ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 38 พวกเขาคือใบรับรองสมาชิกภาพ
นายก็คือฉินหวยจือแห่งตระกูลฉินที่คุณชายหลี่เจ๋อพูดถึงหรือ ?
ในร้านน้ำชาแห่งหนึ่งตรงข้ามตึกจิ่งช่าง ชายวัยกลางคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นกำลังเหลือบมองฉินหวยจือ
ฉินหวยจือรับพยักหน้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : ท่านตาว ขออภัยด้วยครับ เมื่อครู่ผมมีเรื่องบนถนนนิดหน่อยถึงได้มาช้า
หึ ถ่วงเวลาของฉันไม่เป็นไรหรอก แต่ถ่วงเวลาความสุขของคุณชายหลี่นี่สิ เหอะ ๆ
ท่านตาวหัวเราะเยาะออกมา
เหงื่อกาฬไหลอาบทั่วหน้าผากของฉินหวยจือ
ท่านตาวคนนี้ดูไม่ใช่คนคนดีอะไรนัก โดยปกติแล้วเขาไม่ชอบให้คนอื่นมาถึงทีหลังเขา แต่ครั้งนี้เป็นเพราะหลี่เต๋อ ทำให้ท่านตาวไม่ถือสาเขา
แต่ครั้งนี้จะต้องไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นอย่างแน่นอน ผู้ชายคนนี้เป็นหัวโจกย์ที่มีชื่อเสียงในสังคม เป็นรองก็เพียงแค่พวกของเซียวเทียนหู่ไม่กี่คนเท่านั้น ในมือของเขามีนักสู้เกือบหกสิบชีวิต ขอแค่เขาลงมือ เกรงว่าผู้ชายที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นคงจะต้องกลัวจนหัวหด
ในใจของฉินหวยจือแอบคิดเช่นนี้
ตอนนั้นท่านตาวเคยต่อสู้กับชายร่างใหญ่สามสี่คนด้วยมือเปล่าอย่างโดดเดี่ยวและดุดัน ลูกน้องในมือของเขาก็เหี้ยมโหดไม่น้อยเช่นกัน จึงไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถจัดการกับผู้ชายที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าของฉินปิงหลันคนนั้นได้
ท่านตาวไม่ได้สนใจคำเยินยอของเขา แต่กลับชี้ไปที่ตึกจิ่งช่างแล้วพูดว่า : แต่คนที่จะเข้าไปในตึกจิ่งช่างได้ แกแน่ใจหรือว่าอีกฝ่ายไม่มีหัวนอนปลายเท้าจริง ๆ ?
ไม่มี ไม่มีแน่นอนครับ
ฉินหวยจือรีบส่ายหัว
เดิมทีเขาก็มีความคิดว่า การที่ผู้ชายไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นสามารถเข้าไปพักอยู่ในตึกจิ่งช่างได้ คิดว่าคงมีความสามารถอยู่บ้าง เพราะคนที่อาศัยอยู่ในตึกแห่งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นระดับผู้บริหารของบริษัททั้งสิ้น
แต่ภายหลังเขาได้รับข้อมูลมาว่า ผู้ชายที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แล้วจะเป็นผู้บริหารของบริษัทได้อย่างไร น่าจะเป็นเพียงแค่ผู้ที่เช่าอาศัยอยู่ภายในเท่านั้น
เมื่อได้รับการยืนยันจากฉินหวยจือ ท่านตาวก็พยักหน้าแล้วโบกมือ
พวกเราเข้าไปข้างใน !
ถ้าหากมีใครเข้ามาขวาง ก็ให้ชูป้ายของคุณชายหลี่จ๋อ ฉันไม่เชื่อว่าจะมีคนตาบอดที่ไหนกล้ามาขวางทางของคุณชายหลี่เจ๋ออย่างแน่นอน !
ครับ !
ชายฉกรรจ์เกือบสี่สิบคนเดินตรงเข้าไปพร้อมกัน ครั้งนี้ท่านตาวไม่ได้เกณฑ์คนมาทั้งหมด เพราะคิดว่าคนจำนวนเกือบสี่สิบคนก็น่าจะเพียงพอกับการรับมือคนกลุ่มเล็ก ๆ ได้
แต่เขาไม่รู้เลยว่า มังกรเขียวซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน กำลังจับตามองอยู่
เจ้ามังกรครับ คนพวกนั้นมาแล้ว เป็นไปตามที่คุณคาดไว้ เป็นพวกนักเลงท้องถิ่นครับ
เขาหันไปพูดกับเฉินอี
อืม
เฉินอีไม่สนใจเลยสักนิด เขาเหลือบมองผู้ชายรูปร่างกำยำที่อยู่ห่างจากเขาไปทางด้านขวา แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม : หัวหน้าเซียว ดูเหมือนคุณจะไม่ค่อยมีอิทธิพลในเมืองฉือสักเท่าไหร่เลยนะ ผมบอกให้คุณปล่อยข่าวลือออกไปไม่ใช่หรือว่า หลังจากนี้หากมีนักเลงกลุ่มไหนกล้าก่อความวุ่นวาย จะมีจุดจบเช่นไร ไหนคุณลองบอกผมอีกครั้งซิ
ชายรูปร่างกำยำคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือหัวหน้าใหญ่ของเหล่านักเลงในเมืองฉือ พี่ใหญ่เซียวเทียนหู่แห่งกลุ่มเสือฟ้า มีสมญานามว่าเป็นเสือโคร่งตัวใหญ่ในเมืองฉือ แต่ตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินอี กลับเชื่อฟังราวกับสุนัขพันธุ์ปั๊ก
ตามกฎแล้ว ผู้ที่กระทำผิดเป็นครั้งแรกจะต้องถูกตัดแขนหรือขาหนึ่งข้าง แต่หากกระทำผิดซ้ำสองอีกจะต้องถูกขับไล่ออกจากเมืองฉือ และห้ามเข้ามาปรากฏตัวในเมืองฉืออีกตลอดไป
เซียวเทียนหู่นำคำพูดก่อนหน้านี้ของเฉินอีมาพูดทวนใหม่อีกหนึ่งครั้ง
เฉินอีพยักหน้า แล้วชี้นิ้งไปที่ด้านนอก และพูดว่า : แล้วควรจะจัดการกับคนพวกนั้นอย่างไรดี ?
เรื่องนี้……
เซียวเทียนหู่ลังเลเล็กน้อย
เขาเพิ่งจะปล่อยข่าวเรื่องนี้ออกไปไม่นาน ดูเหมือนว่าจะยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รับรู้เรื่องนี้ ซึ่งก็พอที่จะให้อภัยได้
แต่สีหน้าของเฉินอีกลับเรียบเฉย
หรือหัวหน้าเซียวคิดว่ากลุ่มเสือฟ้านั้นยิ่งใหญ่เหนือใคร คนคิดจะทำอะไรตามอำเภอใจในเมืองฉือแห่งนี้ก็ได้ หรือพูดอีกอย่างว่าศักดิ์ศรีของฉันไม่อาจเทียบเท่าตระกูลหลี่ได้ ?
เปรี้ยง !
เซียวเทียนหู่รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงตรงกลางหัว เขารีบคุกเข่าลงทันที
เซียวเทียนหู่สำนึกผิดแล้วครับ กลุ่มนักเลงเมืองฉือควรที่จะเคารพกฎเกณฑ์ และมีส่วนช่วยสร้างความมั่นคงแข็งแกร่งให้กับเมืองฉือ ส่วนพวกสวะที่มีส่วนทำลายความเจริญรุ่งเรืองของเมืองฉืออย่างพวกเขา ควรได้รับการลงโทษอย่างหนักครับ !
ไปได้แล้ว
เฉินอีโบกมือ และไม่พูดอะไรต่อ
เซียวเทียนหูรีบลงลิฟต์ไปที่ชั้น 10 ด้วยร่างกายที่เปียกปอนไปด้วยเหงื่อ ที่นี่มีคนของกลุ่มเสือฟ้ารวมตัวกันอยู่ไม่น้อย
หัวหน้าครับ คุณเฉินว่าอย่างไรบ้างครับ ?
มีลูกสมุนคนหนึ่งรีบเอ่ยถามขึ้นมา เซียวเทียนหู่สูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง แล้วเล่าเรื่องทุกอย่างออกมาทั้งหมด
อะไรนะ หากทำเช่นนี้ก็เท่ากับพวกเรากำลังตัดช่องทางของตัวเองลงนะสิ
มีบางคนที่ไม่ยินดีทำ และเริ่มบ่นออกมา
แต่เซียวเทียนหู่กลับมองคนเหล่านั้นด้วยสายตาที่เย็นชา แล้วพูดต่อว่า : เมื่อครู่ฉันเพิ่งได้รับข่าวจากมังกรเขียวว่า พวกเขาจะอีกฉีดเงินเข้ามาจากต่างประเทศหนึ่งล้านล้านหยวน เพื่อก่อตั้งกองทุนมูลนิธิ อีกทั้งจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองฉือเราให้เจริญรุ่งเรือง พวกแกว่าหากพวกเราเข้าไปมีส่วนร่วม มันจะไม่เป็นการปลอดภัยกว่าธุรกิจสีเทาที่พวกเราทำอยู่ตอนนี้อย่างนั้นหรือ ? !
……
หนึ่งล้านล้าน !
ลูกสมุนที่บ่นก่อนหน้านี้ต่างตกตะลึง
ในยุคทองของตระกูลหลิน มีทรัพย์สินอยู่เพียงแค่ห้าหกพันล้านหยวนเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีตระกูลหลี่อีก ถึงแม้พวกเขาจะควบรวมกิจการของตระกูลหลินเอาไว้ได้ แต่ทรัพย์สินโดยรวมทั้งหมดก็ไม่น่าจะเกินเจ็ดถึงแปดพันล้านเหรียญเท่านั้น
แต่คุณชายเฉินคนนั้นกลับอัดฉีดเงินเข้ามาหนึ่งล้านล้านเหรียญ ?
นี่มันหมายความว่าอะไร ? ก็หมายความว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีทรัพย์สินอยู่เพียงแค่หนึ่งล้านล้านหยวนนะสิ
เงินจำนวนแน่ เป็นเพียงแค่เงินทุนตั้งต้นเท่านั้น !
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเราจะร่วมมือกับคุณเฉิน ไม่สิ ร่วมมือกับเถ้าแก่ใหญ่เซียว กวาดล้างและจัดระเบียบสังคมใต้ดินใหม่ทั้งหมด ใครกล้าทำธุรกิจที่สกปรก อย่าหาว่าเซียวเทียนหู่คนนี้ไม่ไว้หน้า
เซียวเทียนหู่จ้องมองทุกคนด้วยแววตาดุดัน ทำให้ทุกคนยอมสิโรราบ
ในเมื่อสามารถหาเงินได้อย่างปลอดภัย แล้วใครจะยังอยากเอาชีวิตไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายอีก
หัวหน้าครับ พวกของเจ้ากริชกำลังจะเข้ามาในตึกแล้วครับ !
มีลูกสมุนบีบขึ้นไปบนขอบหน้าต่าง เมื่อมองเห็นพวกของท่านตาวก็รีบหันกลับมาตะโกนเสียงดัง ทำให้เซียวหู่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ไปกันเถอะ !
ถึงเวลาที่จะได้แสดงความจงรักภักดีต่อเถ้าแก่แล้ว เจ้ากริชผู้นี้เป็นใครกัน ก็เป็นเพียงแค่ใบรับรองสมาชิกภาพของเราเท่านั้น !
ฮ่าฮ่าฮ่า แค่หมอนั่นเห็นพวกเราก็น่าจะกลัวจนหัวหดแล้ว
จริงด้วย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคิดว่าที่นี่มีแต่พวกใส่สูทผูกไทที่ไร้ฝีมือเท่านั้น คงคิดไม่ถึงว่าจะมีคนอย่างพวกเราอยู่ด้วย
ลูกสมุนหลายคนของกลุ่มเสือฟ้าต่างเลียปากและแสดงความตื่นเต้นออกมา
ภาพนี้ปรากฏขึ้นต่อสายตาของเซียวเทียนหู่ แล้วจู่ ๆ เขาก็ตะโกนออกมาด้วยความโมโห : รักษาภาพพจน์เอาไว้หน่อย ตอนนี้พวกแกเป็นคนดีแล้ว เลิกแสดงท่าทีหยาบคายออกมาเสียที
พวกเราจะต้องใช้เหตุผลในการพูดคุยกับอีกฝ่าย ถ้าหากคุยกันไม่รู้เรื่องค่อยใช้กำลังจัดการ !
ตอนนี้ท่านตาวยังไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เขาดึงตัวพนักงานต้อนรับมา แล้วก้มหน้าถามว่า : ที่นี่มีผู้หญิงแซ่ฉินอาศัยอยู่หรือไม่ ?
เอ่อ ?
พนักงานต้อนรับตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ จึงไม่สามารถเอ่ยตอบอะไรออกมาได้ อีกอย่างผู้หญิงแซ่ฉินที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็มีหลายคน
ฉินหวยจือหยิบรูปถ่ายออกมาหนึ่งรูป ครั้งนี้พนักงานต้อนรับจำได้ทันที แต่ก็ไม่ได้พูดตอบออกมา
ขอโทษด้วยค่ะ ตามกฎของเราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าได้ค่ะ
เธอไม่ใช่คนโง่ เมื่อดูก็รู้แล้วว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาดี เกรงว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้หญิงที่อยู่ในรูปได้