ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 45 ความจริงข้อหนึ่ง
แม่คะ แม่พูดเกินไปแล้ว!
ฉินปิงหลันพูดขึ้น ด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
แต่หลินหลันกลับไม่แคร์แม้แต่น้อย พุ่งเป้าไปที่ฉินปิงหลัน ฉินปิงหลัน ฉันให้เวลาแกหนึ่งชั่วโมงรีบไปคฤหาสน์หมายเลขแปดเดี๋ยวนี้ ถ้าแกปรนนิบัติรับใช้คุณชายหลี่เจ๋อได้ดี ไม่แน่ว่าตระกูลฉินกับตระกูลหลี่จะสามารถร่วมงานกันได้
สิ่งสำคัญคือ ขอแค่แกแต่งเข้าตระกูลหลี่ได้อยากจะได้อะไรก็ได้ทุกอย่าง ทำไมต้องใช้ชีวิตลำบากกับไอ้ขยะตลอดชีวิตด้วย
แกไม่อยากเห็นพ่อกับแม่มีบั้นปลายชีวิตที่สงบสุข เห็นน้องชายได้แต่งงานมีลูกหรือไง?
พ่อแม่
น้องชาย
ยังคงคิดถึงแต่ตัวพวกเขา ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของตน
ฉินปิงหลันหลับตา พูดเสียงเคร่งขรึม:หนูไม่มีวันไปค่ะ
เธอให้คำตอบที่หนักแน่น
อย่าพูดว่ามีลูกถึงแม้จะไม่มีลูกเธอก็ไม่มีวันไป
ในฐานะผู้หญิงที่ทระนงตน หลังจากเกิดเรื่องในตอนนั้นขึ้น เธอถูกตระกูลฉินทอดทิ้ง แน่นอนว่ามีคนรวยอยากจะเลี้ยงดูเธอให้เธอเป็นเมียเก็บ แต่ฉินปิงหลันปฏิเสธทั้งหมด
เธอรู้ดี ในฐานะแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกสาว
ถ้าแม้แต่ตัวเธอยังเดินเส้นทางที่ผิดเพี้ยน แล้วจะสอนลูกสาวได้อย่างไร แล้วจะเลี้ยงดูให้ลูกสาวเติบโตเป็นคนได้อย่างไร?!
แค่นี้นะคะ
ฉินปิงหลันวางสายด้วยความเด็ดขาด สำหรับสองสามประโยคสุดท้ายที่หลินหลันด่านั้นคืออะไรเธอเองก็ไม่ได้ฟัง และไม่อยากจะฟัง
เฉินอีมองเธอด้วยแววตาลุ่มลึก แล้วพูด:คุณอยากกลับบ้าน กลับตระกูลฉินไหม?
ฉันไม่อยากกลับไป
ฉินปิงหลันตอบ
ทว่าแววตาของเธอหม่นหมองลงอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่เล็กจนโตเธอเป็นเด็กประเภทลูกบ้านอื่น เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถและความพยายาม เป้าหมายก็คืออยากจะได้รับการยอมรับจากพ่อแม่และคุณย่า
แต่ตอนนี้ เธอพบว่าไม่ว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหน ในฐานะผู้หญิงเธอมีแค่ทางเดินเดียว ซึ่งก็คือยอมเสียสละให้กับตระกูลฉิน เพื่อให้ครอบครัวได้รับผลประโยชน์มากยิ่งขึ้น
แต่แม้จะเป็นแบบนี้ เธอยังคงอยากจะเอาชนะคนในครอบครัว ได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัว!
เฉินอีอ่านความคิดของหญิงสาวออก อยากจะคล้องผมของเธอแต่กลับถอนมือกลับราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
ถ้าคุณอยากจะกลับไป ผมจะช่วยคุณ
คำพูดของเฉินอีน่าตะลึงงันอย่างมาก
ฉินปิงหลันแปลกใจเล็กน้อย จู่ๆก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เอ่ยถาม:บ้านหลังนี้คุณซื้อเองเหรอคะ?
อืม
โกหก
……
เฉินอีชะงัก
เขาพบว่าเวลาตนเองโกหกทุกคนต่างเชื่อ เวลาพูดความจริงกลับไม่มีใครเชื่อ
ฉันไม่รู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้คุณทำอะไร และไม่รู้ว่าทำไมคนอื่นถึงเรียกคุณว่าเจ้ามังกร แต่ดูจากท่าทางแล้วน่าจะเป็นหน่วนทหารใช่ไหมคะ
ฉันเองก็ดูข่าวแล้ว เพราะตระกูลหลินมีปัญหากับหน่วยทหาร คุณใช้เส้นสายทำให้หน่วยทหารข่มตระกูลหลินใช่รึเปล่าคะ?
ดวงตาคู่นั้นของฉินปิงหลันทำให้คนอ่อนไหวมาก โดยเฉพาะตอนที่จ้องเขม็ง
เฉินอีตกตะลึง จนกระทั่งถูกหยิกอย่างแรงกว่าจะดึงสติกลับมาได้
ใช่ ใช่ครับ เป็นเพื่อนเก่าคนหนึ่งของพ่อผมในอดีต
เขาเพิ่งพูดถึงเรื่องตระกูลเฉินแห่งเมืองอสูร ฉินปิงหลันเคยเรียนที่เมืองอสูรแน่นอนว่าพอจะรู้บ้าง
อืม
แต่ว่าถึงอย่างไรก็ตามนั่นเป็นน้ำใจที่พ่อของคุณสั่งสมเอาไว้ อีกทั้งเคลื่อนย้ายอำนาจของหน่วยทหาร กลัวว่าจะชดใช้ยาก
ฉินปิงหลันพูดด้วยความจริงจัง
หน่วยทหารเป็นถึงอาวุธประจำประเทศ เกรงว่าคนๆนั้นนำมาใช้ไม่ใช่ง่ายๆ แค่ว่ากลัวจะถูกวิจารณ์ สำหรับเฉินอีแล้วไม่ใช่เรื่องที่ดี
เฉินอีมองฉินปิงหลันที่ช่วยตนวิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้น ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว
เขารู้ดีว่าฉินปิงหลันไม่ได้ยอมรับในตัวตนเอง แต่อย่างน้อยก็ยกโทษให้ตนแล้ว
ตอนนี้เขาเป็นพ่อคนแล้ว แต่สำหรับหน้าที่สามียังมีระยะห่างประมาณหนึ่ง
ไม่ได้ ต้องรีบเร่งมือ ไม่อย่างนั้นเมื่อไหร่ถึงจะจีบปิงหลันติด
ขณะที่เฉินอีครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย สุดท้ายก็ถูกหยิกอย่างแรงอีกครั้ง
เจ็บๆๆ!
เฉินอีกัดฟันแน่น
แน่นอนว่าเขาไม่มีความรู้สึกอะไร แต่เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ เขายินดีที่จะทำลายภาพลักษณ์ที่ผ่านมาของเจ้ามังกร
โต๋วโต๋วและโนว่โน่วยืนเอาไว้ ดวงตากลมโต มองเฉินอีและฉินปิงหลันด้วยความแปลกใจ
ฉินปิงหลันรู้ตัว ตนเองเสียการควบคุม จึงรักษาระยะห่างกับเฉินอี
คุณอย่าเข้าใจผิด ฉันแค่เห็นแก่ที่โต๋วโต๋วและโนว่โน่วสนิทสนมกับคุณก็เลยพูดกับคุณ
เธอกำลังอธิบายการกระทำก่อนหน้านี้ของตนเอง
ภายในใจของเฉินอีรู้สึกตลก
ฉินปิงหลันมองดูเย็นชา แต่ความเป็นจริงกับไม่ประสีประสาในเรื่องความรัก สิ่งนี้เหมือนกับเฉินอี
คนที่ไม่ประสีประสาในเรื่องความรักสองคนอยู่ด้วยกัน บวกกับเด็กน้อยอีกสองคน เฉินอีรู้สึกเหมือนสอนเด็กอนุบาลอย่างไรอย่างนั้น
จริงด้วย โต๋วโต๋ว โนว่โน่ว พวกหนูอยากจะกลับบ้านคุณตาคุณยายไหมครับ?
เฉินอีย่อตัวลงนั่ง จับมือเด็กทั้งสองคน แล้วถาม
โต๋วโต๋วกะพริบตาปริบๆ เห็นชัดว่าไม่รู้จะตอบอย่างไร
เธอไม่ใช่โนว่โน่ว ถึงอย่างไรก็พอจะมีความเป็นผู้ใหญ่ รู้ว่าคุณตาคุณยายและคุณอาไม่ได้ชอบตนและโนว่โน่ว
ค่ะ หนูอยากเจอคุณตา คุณยายเจอไม่ได้นะคะ
โนว่โน่วตอบด้วยความใสซื่อ
โต๋วโต๋วเองก็พยักหน้า เพื่อแสดงให้รู้ว่าตนมีความคิดเดียวกับโนว่โน่ว
สิ่งนี้ทำให้เฉินอีแปลกใจ ทำไมถึงอยากเจอคุณตาครับ?
เห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นโต๋วโต๋วหรือว่าโนว่โน่วต่างไม่รู้สึกผูกพันอะไรกับคุณยายหลินหลัน แต่กับคุณตาฉินกลับมีความผูกพัน
โนว่โน่วแกล้งทำเป็นครุ่นคิด หลังจากนั้นพูดเสียงอ่อน:เพราะคุณตาชอบแอบมาหาพวกหนู แล้วยังของอร่อยๆมาให้พวกหนูด้วยค่ะ!
เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่!
ฉินปิงหลันผลักเฉินอีออก ย่อตัวลงแล้วถามลูกสาวทั้งสองคน
หลายครั้งมากๆค่ะ ตั้งแต่โนว่โน่วเกิดมาคุณตาก็ชอบมาที่บ้านของพวกเรา แต่ว่าคุณตาไม่มีกุญแจก็เลยเล่นกับพวกหนูโดยมีประตูรักษาความปลอดภัยกั้นเอาไว้ค่ะ
โต๋วโต๋วพูดกัดฟัน
ฉินปิงหลันตกตะลึง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เธอเข้าใจมาตลอดว่าตนเองเป็นห่วงโต๋วโต๋วและโนว่โน่วแค่คนเดียว
สำหรับพ่อแม่และน้องสาว รังเกียจเด็กทั้งสองคนมาก
แต่หวนคิดถึงภาพที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน รวมถึงท่าทีของพ่อที่ผ่านมา ล้วนคือนิ่งเงียบ
คุณพ่อของคุณท่านขี้ขลาดไปหน่อย
เฉินอีพูดเสียงเคร่งขรึม แต่เขารักคุณ และรักโต๋วโต๋วกับโนว่โน่ว
ดวงตาของฉินปิงหลันแดงก่ำ ถูจมูก พูด:ตอนนั้นคุณพ่อทำความผิด บวกกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้สิทธิ์ในการพูดของคุณพ่อที่คุณย่าและที่บ้านถูกอารองและแม่มาแทนที่ คุณพ่อท่าน……
คุณพ่อของคุณเองก็ลำบากมาก หลายอย่างที่ท่านไม่เห็นด้วย แต่สิ่งที่พูดออกไปไม่เคยมีใครฟังแม้แต่คำเดียว
เฉินอีพูดแทนฉินปิงหลันจนจบ
ฉินปิงหลันพยักหน้าเล็กน้อย
ถ้าหากจะบอกว่าที่บ้านมีใครควรค่าให้ฉันกลับไป นั่นคือคุณพ่อ คุณพ่อกับคุณแม่ต่างกัน
คุณแม่รักฉันตั้งแต่เด้ก แต่หลังจากที่เกิดเรื่องนั้นขึ้นท่าทีของท่านที่มีต่อฉันก็เปลี่ยนไปมาก ตอนนี้ยิ่งบีบบังคับอย่างหนัก ให้ฉันทำเรื่องแบบนั้นเพื่อครอบครัว เพื่อน้องชาย
เทียบกันแล้วคุณพ่อเข้มงวดมาก ตอนเด็กฉันเกลียดคุณพ่อ แต่หลังจากที่เกิดเรื่องในตอนนั้นขึ้นก็มีแค่พ่อเท่านั้นที่มาเยี่ยมฉันบ่อยๆ สุดท้ายถูกคุณแม่บีบบังคับก็เลยไม่มา
แต่ตอนนี้ฉันเพิ่งรู้ว่า ที่แท้คุณพ่อเป็นห่วงโต๋วโต๋วและโนว่โน่วมาโดยตลอด รวมถึงฉัน……