ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 101 ไอ้หมอนี่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
คนของตระกูลเฉินงั้นเหรอ
ตอนนี้คนตระกูลเฉินในเมืองฉือ มีเพียงสองคนเหรอ
ถึงเฉินฝูจะพูดจาเป็น แต่เป็นเพียงความฉลาดเพียงเล็กน้อย ไม่ได้เป็นคนที่มีความสามารถอะไรขนาดนั้น
คนประเภทนี้พึ่งพาไม่ได้
นอกจากนี้ ยิ่งเป็นผู้ดูแลจงคนนั้น
เฉินอีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าลุงจงมาเมืองฉือครั้งนี้ คงไม่ใช่แค่เพราะเฉินฝูเท่านั้น เหตุผลใหญ่ บางทีอาจจะเพราะตลาดมืด
เฉินอียิ่งเลิกคิ้วขึ้นอีก
เขาสัมผัสได้นิดๆ ว่าเบื้องหลังเรื่องนี้ มีความห่างชั้นกันมาก
มังกรเก้าเดินเข้ามาข้างๆ แล้วพูดเสียงต่ำ เจ้ามังกร แค่คนแก่ไร้เรี่ยวแรงคนเดียว จำเป็นต้องให้ความสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ
เขารู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย
ไม่ว่าลุงจงจะเป็นใคร ก็เป็นเพียงแค่ผู้ดูแลคนหนึ่ง และอายุของเขา เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องกลัวแล้ว
แต่เฉินอีกลับส่ายหน้า แล้วพูดว่า มังกรเก้า นายอาจจะยังไม่รู้ ลุงจงไม่ธรรมดา ตอนนั้นฉันโดดบีบบังคับให้ออกจากตระกูลเฉิน เหมือนแม่เลี้ยงจะเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลัง ความจริงแล้ว ลุงจงคอยช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นอยู่เบื้องหลัง ไม่งั้นแค่ผู้หญิงคนนั้นเพียงคนเดียว คงไม่ทำให้ฉันระเหเร่ร่อน โดนพิษหนักได้หรอก
ตอนนี้เขารังเกียจลุงจงจริงๆ
แต่ฐานะของลุงจงในตระกูลเฉิน โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้น ตระกูลเฉินตอนนี้สำคัญมากในสายตาของนายหญิง
พูดกลับกัน คนอย่างเฉินฝู ถึงจะเอาอกเอาใจนายหญิงตระกูลเฉินสักเท่าไร ก็คงไม่ได้หนึ่งในสิบของลุงจง ถึงขนาดหนึ่งในร้อยเลยก็ยังไม่ได้
ลุงจงโดนผู้หญิงคนนั้นส่งมาได้ ดูเหมือนว่างานครั้งนี้จะใหญ่ ฉันกลับคิดว่ามันน่าจะมีอะไรบางอย่าง
เขาอดหรี่ตาลงไม่ได้ จากนั้นจึงรีบถามต่อ นายรู้ไหมว่าครั้งนี้พวกนายจำหน่ายอะไร
เรื่องนี้ผมไม่แน่ใจ ตอนนี้ธุรกิจตลาดมืดของเรา แบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ หลี่ซือกรุ๊ปรับผิดชอบส่วนหนึ่ง ส่วนเรารับผิดชอบอีกส่วนหนึ่ง แน่นอนว่ามีธุรกิจบางอย่างที่ลุงจงอะไรนั่น เปลี่ยนความคิดเห็นกะทันหัน พวกเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
นี่คือเรื่องจริง เฉินอีพยักหน้าอย่างแน่ใจ จากนั้นก็หันไปมองอีกทาง
แปดโมงครึ่งไม่ใช่เหรอ เหอะๆ ยังเหลืออีกสองชั่วโมง งั้นฉันรอละกัน
เจ้ามังกร คุณไม่กลับไปอยู่กับนายหญิงและนายน้อยทั้งสองเหรอ
มังกรเก้าถามอย่างแปลกใจ
เฉินอีโบกมือไปมา แล้วพูดว่า ภรรยากับลูกสำคัญ แต่เรื่องนี้ก็สำคัญเหมือนกัน ดังนั้นเรารีบสู้รีบจบ อย่าคุยไร้สาระอีก
ช่วงค่ำ มืดลงอย่างรวดเร็ว
ท่านหกและคนอื่น ไม่รู้จักเฉินอี และยิ่งไม่รู้เป้าหมายของพวกเฉินอี
ตอนนี้เฉินอี มังกรเก้านั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นร้านอาหารขึ้นชื่อในตลาดมืด และเป็นร้านอาหารเพียงแห่งเดียว
ดูเรียบง่ายและสไตล์โบราณมาก
ถึงเฉินอีเป็นเจ้านายที่จู้จี้ขี้บ่น แต่ตอนนี้ก็พยักหน้าอย่างพอใจ
ร้านอาหารแห่งนี้ เหนือความคาดหมายของเขา
และเหล้าพวกนี้ เหนือความคาดหมายของเฉินอี
ไม่ใช่เพราะอร่อย ตรงกันข้ามมันกลับดื่มลงไปได้ยาก เฉินอีจึงอดแขวะออกมาไม่ได้
รสชาติของเหล้านี้ ทำให้เขาอยากอ้วกจริงๆ
อีแร้งก็อยู่ข้างๆ เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามอะไร เพราะอำนาจของมังกรเก้า กดดันเขามาก ราวกับว่าถ้าขยับเพียงเล็กน้อย อาจถึงตายได้
ส่วนเฉินอียังดีหน่อย เหมือนคนไม่มีกำลังต่อสู้ จนทำให้อีแร้งอดเพ้อฝันไม่ได้ ถ้าไม่มีมังกรเก้าอยู่ เฉินอีที่อ่อนปวกเปียกเช่นนี้ คงโดนเขาบีบได้ตามใจชอบ
แต่น่าเสียดาย ความฝันช่างงดงาม แต่จะทำให้เป็นจริง เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
จากนั้นเขาพอสังเกตเฉินอีได้ อยากรู้ว่าลูกที่ถูกตระกูลเฉินทอดทิ้ง จะมีความสามารถอะไร ถึงสามารถเอายอดฝีมืออย่างมังกรเก้า มาเป็นพวกได้ มองเห็นเฉินอีดื่มเหล้าดี ที่ตัวเองเก็บไว้นานหลายปีพอดี จากนั้นจึงพ่นออกมา
สภาพเหมือนดื่มสิ่งปฏิกูลอะไรเข้าไป ทำให้อีแร้งไม่สามารถลืมได้ทั้งชีวิต
หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง มังกรเก้ารีบเดินเข้ามา กระซิบข้างหูเฉินอีเบาๆ พวกเขามาแล้ว
อืม
เฉินอีพยักหน้าเบาๆ
เขารออยู่นาน เรียกได้ว่ารอคนพวกนี้มา เขาลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก จากนั้นจึงเห็นเงาอันแสนคุ้นเคยของใครบางคน
หึหึ ดูเหมือนว่าเป็นลุงจง หรือบางทีผู้หญิงคนนั้นอาจให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริง ถึงส่งองครักษ์คนสนิท ที่ชุบเลี้ยงมาอย่างยากลำบาก มาถึงที่นี่
องครักษ์ของตระกูลเฉินแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกคือองครักษ์ทั่วไป รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของอุตสาหกรรมต่างๆ ประเภทเดียวกับบอดี้การ์ดอะไรทำนองนั้น
ประเภทที่สองคือองครักษ์เชื้อสาย
มีเพียงลูกหลานสายตรงของตระกูลเฉินเท่านั้น ที่จะสามารถเป็นองครักษ์เชื้อสายได้ แน่นอนว่าพละกำลังของแต่ละคนไม่ธรรมดา
ถึงพูดว่าผู้หญิงคนนั้นเพิ่งแต่งเข้าตระกูลเฉินภายหลัง แต่ใช้วิธีต่างๆ นานา จนสร้างอำนาจที่ไม่ธรรมดา
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่ภาพตรงหน้า ก็ทำให้คนนับไม่ถ้วนรู้สึกช็อกแล้ว
องครักษ์คนสนิทสิบคนเต็มๆ เรื่องพละกำลัง ไม่ด้อยไปกว่าองครักษ์เชื้อสายของตระกูลเฉิน
ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้น ต้องมีอำนาจทางธุรกิจในตลาดมืดแน่นอน ก็ใช่ ในปีนั้นเพราะเรื่องของฉัน ทำให้ภายในตระกูลเฉิน มีคนไม่พอใจเธอมาก ถึงกับต้องถอนตัวออกจากตระกูลเฉิน ทำให้ตระกูลเฉิน ตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองอสูรเมื่อก่อน ใกล้จะดับสูญ
ถ้าผู้หญิงคนนั้นอยากให้ตำแหน่งตัวเองมั่นคง จำเป็นต้องบุกเบิกอาณาเขต ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมภายนอก ที่เป็นของตัวเอง เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ
เฉินอีคิดถึงตรงนี้ แววตาเย็นชายิ่งขึ้น
ตระกูลเฉินในปีนั้นรุ่งเรืองถึงขั้นไหน ตระกูลเดียวสามารถกดขี่ได้เป็นร้อย
แต่ตอนนี้กลับต้องพึ่งพาธุรกิจไม่เข้าท่าประเภทนี้ เพื่อรักษาตัวเองเอาไว้ ถึงเขาไม่ได้รู้สึกดีกับตระกูลเฉิน แต่ก็คิดว่าน่าเสียดายเกินไป
เหมือนแผนการของฉันต้องรีบดำเนินการ ไม่งั้นจะเอาทรัพย์สมบัติของตระกูลเฉินมาได้เมื่อไร
ถึงฉันไม่แคร์ แต่จะไม่ยอมให้ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเฉิน อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่บรรพบุรุษของตระกูลเฉิน ร่วมสร้างกันมาหลายรุ่น ต้องย่อยยับคามือผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด
เขาอดเคาะนิ้วลงบนที่พักแขนเก้าอี้ไม่ได้ หลังจากนั้นจึงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากเมืองฉือเป็นเมืองเอก
และหลังจากเมืองเอก ก็เป็นเมืองอสูร
ถึงไม่สนใจแค่ไหน แต่มีบางอย่างที่เฉินอีไม่ยอมปล่อยไป
นั่นก็คือความสัมพันธ์ทางสายเลือด!
ในร้านค้าหู่ซื่อกรุ๊ป ลุงจงกับเฉินฝูนั่งอย่างเงียบๆ
เฉินฝูเอาแต่มองกล่องเหล็กข้างหน้า ราวกับว่าอยากเห็นอะไร แต่กลับไม่เห็นอะไรสักอย่าง
คุณชายเฉินฝู ไม่ต้องมองไปมองมาหรอก มีบางอย่างที่นายไม่ควรรู้ ก็อย่าไปอยากรู้เลย
เหมือนลุงจงจะเตือนอย่างหวังดีเล็กน้อย
แน่นอนว่าการดูหมิ่นนั้นออกมาจากข้างในจิตใจ
ถึงเรียกเฉินฝูว่าคุณชาย แต่ในสายตาลุงจง คุณชายเฉินฝูคนนี้ แท้จริงแล้ว เทียบไม่ได้กับลูกที่ถูกทอดทิ้งอย่างเฉินอี
คนหนึ่งถึงจะได้ดิบได้ดีไปตามเหตุการณ์ แต่ยังไงก็เกิดมาจากคนใช้
ส่วนอีกคนถึงจะตกระกำลำบากสักแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นลูกชายคนแรกของเมียหลวงตระกูลเฉิน เป็นสายเลือดโดยตรง
ไม่เพียงแค่ลุงจง ขนาดนายหญิงที่ดึงเฉินฝูให้มาเป็นคุณชายร่วมสายเลือดตระกูลเฉิน ยังมีความคิดเช่นนี้
แต่เห็นได้ชัดว่าเฉินฝูยังไม่เข้าใจ ว่าตัวเองอยู่ในระดับไหน