน้องสาวที่เคยผ่านการลงทะเบียนอาร์มมาก่อนน่าจะรู้ดีกว่าผมแน่ๆ
“เอาเถอะมาดูกันดีกว่าว่าผลของความเจ็บปวดมันเป็นยังไง”
ผมเลื่อนนิ้วไปจิ้มบนไอค่อนโปรงแสงรูปชุดเกราะที่มุมขวาล่างของสายตา ทันใดนั้นเองก็มีหน้าต่างโปรงใสที่มีเนื้อหาเขียนระบุรายละเอียดของชุดเกราะที่ผมครอบครองเด้งขึ้นมา
[ อาร์เมอร์ที่ครอบครอง 1 ]
“ห่ะ?”
เมื่อผมเห็นจำนวนชุดเกราะที่มีก็ถึงกับเผลอหลุดอุทานเสียงโง่งมออกมาอย่างไม่รู้ตัว และเมื่อผมได้สติผมก็รีบเลื่อนสายตาลงมาอ่านรายละเอียดทั้งหมดที่มีระบุไว้ในทันที
Name : Shooting Star Armor
Type : –
Rank : 1
คำอธิบาย : ชุดเกราะรูปแบบการโจมตีระยะ?????สำหรับผู้เริ่มต้น ?????????
“อะไรเนี่ยบัคอีกแล้วเหรอ หรือเพราะกลายเป็นโลกแห่งความเป็นจริงขึ้นมา คำบรรยายไอเทมเลยมีบางส่วนติดบัคละมั้ง แต่ถึงจะบัคไปก็ไม่มีปัญหาหรอกเพราะยังไงซะถ้าเดาจากชื่อStarของเจ้านี่ก็คงไม่พ้นเป็นชุดเกราะระยะไกลที่คุณน้องสาวให้มาหรอก สรุปคือหินสีดำไม่ใช่ชุดเกราะสินะมิน่าพอกลืนลงไปถึงได้ทรมานนัก”
หลังจากที่ผมมองหน้าต่างรายละเอียดชุดเกราะจนพอใจแล้วผมก็กดปิดมันไป และลุกขึ้นเดินไปที่ห้องครัว
เมื่อถึงห้องครัวผมก็เห็นอาหารที่คุณน้องสาวทิ้งไว้ให้บนโต๊ะ มันเป็นข้าวกล่องธรรมดาๆ ที่หาซื้อได้ทั่วไปตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป แต่ผมอดแปลกใจกับยี่ห้อของข้าวกล่องที่เหมือนกับโลกเดิมเป๊ะๆไม่ได้แต่พอลองคิดเล่นๆดูว่าบริษัทข้าวกล่องอาจจ้างผู้พัฒนาเกมให้ช่วยโปรโมทสินค้าก็มีความเป็นไปได้อยู่
หลังจากที่ผมทานข้าวกล่องเรียบร้อยแล้วผมก็ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร จะเรียกชุดเกราะออกมาดูก็ทำไม่เป็นเลยทำได้เพียงเดินสำรวจบ้านไปทั่ว
จะว่าไปผมเองตั้งแต่รู้สึกตัวว่าหลุดมาโลกนี่ก็ไม่มีอะไรติดตัวมาด้วยเลยนอกเสียจากเสื้อผ้าที่ใส่อยู่เลย
นี่มันเป็นชะตาของตัวเอกในเกมทุกเกมใช่ไหมที่จะต้องเริ่มต้นตัวเปล่า ผมละอดคิดไม่ได้จริงๆว่าพวกเขาใช้ชีวิตยังไงกันถึงไม่มีสัมภาระอะไรเลยในตอนเริ่มเกม
ติ๊ง!~
ขณะที่ผมกำลังล่วงละเมิดตู้เสื้อผ้าแห่งความลับของคุณน้องสาวที่มีทั้งของเล่น และชุดนอนบางเฉียบที่ดูเกินวัยและลามกแบบสุดๆ ก็มีเสียงแจ้งเตือนที่ราวกับเมลเข้าดังกระทบโสตประสาทของผม แล้วเมื่อกวาดสายตาตรวจดูดีๆผมก็พบแจ้งเตือนเป็นเครื่องหมายตกใจสีแดงลอยอยู่บนอากาศ แล้วพอผมเอื้อมมือไปแตะมันก็มีหน้าต่างโปร่งแสงเด้งขึ้นมาอีกเช่นเคย
《ภารกิจ พัฒนาร่างกาย》
1.วิดพื้น (0/100) , ลุกนั่ง (0/100) รางวัล STR+2
2.อ่านหนังสือเรื่องเทคนิคมัดใจสาว (0/1) รางวัล LUK+3
3.อ่านหนังสือเรื่องครบเครื่องเทคนิคลับพัฒนาอาร์ม (0/1) รางวัล VIT+2
4.ยิงกระสุนพลังงาน (0/20) รางวัล INT+1
5.หลบการโจมตีจากคู่ต่อสู้ (0/30) AGI+1
เมื่อผมได้อ่านข้อมูลของภารกิจใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในระบบของผมสดๆร้อนๆ ผมก็วางแท่งนวดไหล่ที่ยืมมาจากตู้เสื้อผ้าในห้องนอนคุณน้องสาวลงในทันที
เจ้าภารกิจนี่มันสุดยอดไปเลยแบบนี้ค่อยสมกับเป็นโลกที่อิงมาจากเกมหน่อย เท่านี้ผมก็สามารถพัฒนาตนเองในระหว่างที่ว่างอยู่ได้ แต่ดูๆไปแล้วผมสามารถเพิ่มค่าพละกำลัง(STR)ได้ง่ายๆเลยนะเนี่ย ส่วนภารกิจอย่างอื่นคงต้องรอไปทำในการต่อสู้จริงไม่ก็ไว้มีโอกาสได้ซื้อหนังสือสินะ
เมื่อโอกาสมาถึงแล้วผมก็ไปรีรออีกต่อไป ผมรีบเอาแท่งสั่นนวดไหล่ของคุณน้องสาวไปเก็บที่เดิมและเริ่มวิดพื้นในทันที
ฮึบ! ฮึบ!
แต่เมื่อวิดพื้นไปสิบครั้งผมก็พบความจริงที่ว่า การวิดพื้นร้อยครั้งกับการลุกนั่งร้อยครั้งในร่างผอมแห้งนี่เป็นเรื่องที่ยากมาก
“แฮ่ก แฮ่ก”
《ภารกิจสำเร็จ ท่านได้รับSTR+2》
หลังจากที่หยุดพักไปหลายครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปสามชม.ผมก็สามารถสะสมยอดวิดพื้นและลุกนั่งถึงหนึ่งร้อยในที่สุด โชคดีจริงๆที่เจ้าภารกิจนี่ไม่ได้ให้วิดพื้นต่อเนื่องไม่งั้นผมคงไม่สามารถทำให้สำเร็จในเร็ววันแน่ๆ
ผมนอนเหงื่อท่วมอยู่บนพื้นด้วยความเหนื่อยล้า กล้ามเนื้อของผมในตอนนี้มันปวดระบมไปหมด ผมคิดว่าบางทีพรุ่งนี้ผมอาจจะไม่สามารถลุกจากเตียงก็เป็นได้
หลังจากที่ผมทำภารกิจเสร็จที่ไอค่อนโปรไฟล์ตัวละครก็มีเครื่องหมายตกใจสีแดงผุดขึ้นมาที่มุมขวาบน ว่ากันตามตรงในฐานะเกมเมอร์แล้วแจ้งเตือนพวกนี้มันรกหูรกตาสุดๆจนแทบอยากจิ้มเข้าไปดูเสียเดี๋ยวนี้ แต่มันติดก็ตรงผมเหนื่อยมากเสียจนไม่อยากขยับตัวแม้แต่ปลายนิ้ว
พรึบ!
หน้าต่างโปร่งแสงที่มีชื่อและเงาของตัวละครต่างๆภายในเกมเด้งขึ้นมา เพียงผมคิดในใจว่าต้องการจะเปิดมัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่คิดก็สามารถใช้งานระบบได้ด้วยนี่คงเป็นคีย์ลัดในชีวิตจริงสินะ
ผมเลือกไปที่ชื่อแรกซึ่งคือชื่อของตัวละครหลักที่ถูกตั้งโดยผมเองตอนมาถึงที่นี่ ‘ครูส ครอสโอเวอร์’ ที่มีเครื่องหมายตกใจสีแดงกระพริบอยู่
หน้าต่างโปร่งใสที่แสดงค่าสถานะและประวัติของตัวละครปรากฏขึ้น ก่อนหน้านี่ที่ผมเปิดเข้ามาดูมันมีเพียงประวัติความเป็นมาของตัวละครเพียงเท่านั้นแต่ตอนนี้มันมีสิ่งที่ควรจะเรียกสเตตัสอยู่ด้วย
ครูส ครอสโอเวอร์
อาร์ม : Shooting Star Armor
Rank : 1
HP40/40
MP40/40
STR:6
VIT:4
INT:4
AGI:4
LUK:4
Skill:-
Point:0
เป็นสเตตัสที่เรียกได้ว่าสมดุลสุดๆ ที่ค่าพละกำลังมีหกหน่วยเพราะการทำภารกิจเมื่อกี้สำเร็จสินะ แต่ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะไม่มีสกิลอะไรมาให้เลยเพราะโดยปกติแล้วการเริ่มเกมมามันก็ต้องให้สกิลมาสักอย่างไม่ใช่รึไง ยิ่งการมาต่างโลกยิ่งแล้วใหญ่ แต่ทำไมผมไม่มีสกิลโกงๆติดมาอะไรสักอย่างเลยล่ะ
“กลับมาแล้วค่ะ พะพะพี่ชาย!! ยะอย่าเป็นอะไรไปนะคะ หนูจะเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้แหละ”
คุณน้องสาวที่พอเปิดประตูบ้านเข้ามาเห็นผมนอนอยู่บนพื้นก็รีบลนลานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกในทันที
“เดี๋ยวๆ เวนดี้พี่ไม่เป็นไร พี่แค่ออกกำลังกาย”