ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 28 เขาคือราชาเทพทหาร
ฉินปิงหลันจากไปแล้ว
เธอยังคงจากไป และไม่คิดจะอยู่ร่วมกับเฉินอี
ยังนับว่าโชคดีที่นายหญิงพูดว่าจะให้โอกาสเจ้ามังกรอีกครั้ง ขอแค่รักษาโอกาสครั้งนี้เอาไว้ให้ดี ทำให้นายหญิงยอมรับเจ้ามังกรให้ได้ ทุกอย่างจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน
ความจริงใจจะเยียวยาทุกอย่างได้ เต่าดำเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง
พวกของหงส์แดงทั้งสามเหลือบไปมอง เฉินอีเองก็เช่นกัน แต่เพียงไม่นานก็เบนสายตากลับ
มังกรหนึ่ง มังกรเก้า พวกนายรีบไปคุ้มกันปิงหลันแม่ลูก หากเกิดอะไรขึ้นฉันไม่ปล่อยพวกนายเอาไว้แน่ !
รับทราบครับเจ้ามังกร !
มังกรหนึ่งและมังกรเก้าเดินตามกันออกไป
เฉินอีเองก็สูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง
คืนนี้ช่างผ่านไปอย่างทุลักทุเลเสียจริง ๆ จนกระทั่งตอนนี้เขายังไม่อาจทำใจให้สงบได้
เต่าดำ นายว่าฉันจะเป็นพ่อและสามีที่ดีได้ไหม ?
เฉินอีถามออกมาอย่าจริงจัง
เขารู้สึกกังวลใจอย่างแท้จริง
ชายผู้ซึ่งเป็นเทพสังหารที่เคยผ่านสมรภูมิรบในต่างประเทศมามากมาย อีกทั้งยังถูกขนานนามว่าเป็นราชาเทพสังหาร บัดนี้เข้ากลับรู้สึกกระวนกระวายใจ
หลายปีก่อน เขาเพียงแค่ต้องการชดเชยความผิดให้กับฉินปิงหลันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้เขามีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกสองคน ทำให้ชายผู้แข็งแกร่งคนนี้ รู้สึกหนักใจขึ้นมาไม่น้อย
เต่าดำพูดออกมาอย่างแน่วแน่ว่า : หากเป็นคนอื่น ผมอาจยังไม่แน่ใจนัก แต่คุณคือเจ้ามังกร ตอนนั้นคุณทำผิดจริง แต่หากจะพูดกันตามตรงก็ถือเป็นเรื่องที่อภัยให้ได้ อีกทั้งคุณเองก็ยอมออกนอกประเทศเพื่อปกป้องนายหญิง ไม่ให้ถูกบีบบังคับจากตระกูลเฉิน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีเหตุมีผล
จริงอยู่ว่าคุณมีความผิด แต่ผู้ที่มีความผิดที่แท้จริงก็คือตระกูลเฉิน หากไม่ใช่เพราะพวกเขา คุณก็คงจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับนายหญิงและนายน้อยทั้งสองอย่างมีความสุขไปนานแล้ว
ตระกูลเฉิน !
เฉินอีกำหมัดแน่น
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดอะไร แต่ตอนนี้เมื่อนึกย้อนกลับไป เขาจะต้องกลับไปที่ตระกูลเฉินให้ได้สักครั้ง ถึงเวลานั้นเขาจะทำให้คนบางคนได้รู้ว่า เด็กหนุ่มที่หลบหนีไปด้วยความสิ้นหวังในตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่ และตอนนี้ก็มีอำนาจยิ่งใหญ่ เป็นหนึ่งในใต้หล้า !
ถึงตอนนั้น เมื่อมีความแค้นเรื่องใดก็จะต้องสะสาง เขาจะต้องทวงคืนความยุติธรรมกลับมาให้ได้
ส่วนตอนนี้ เขาจะต้องคว้าหัวใจของฉินปิงหลันกลับมาให้ได้เสียก่อน จากนั้นค่อยกลับมาอยู่รวมกันเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์อีกครั้ง
เจ้ามังกร ผู้ว่าการเฉ่าแห่งเมืองชิงชวน และโฮ่ต้าวฝู่แห่งหน่วยทหารภาคตะวันออกเฉียงใต้ขอเข้าพบค่ะ
หงส์แดงเดินเข้ามา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เฉินอีพยักหน้าเล็กน้อย เพื่อส่งสัญญาณว่าอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามา
ตอนนี้เฉ่าเฉียงยังรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดสองวันมานี้ ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย แม้กระทั่งคนอย่างโฮ่ต้าวฝู่ยังต้องมาปรากฏตัว นี่แสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่โตเกินจะอธิบายได้
หากตัวตนที่แท้จริงของเฉินอีอยู่ห่างไกลจากเขามากเกินไปล่ะ จนถึงขั้นที่เขาคงไม่อาจสังเกตเห็นอะไรได้ล่ะ
แล้วบุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างโฮ่ต้าวฝูล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์กับตระกูลโฮ่ เพียงแค่ตำแหน่งผู้พันหน่วยทหารภาคตะวันออกเฉียงใต้เพียงอย่างเดียว เขาก็ไม่อาจเทียบได้ติดแล้ว
มีทหารอยู่ในมือมากมาย เป็นผู้ทรงอำนาจอย่างแท้จริง !
ผู้ ผู้พันโฮ่
เฉ่าเฉียงข่มความสงสัยเอาไว้เป็นเวลานาน จนในที่สุดก็เอ่ยถามออกมา ขอถามอะไรหน่อยสิครับ สำนักมังกรลับนี้มีความสำคัญแค่ไหนในต่างประเทศกันแน่ ? ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ?
เขาเองก็รู้ดีว่ามีลูกหลานชาวจีนมากมายที่ออกไปตั้งรกรากและสร้างฐานอำนาจอยู่ในต่างประเทศ แต่สำนักมังกรลับนี้ เขาเพิ่งเคยได้ยินชื่อเป็นครั้งแรก
โฮ่ต้าวฝู่หันมองเฉ่าเฉียง แล้วพูดว่า : ดูเหมือนว่าผู้ว่าการเฉ่าจะเติบโตมาในดินแดนภาคตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากได้รับตำแหน่งก็มีบทบาทหน้าที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ จึงไม่ค่อยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในต่างประเทศมากนัก
อันที่จริงแล้วสำนักมังกรลับมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน แต่ดำเนินกิจการต่าง ๆ อยู่ต่างประเทศมาโดยตลอด จนกระทั่งค่อย ๆ หายไปในช่วงหลายปีมานี้
อะไรนะ ? เพราะอะไรหรือครับ ?
ปฏิกิริยาแรกของเฉ่าเฉียงก็คือ กำลังคิดว่าสำนักมังกรลับคงจะเสื่อมโทรมลงไปแล้ว
แต่ท่าทางของโฮ่ต้าวฝู่กลับดูเปลี่ยนไป เขากลับแสดงท่าทีตื่นเต้นอย่างมาก
เป็นเพราะเจ้ามังกรคนใหม่ของสำนักมังกรับขึ้นรับตำแหน่ง รวบรวมทหารนับหมื่นของสำนักมังกรลับ มุ่งหน้าออกไปกำจัดศัตรูที่อยู่ไกลออกไปนอกเขตแดน ถ้าหากศัตรูผู้แข็งแกร่งในต่างแดนเหล่านั้นได้ยินชื่อของสำนักมังกรลับและได้ยินชื่อของชายคนนั้น จะต้องรู้สึกตกใจจนขวัญหนีดีฝ่ออย่างแน่นอน เพราะนั่นเขาคือเทพทหารที่แท้จริง ไม่สิ ต้องพูดว่าเป็นราชาเทพทหารถึงจะถูก เพราะไม่มีเทพทหารคนไหนที่จะเทียบชั้นกับเขาได้อีก
ความตื่นเต้นของโฮ่ต้าวฝู่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการเสแสร้ง
เฉ่าเฉียงมองดูด้วยความตะลึง
คุณเฉินผู้นั้นยอดเยี่ยมขนาดนี้เลยหรือ ?
เดิมทีเขาคิดเพียงว่าอีกฝ่ายอาจเป็นคนในระดับเดียวกันกับโฮ่ต้าวฝู่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม้แต่ผู้พันอย่างโฮ่ต้าวฝู่ ก็เป็นได้เพียงแค่ลูกไล่ของเขาเท่านั้น
และด้วยเหตุนี้ ยิ่งทำให้เฉ่าเฉียงรู้สึกสงสัยในตัวของคุณเฉินผู้ลึกลับคนนั้นมากขึ้น
ไม่รู้ว่าคุณเฉินเคยกระทำเรื่องกล้าหาญอะไรมาบ้าง แม้กระทั่งผู้พันโฮ่เองยังต้องยกย่องขนาดนี้
ในสายตาของเฉ่าเฉียง โฮ่ต้าวฝู่ถือเป็นนักสู้มือฉกาจ มิเช่นนั้นคงไม่ถูกยกย่องให้เป็นเทพทหารของตระกูลโฮ่ และเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยทหารภาคตะวันออกเฉียงใต้ และคนที่จะทำให้จระเข้ตัวใหญ่อย่างเขายอมสิโรราบได้ ดูเหมือนว่าคุณเฉินผู้นั้นคงจะต้องเคยทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่และน่าตกใจมาไม่น้อย
และมันก็เป็นเช่นนี้จริง ๆ
โฮ่ต้าวฝู่พูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาว่า : สองปีก่อนคุณเคยได้ยินเรื่องการประกาศสงครามห้าประเทศแถบชายแดนทางเหนือมาบ้างใช่ไหม
เคยได้ยินครับ แต่ดูเหมือนภายหลังเรื่องทุกอย่างก็สงบลง มีหลายคนคาดเดาว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายรู้สึกเกรงกลัวต้าถังของเรา
เฉ่าเฉียงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ที่นี่คือต้าถัง ประเทศอันยิ่งใหญ่ที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออก จะปล่อยให้กลุ่มคนเล็ก ๆ เข้ามารังแกได้อย่างไร
แต่โฮ่ต้าวฝู่กลับส่ายหน้า
เรื่องไม่ได้เป็นเช่นนี้ แต่เป็นเพราะคนคนหนึ่ง นั่นก็คือเจ้ามังกรแห่งสำนักมังกรลับ ซึ่งก็คือคนที่อยู่ด้านในนั่น
คนคนเดียวที่สามารถยืนหยัดและกุมชะตาของโลกนี้ไว้ได้ นั่นคือความสามารถที่แท้จริงของคุณเฉิน !
หลังจากนั้นเฉ่าเฉียงก็รู้สึกหูอื้อไป
เขารู้สึกตกตะลึงเพราะคำพูดประโยคนี้
คนคนเดียวแต่กลับสามารถทำให้ทั้งห้าประเทศหวาดกลัวได้ บีบบังคับให้กองกำลังผสมจากต่างประเทศไม่กล้าบุกรุกเข้ามา ความสามารถเช่นนั้นอยู่เหนือจินตนาการของคนทั่วไปจะคาดคิดได้
และด้วยเหตุนี้ เขาจึงเข้าใจคำพูดของโฮ่ต้าวฝู่ที่ว่า ไม่มีเทพทหารคนไหนเทียบได้
คำพูดที่ว่า ผู้ชายคนนั้นคือราชาเทพทหาร
เชิญทั้งสองท่านตามดิฉันเข้ามาค่ะ
การปรากฏตัวขึ้นของหงส์แดงทำให้เฉ่าเฉียงเรียกสติกลับคืนมาได้ แต่เขายังคงอยู่ในท่าทีประหม่า เมื่อมายืนอยู่ต่อหน้าเฉินอี ถึงแม้จะเหลือบมองเพียงแวบเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทรุดลงไปนั่งกับพื้นได้
ไม่ต้องมากพิธีขนาดนี้หรอก ลุกขึ้นเถอะ
เฉินอีไม่ใช่คนถือตัว
ส่วนท่าทางของเฉ่าเฉียง เขาก็พอจะเข้าใจได้
ผู้พันโฮ่ คุณนำเรื่องของผมออกไปคุยโวอีกแล้วสินะ
เฉินอีพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
โฮ้ต้าวฝู่ยิ้มเจื่อนแล้วพูดว่า : อำนาจของเจ้ามังกร ผม โฮ่ต้าวฝู่ ชาตินี้คงไม่มีวันลืม หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นคุณถูกใจเด็กหนุ่มจากตระกูลกวนคนนั้น เกรงว่าผมคงจะอยู่ในสำนักมังกรลับได้ และไม่ต้องมาคอยรับรู้ความชั่วร้ายของตระกูลหลิน
เมื่อพูดถึงตรงนี้ โฮ่ต้าวฝู่ก็กัดฟันกรอด
เขารู้สึกเบื่อหน่ายคนของตระกูลหลินจริง ๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะความใจกว้างของเฉินอี เขาคงฆ่าล้างคนในตระกูลหลินจนสิ้นซากไปนานแล้ว
เฉินอีซึ่งเข้าใจความคิดของเขาส่ายหัวออกมาเล็กน้อย แล้วพูดว่า : คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น อย่างไรเสียหลินเจิ้นเป้าก็ยังถือว่าเป็นคนที่ไม่เลวนัก ให้โอกาสเขาสักครั้ง ไม่แน่ว่าอนาคตของตระกูลหลินอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นก็เป็นได้
เจ้ามังกรช่างมีเมตตาจริง ๆ