ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 106 ผมไม่ได้เกรงใจคุณ
เมื่อเห็นว่ามู่หรงหมิงมีท่าทีให้ความร่วมมือมาก พวกตระกูลมังกรจึงพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นจึงมองหน้ากับผู้ดูแลจงของตระกูลเฉิน
อธิบดีมู่หรง คำขอของเราง่ายดายมาก ช่วงนี้เรื่องเกี่ยวกับแถบหมู่บ้านในเมือง เราอยากเข้าไป คุณลองดูว่าให้เอกสารทางราชการได้ไหม
ประโยคนี้ ทำให้อธิบดีมู่หรงขมวดคิ้ว
เขาคิดไม่ถึงว่าคนตระกูลมังกรสองท่านนี้ จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
เอ่อ คุณมังกร คุณอาจจะไม่รู้
หมู่หรงหมิงอยากอธิบาย โครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมือง ไม่ได้อยู่ในความดูแลของผม ถ้าคุณอยากได้เอกสารพิจารณา ต้องได้รับการอนุมัติจากวังซื่อกรุ๊ปและกรมการก่อสร้าง ไม่งั้นฝั่งผมก็ทำงานยากครับ
แน่นอนว่าเขามีวิธีอื่น ที่จะทำให้คนของตระกูลมังกรเข้าไป แต่ปฏิเสธก่อนดีกว่า
แต่เหมือนคนของตระกูลมังกร เตรียมการมาแล้ว รีบหันไปมองผู้ดูแลจงของตระกูลเฉิน
ผู้ดูแลจงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดว่า สำหรับเรื่องนี้ ผมว่าเรายังมีเวลาทำความเข้าใจกัน คุณไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมกับเรา
แค่คุณเอาเอกสารพิจารณามาได้ เช่นอนุญาตเป็นการพิเศษ ให้พวกเราตรวจสอบไซต์งานหมู่บ้านในเมือง ภายใต้การนำของเจ้าหน้าที่สาขาสำนักงานของคุณ แค่นี้ก็พอแล้ว
มู่หรงหมิงยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น
เขาคิดไม่ออกกับคนพวกนี้จริงๆ ทำไมถึงเอาแต่จ้องโครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมือง
ถึงบอกว่าโครงการนี้ไม่เลว แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องพาตระกูลใหญ่แห่งเมืองชิงชวน กับตระกูลสูงส่งแห่งเมืองอสูร มาพร้อมกันแบบนี้
ทั้งสี่ท่านครับ ช่วยอธิบายเหตุผลให้ชัดเจนหน่อยได้ไหมครับ
คุณแค่ทำตามที่เราพูดอย่างว่าง่ายก็พอแล้ว จะพูดไร้สาระเยอะแยะไปทำไม!
ครั้งนี้เป็นเฉินฝู เขาโดนเล่นงานจนทนไม่ไหวแล้ว
เรื่องแบบนี้ทำได้ง่ายดายมากในเมืองอสูร ทำไมพอมาอยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างเมืองฉือ กลับมีเรื่องอะไรวุ่นวายเยอะแยะไปหมด
มู่หรงหมิงโดนตำหนิใส่จนไม่กล้าพูดอะไร สีหน้าของเขาแดงเถือก
แต่ก็จนปัญญา ถึงขนาดต้องห้ามความคิดที่จะด่าคนของมู่หรงหลันหลัน
ระวังคำพูด
เขาส่ายหน้าให้อีกฝ่ายเบาๆ มู่หรงหลันหลันเห็นดังนั้น ทำได้เพียงแค้นจนกัดฟันกรอด แต่เธอก็วางมือลง ภาพนี้ทำให้เฉินฝูสะใจมาก
นี่คือท่าทีที่คนพวกนี้ควรจะมีอยู่แล้ว เหอะๆ
มู่หรงหมิงรู้ความสามารถของคนพวกนี้ดี แต่ละการกระทำล้วนส่งผลกระทบในทุกด้าน
โดยเฉพาะตระกูลมังกร ตระกูลใหญ่แห่งเมืองชิงชวน ถ้าใช้เส้นสายของคนพวกนี้ หัวหน้าสาขาสำนักงานธรรมดาๆ อย่างเขา คงล้มลงทันที
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มู่หรงหมิงสูดหายใจลึก และพูดอย่างจนปัญญา เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมจะเซ็นข้อตกลงให้ฉบับหนึ่ง แต่ถ้าเกิดว่าหน่วยงานดูแลการตลาด ตรวจสอบขึ้นมา……
วางใจเถอะ พวกเขาต้องยินยอมแน่นอน
เฉินฝูพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ผู้ดูแลจงกับคนของตระกูลมังกรทั้งสองคน ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ขณะนั้น!
เหอะๆ ใครบอกว่าฉันจะยินยอม!
เฉินฝูแห่งตระกูลเฉิน ดูเหมือนว่าครั้งก่อน ขังนายไว้ไม่กี่วัน คงยังไม่หลาบจำสินะ ยังคิดว่าตัวเองถูกต้องอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ทุกคนที่นี่ ถึงกับใจสั่นทันที
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ทำไมถึงมีคนโผล่มาอีก!
จู่ๆ มู่หรงหมิงกับมู่หรงหลันหลันมองไปด้านนอก
คนของตระกูลมังกร ผู้ดูแลจง ที่ขัดแย้งกับพวกเขาสองพ่อลูก โดยเฉพาะเฉินฝู เขามองไปข้างนอกอย่างไม่พอใจ
แต่ไม่นาน เขาถึงกับชะงักอยู่ที่เดิม
เฉิน เฉินอี!
เฉินฝูตะโกนออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอเฉินอีที่นี่
ถึงเขาไม่สนใจอีกฝ่าย แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอในช่วงเวลาแบบนี้!
สิ่งสำคัญที่สุด ข้างๆ ไอ้หมอนี่ ยังมีคนที่ทำให้เฉินฝูโกรธจนกัดฟันกรอด
หยางเหลียนหลง
ผู้มีความสามารถอันดับหนึ่งของกรมอนามัยและความปลอดภัยในเมืองฉือ อธิบดีหยาง
อธิบดีตัวเล็กๆ อย่างมู่หรงหมิง ไม่สามารถเทียบได้
ก่อนหน้านี้เฉินฝูโดนไอ้หมอนี่จับ แถมยังคิดว่าจะไปหาเรื่องอีกฝ่ายตอนไหนดี แต่ผู้ดูแลจง เตือนเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าอย่าไปล่วงเกินหยางเหลียนหลง เขาจึงฝืนใจปล่อยอีกฝ่ายไป
แต่นี่ไม่ได้บ่งบอกว่า เฉินฝูจะกลัวหยางเหลียนหลงจริงๆ ไม่เห็นเหรอว่าตอนนี้เฉินฝู เกลียดจนแทบอยากสับหยางเหลียนหลงให้เป็นชิ้นอยู่แล้ว
แต่อุปสรรคคือลุงจงของตระกูลตัวเอง เฉินฟูจึงทำได้เพียงกัดฟันจ้องอีกฝ่าย แต่กลับไม่กล้าบุ่มบ่ามทำเรื่องที่ผิดกฎ
แต่ว่า!
เฉินฝูนะเฉินฝู นายนี่ไม่หลาบไม่จำจริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันเตือนนายแล้ว ให้ไสหัวกลับไปเมืองอสูรของนายอย่างว่าง่าย แต่นายดันแต่จะหาเรื่อง ดูสิว่าตอนนี้เรื่องวุ่นวายมาแล้ว
หยางเหลียนหลงยักไหล่ ทำท่าเหมือนไม่ได้ดั่งใจ
จู่ๆ เฉินฝูรู้สึกว่าเรื่องนี้ใหญ่เกินไปแล้ว
นี่มันสถานการณ์อะไรกันแน่ ทำไมหยางเหลียนหลงพูดเหมือนสั่งสอนตัวเอง
เขาเล่นตลกอะไร!
แต่เฉินฝูก็ยังไม่กล้าพูดอะไร ทำได้เพียงมองผู้ดูแลจง ที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างเงียบๆ ผู้ดูแลจงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดูออกว่าไม่พอใจกับปฏิกิริยาของหยางเหลียนหลง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
อธิบดีหยางใช่ไหม
ผู้ดูแลจงมีความองอาจ แสดงถึงบุคลิกที่เกิดในตระกูลใหญ่ อย่างเห็นได้ชัด กริยาท่าทางดูสูงสง่าอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนคนของตระกูลมังกรทั้งสองคน ก็มีสีหน้าเคารพและหวาดกลัว
เพราะถึงพวกเขาเป็นคนของตระกูลมังกร แต่ยังไงก็ไม่สำคัญ
ผู้ดูแลจงเป็นแค่ผู้ดูแลตระกูลเฉิน เป็นคนแซ่อื่น แต่ไม่ว่ายังไงก็เป็นหนึ่งในคนสนิทที่สุด ของนายหญิงตระกูลเฉิน ระหว่างทั้งคู่มีต่ำมีสูง เรียกได้ว่าตัดสินได้อย่างเฉียบขาด
อืม
หยางเหลียนหลงเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มองเฉินอี จีงรีบเหลือบมองเฉินอี แต่กลับเห็นว่านายท่านคนนี้ ไม่สนใจปฏิกิริยาของพวกเขาสักนิด จึงดึงดันตอบไปว่า ใช่ ฉันคือหยางเหลียนหลง
ฮ่าๆ งั้นคงไม่ผิดสินะ ก่อนออกมาครั้งนี้ นายหญิงของเรายังให้ผมมาคุยกับคุณ ตอนนั้นคุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเธอ การที่มีคุณคอยช่วยเหลือ ทำให้การลงทุน การพัฒนาเศรษฐกิจของตระกูลเฉินในเมืองฉือ ราบรื่นขึ้นมาก
ผู้ดูแลจงยิ้มบางๆ อีกครั้ง
หยางเหลียนหลงตกใจจนสะดุ้งโหยง
เพื่อนร่วมชั้นของเขางั้นเหรอ
นี่มันอะไรยังไงกันแน่!
ยังดีที่เขาก็เป็นเฒ่าเจ้าเล่ห์ หลังผ่านการลองเชิงซักถามมา ก็ถึงกับโล่งอก
ที่แท้ก็คือความสัมพันธ์แบบเพื่อนสมัยอนุบาลอะไรทำนองนั้น
แล้วเกี่ยวอะไรกับหยางเหลียนหลง
เหอะๆ ผู้ดูแลจงพูดตลกแล้ว ผมก็แค่อธิบดีหน่วยงานดูแลการตลาดธรรมดาๆ จะมีสิทธิ์อะไรไปให้ความสะดวกกับตระกูลเฉินล่ะครับ
อธิบดีหยางเกรงใจกันเกินไปแล้ว คุณเป็นผู้มีฝีมือในหน่วยงานดูแลการตลาด เป็นเจ้าพ่อทั้งเมืองชิงชวน มีคำพูดของคุณ ก็ทำให้ตระกูลเฉินทำอะไรสะดวกขึ้นเยอะ ฮ่าๆๆๆ!
เห็นได้ชัดว่าผู้ดูแลจงไม่เข้าใจความหมาย ที่แฝงอยู่ในคำพูดของหยางเหลียนหลง ยังคงยิ้มร่า แต่หยางเหลียนหลงกลับส่ายหน้าจริงจัง แล้วพูดว่า ผมไม่ได้เกรงใจ อย่าว่าทั้งเมืองฉือเลย แค่ห้องทำงานเล็กๆ นี้ คำพูดของผมก็ไม่สามารถตัดสินอะไรได้
หา?
ผู้ดูแลจงอดตะลึงไม่ได้
จู่ๆ เขารู้สึกถึงอะไรที่ไม่ดี