ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 16 จุดจบของตระกูลหลิน
อืม?
หลินเจิ้นหลงตะลึงงัน
ตู๊ดดดดด!
บรรยากาศที่เงียบสงบ ถูกทำลายด้วยเสียงโทรศัพท์
ที่โทรเข้ามานั้นเป็นลูกน้องที่เขาส่งไปจับตัวฉินปิงหลันสามแม่ลูก
วินาทีนี้ภายในใจของเขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนักขึ้นมา แต่เขาก็ยังคงไม่เชื่อในลางสังหรณ์
ไอ้หนุ่ม ลูกน้องของฉันได้โทรเขามาแล้ว ฉันให้เวลาแกสิบวินาที คุกเข่าขอโทษ ฉันจะปล่อยลูกเมียของแกไป ไม่อย่างนั้นละก็แกจะเป็นคนที่ทำให้เมียและลูกของแกตาย!
แทงใจทุกคำพูด
ทันทีทันใดนั้น ทุกคนต่างมองเฉินอีด้วยแววตาเย็นชา พวกเขาเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าหมอนี่จะทำอย่างไรกันแน่
วังจ่างหลินเองก็เช่นกัน
แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะว่าสีหน้าของเฉินอีไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด แต่กลับยิ้มออกมาด้วยความเย้ยหยัน
แกรับโทรศัพท์ก่อนเถอะ
ท่าทางรู้สึกเบื่อหน่ายของเขามองจนพวกหลินเจิ้นหลงโมโหมากยิ่งขึ้น หลินเจิ้นหลงกดเปิดลำโพงทันที และกล่าวอย่างโอหัง: เรื่องจัดการถึงไหนแล้ว? สามแม่ลูกนั่นถูกระยำเละแล้วใช่ไหม?
เหยียดหยาม
เหยียดหยามอย่างโจ่งแจ้ง!
วินาทีนี้เอง สีหน้าของเฉินอีก็เย็นยะเยือกขึ้นมา ความอาฆาตแค้นพุ่งกระฉูด
แต่เขาก็อดทนเอาไว้ได้
เหยื่อ จะต้องทุกข์ทรมานให้เต็มที่ถึงจะสนุก
หลินเจิ้นหลงรับโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้ม เสียงที่ทำให้หลินเจิ้นหลงรู้สึกไม่คุ้นเคยได้ดังลอยออกมาจากอีกฝั่ง!
หลินเจิ้นหลงใช่ไหม?
ลูกน้องของแกถูกจัดการและลากออกไปเป็นอาหารหมาแล้ว
อีกอย่าง แกกล้าเหยียดหยามนายหญิงและนายน้อยทั้งสองของพวกเรา แกไม่ต้องการลิ้นของแกแล้วใช่ไหม?
น้ำเสียงของมังกรหนึ่งนั้นเย็นชามาก
ต่อให้เป็นหลินเจิ้นหลงที่อยู่อีกด้านของสายร่างกายก็ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
คนที่เขาส่งไปล้วนฝีมือดีทั้งนั้น คนหนึ่งสู้กับคนสองสามคนไม่มีปัญหาแน่นอน นอกจากนี้ยังไปด้วยกันสิบกว่าคน!
แต่ตอนนี้ กลับถูกจับตัวไว้จนหมด มันทำให้หลินเจิ้นหลงยากจะรับได้ยิ่งนัก
แกเป็นใคร?
เขาเอ่ยถามด้วยความโกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่ได้
มังกรหนึ่งหัวเราะเบา ๆ กล่าว: ฉันเป็นใคร? ฉันเป็นลูกน้องที่อยู่ตรงหน้าของแกท่านนั้น
อ้อ ใช่แล้ว ตระกูลหลินของแกเหมือนจะถูกตรวจสอบนะ เป็นกรมอนามัยและความปลอดภัยและหน่วยการคลัง
หลังจากที่พูดจบ โทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไปทันที
หลินเจิ้นหลงใบหน้าซีดเซียว
คำพูดก่อนหน้านั้นถึงแม้จะทำให้เขาโมโห แต่ประโยคสุดท้ายกลับทิ่มแทงลงไปตรงกลางใจของเขาเต็ม ๆ
ตระกูลหลินของพวกเขา ถูกตรวจสอบงั้นหรือ?
ไม่ เป็นไปไม่ได้!
ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลหลินเองก็อยู่ไม่ไกล เป็นธรรมดาที่จะได้ยินคำพูดของมังกรหนึ่ง เขาไม่เชื่อในทันที
เจ้าสำนัก เรื่องนี้เราสามารถเช็กดูได้ แค่โทรไปที่กรมการคลังของเมืองเอกก็ได้แล้ว!
ใช่ ๆ ๆ พวกเรามีเครือข่ายที่กรมการคลังของเมืองเอกอยู่ไม่น้อย ถ้าหากถูกตรวจสอบจริง ๆ คนพวกนั้นจะต้องโทรแจ้งพวกเราก่อนเป็นอันดับแรกแน่
ผู้อาวุโสใหญ่เองก็พูดแบบนั้น
หลินเจิ้นหลงถึงได้สติกลับคืนมา และรีบกดโทรศัพท์โทรออกไป เป็นเบอร์ของคนที่เป็นเครือข่ายของพวกเขาในเมืองเอกนั่นเอง
แต่ทว่าถ้าไม่ใช่ไม่รับสาย ก็ตัดสายไปตรง ๆ
มีเพียงไม่กี่สายที่โทรติด ถ้าไม่ใช่บอกให้เขารีบหนีไปต่างประเทศ ก็ด่าเขา
โดยเฉพาะท่านสุดท้ายนั้นยิ่งสุดยอดไปเลย
หลินเจิ้นหลง ไอ้เชี่ยเอ๊ย แกไปล่วงเกินบุคคลใหญ่โตขนาดไหนแกรู้เหรอ?
ภายใน กรมการคลัง รวมถึงฉันด้วย เพียงแค่มีความสัมพันธ์กับแก ต่างถูกสั่งพักงานและตรวจสอบกันทั้งนั้น!
คำพูดของคนสุดท้าย ทำให้หลินเจิ้นหลงตกใจจนโทรศัพท์หล่นลงไปบนพื้น
เขาดูเหมือนได้แก่ลงหลายสิบปี และโซซัดโซเซถอยหลังต่อ ๆ กัน
ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรองเองก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
เป็นไปได้ยังไง? ตระกูลหลินของพวกเราถูกตรวจสอบ เครือข่ายที่มีอยู่ในเมืองเอกต่างก็หมดอิทธิฤทธิ์ เรื่องเหล่านี้ทำไมถึงได้เกิดขึ้นพร้อมกันในวันนี้ทั้งหมด!
พวกเขาไม่อาจเชื่อความเป็นจริงนี้ได้จริง ๆ
เพราะตระกูลหลินคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ในเมืองฉือ ในเมืองเอกเองก็มีเครือข่ายมากเพียงพอ ใครกล้าฟันดาบใส่ตระกูลหลิน
แต่ทว่ากลับมีคนที่กล้าทำแบบนี้
หลินเจิ้นหลงแววตาเศร้าหมอง แต่ไม่นานก็คิดอะไรขึ้นมาได้ และรีบเบนสายตาไปที่เฉินอีทันที
เป็นฝีมือของพวกแก?
ตอนนี้เขาคิดออกแค่ความเป็นไปได้นี้เท่านั้น
นอกจากพวกเฉินอี ยังมีใครที่มีความสามารถนี้อีกล่ะ?
วังจ่างหลิน?
ไม่ใช่ว่าหลินเจิ้นหลงจะดูถูกเขา แต่ถ้าพูดถึงเครือข่ายในเมืองเอก และความสามารถ วังจ่างหลินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาจริง ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะสามารถทำเรื่องที่โหดร้ายแบบนี้ได้เลย
เฉินอีมองดูเขา และยิ้มอย่างเย็นชา
ทันทีทันใดก็ได้ทำให้หลินเจิ้นหลงบ้าระห่ำขึ้นมา
เขาแทบอยากจะฉีกเฉินอีออกเป็นชิ้น ๆ ในตอนนี้เลย
แต่ในตอนนี้ เขาไม่มีเวลานั้น จะต้องรีบกลับตระกูลหลินไปจัดการเรื่องนี้ทันที จะปล่อยให้ตระกูลหลินล่มสลายไปแบบนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่าพวกเขายังไม่ทันได้มีการเคลื่อนไหว วินาทีต่อมา ก็ได้มีเสียงลมพัดใบไม้ร่วงหล่นดังลอยมาจากด้านนอกตำหนักมังกรหยก ปะปนกับเสียงฝีเท้าทำให้ทุกคนต่างตะลึงงัน
วินาทีต่อมา หน่วยทหารองครักษ์กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าก็ได้เข้ามาในตำหนักมังกรหยก ปิดล้อมคนตระกูลหลิน และผู้ติดตามตระกูลหลินพวกนั้นเอาไว้ทันที
วังจ่างหลินปากอ้าตาค้าง
ก่อนอื่นเป็นตระกูลหลินถูกตรวจสอบ
ตอนนี้ก็มีคนของหน่วยองครักษ์โผล่ออกมา นี่เป็นกองกำลังติดอาวุธที่สังกัดเฉพาะจวนผู้ว่าการ เชียวนะ แข็งแกร่งกว่ากรมอนามัยและความปลอดภัยธรรมดามากมายทีเดียว ต่อให้เป็นพวกทหารเสือนับร้อยของตระกูลหลิน เมื่อได้เห็นทหารองครักษ์ที่ผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างโชกโชนนับร้อยนายเหล่านี้ ก็ต้องตกใจจนวางปืนลง ไม่กล้าอวดดีเลยแม้แต่น้อย
แต่หลังจากนั้นวังจ่างหลินก็ได้มองเห็นคนคนหนึ่ง ยิ่งทำให้เขาบ้าคลั่งไปกว่าเดิม
เฉ่าเฉียง!
ผู้ชายคนนี้ เป็นมือหนึ่งของทั่วทั้งเมืองชิงชวน นับเป็นการดำรงอยู่ราวกับผู้ตรวจการเอกอัครราชทูตเลยก็ว่าได้!
ตามหลักแล้ว บุคคลระดับสูงท่านนี้ ควรที่จะนั่งประจำการอยู่ที่จวนผู้ว่าการ ว่าราชการการทหารและการเมืองของทั่วทั้งเมือง
แต่ทำไมถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?!
หลินเจิ้นหลง คนตระกูลหลิน รวมทั้งพวกคนที่ติดตามตระกูลหลินพวกนั้นต่างก็ปากอ้าตาค้างอย่างตกตะลึง
ผู้ ผู้ว่าการเฉ่า ทาน ท่านมาได้ยังไงครับ?
หลินเจิ้นหลงไม่กล้าชักช้า รับที่จะไปข้างหน้าเพื่อทักทาย แต่วินาทีต่อมาก็ถูกองครักษ์สองนายใช้ปืนต้อนไล่กลับมา
ปลายกนะบอกปืนที่ดำสนิทนั่น ทำให้หลินเจิ้นหลงเหงื่อแตกพลั่ก
เฉ่าเฉียงมองเขาด้วยความเหยียดหยาม จากนั้นก็มาที่ตรงด้านหน้าของเฉินอี แล้วโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง
คุณเฉินครับ ตามคำสั่งของท่าน ทั่วทั้งเขาติ้งจุนได้ถูกปิดเรียบร้อย ตอนนี้ไม่มีใครสามารถออกไปได้
รวมทั้ง ไอ้สารเลวพวกนี้ด้วย!
สายตาของเฉ่าเฉียงราวกับกระบี่แหลมคม ถ้าหากเป็นคมกระบี่จริง ๆ ละก็ ราวกับจะสามารถแทงพวกหลินเจิ้นหลงให้ทะลุจนตายได้เลยทีเดียว
ทุกคนต่างเป็นบุคคลมีหน้ามีตาในเมืองฉือ พอดีเลย ผมเองก็ไม่จำเป็นต้องไปแจ้งทีละคนอีกแล้ว
พูดถึงตรงนี้ เสียงของเขาก็ได้สูงขึ้นมาอีกเท่าตัว
ผมเฉ่าเฉียงขอประกาศว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป เมืองฉือ ไม่มีตระกูลหลินอีกต่อไป!