ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 46 คุณแม่ คุณแม่หน้าแดงอะไรคะ
เช้าวันที่สอง
เฉินอีทำอาหารเช้าเสร็จตั้งแต่เช้า รอฉินปิงหลันและลูกออกมา
คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอคะ?
ฉินปิงหลันมองอาหารเช้าตรงหน้าแล้วตกตะลึงเล็กน้อย
ในสายตาของเธอ บางทีเฉินอีอาจจะชกต่อยเก่ง แต่ไม่มีวันเป็นผู้ชายประเภทที่ทำอาหารเป็น แต่กินอาหารที่เขาทำแล้วรู้สึกมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง
หลายปีที่ผ่านมานี้ผมเรียนรู้การทำอาหารจากพ่อครัวต่างประเทศมาไม่น้อย ขอแค่ถูกปากคุณหลังจากนี้ผมจะทำทุกวัน
เฉินอีพูดเสียงอ่อนโยน
ฉินปิงหลันรู้สึกว่าอาหารเช้าที่อยู่ในปากไม่อร่อยขึ้นมาทันที
อิ่มแล้ว!
เฉินอี ……
ดวงตากลมโตของโต๋วโต๋วกลอกไปมาหนึ่งรอบ กอดคอของฉินปิงหลัน พูดเสียงออดอ้อน:คุณแม่คะ ต้องเห็นคุณค่าของอาหารนะคะ ทั้งหมดนี้คุณลุงคุณน้าทำด้วยความลำบาก อีกทั้งคุณพ่อก็ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อมาทำอาหารด้วยความเหน็ดเหนื่อยนะคะ
……
สิ่งที่ฉินปิงหลันทนไม่ได้ที่สุดก็คือลูกสาวทั้งสองออดอ้อน กินอย่างเอร็ดอร่อยขึ้นมาทันที
แต่พูดตามตรง ถึงแม้จะเป็นแค่อาหารเช้าธรรมดา แต่ฉินปิงหลันกลับกินอย่างเพลิดเพลิน
เฉินอีเป็นใครกันแน่
เธอเองก็รู้สึกแปลกใจ
ส่วนโต๋วโต๋วหันไปยิ้มกับเฉินอีด้วยความซุกซน สองพ่อลูกใจตรงกัน มีแค่โนว่โน่วเท่านั้นที่มองพ่อกับพี่สาวด้วยความงุนงง
พวกเขาหมายความว่าอะไร
คุณพ่อ อุ้มๆ!
โนว่โน่วยกมือทั้งสองข้างขึ้น เฉินอีอุ้มด้วยความจนปัญญา พูดเสียงเบา:คุณพ่อต้องขับรถ หนูและพี่นั่งด้านหลังกับคุณแม่ ดีไหมครับ
ได้ค่ะ
เฉินอีสตาร์ทรถ ฉินปิงหลันมองไปรอบๆ
เจ้าหมอนี่ โรลส์รอยซ์แฟนธอมหนึ่งคัน ถึงแม้จะดูไม่ออกว่าเป็นรุ่นแพงสุดหรือว่ารุ่นอะไร แต่อย่างน้อยราคาก็เจ็ดแปดล้านหยวนแล้ว
ช่วยถ่อมตัวหน่อย อย่าขับรถของเพื่อนพ่อคุณออกมา
ฉินปิงหลันโอดครวญเสียงเบา
ในสายตาของเธอ ไม่ว่าจะเป็นห้องขนาดใหญ่ทั้งสองห้องในตึกติ่งช่าง หรือว่ารถโรลส์รอยซ์ ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่เพื่อนเก่าพ่อของเฉินอีจัดหามาให้
เฉินอีได้ฟัง ให้มังกรเขียวขับไปอย่างไม่ลังเล แล้วเอาปอร์เช่ออกมาหนึ่งคัน
ฉินปิงหลัน ……
คุณไม่มีรถราคาไม่กี่แสนหยวนเลยเหรอคะ?
ฉินปิงหลันพูดเสียงเคร่งขรึม
เธอรู้ดี ถ้าหากเฉินอีขับรถแบบนี้กลับไป เกรงว่าคนตระกูลฉินจะยอมรับเธอและเฉินอี แต่เรื่องยุ่งยากที่จะเกิดต่อจากนี้จะไม่มีวันจบ เธอไม่อยากให้เรื่องพวกนั้นของครอบครัวตนเองสร้างปัญหาให้เฉินอี
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งหมดนี้เป็นของเพื่อนสนิทพ่อของเฉินอี ตัวเฉินอีจะเอาอะไรออกมาได้ จะทำให้เกิดการเย้ยหยันดูถูกมากกว่าเดิม ถึงแม้ฉินปิงหลันจะไม่แคร์แต่ก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้
เหมือนจะไม่มีแล้วครับ คันที่ถูกที่สุดก็คือคันนี้ เฉินอีประหม่าอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าพวกเรานั่งรถประจำทาง?
บนรถประจำทาง
ฉินปิงหลันอุ้มโนว่โน่วและจูงมือโต๋วโต๋วนั่งอยู่ตรงที่นั่งริมหน้าต่าง ดึงดูดสายตามากมาย
ไม่พูดไม่ได้จริงๆ ถึงแม้ฉินปิงหลันจะมีลูกสาวสองคนแล้ว แต่หน้าตาของเธอยังเหมือนกับเมื่อสิบปีก่อน หุ่นของเธอก็ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังมีความสวยและเสน่ห์ของหญิงสาวมากขึ้นอีกด้วย
ให้ตายสิ รู้แบบนี้ตั้งแต่แรกเรียกแท็กซี่ดีกว่า
เฉินอีลูบจมูก รู้สึกเสียใจนิดหน่อย
เขาประเมินเสน่ห์ของภรรยาตนเองต่ำเกินไปแล้ว
ต้องรู้ว่าในรถสาธารณะคันนี้มีผู้หญิงหน้าตาดีและมีเสน่ห์มากมาย มีทั้งผู้หญิงทำงาน หรือไม่ก็นักศึกษามหาวิทยาลัย อาจจะพูดได้ว่าต่างคนต่างสไตล์และเป็นที่นิยมมานับร้อยปี
แต่ว่า!
หลังจากฉินปิงหลันขึ้นมาบนรถสาธารณะ ความโดดเด่นของสาวสวยพวกนี้ถูกกลบไปหมด สายตาเหล่านั้นไม่ได้กวาดมองผู้หญิงพวกนั้นอีกเลย สุดท้ายตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องมาที่ฉินปิงหลัน
เฮ้ยพวก เปลี่ยนที่นั่งกันหน่อยได้ไหม?
มีคนจ้องฉินปิงหลันตาเป็นมัน มองเฉินอี แล้วยัดเงินให้เข้าหนึ่งร้อยหยวน
เหตุเพราะเฉินอีสวมหมวดตลอดเวลา ร่วมกับใส่แมสจึงไม่มีใครมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเขากับฉินปิงหลันไม่รู้จักกัน
คุณพ่อคะ ทำไมคุณลุงคนนี้ถึงอยากจะย้ายที่นั่งกับคุณพ่อด้วยคะ
โต๋วโต๋วถามด้วยความแปลกใจ
เสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย ทว่ากลับทำให้คนตายในทันที
เฉินอีรู้สึกได้ทันทีว่ามีสายตาอาฆาตมากมายมองมาที่ตน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ หลังจากนั้นถอดแมส และหมวกออก
สายตาเหล่านั้นหายไปในทันที
แทนที่ด้วยสายตาเร่าร้อนจากเพศตรงข้าม
หล่อ หล่อมากเลย
พวกดาราเด็กเทียบไม่ติดเลย!
เฉินอีหน้าตาดีมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นสมัยเรียนมหาวิทยาลัยคงไม่เป็นที่ดึงดูดของดาวมหาวิทยาลัยเจ็ดในสิบคน
แน่นอน อีกสามคน คนหนึ่งมีความสัมพันธ์เป็นสายเลือดเดียวกับเฉินอี ส่วนอีกสองคนไม่เคยเจอหน้ากัน
ฮ่าๆ แรงดึงดูดของคุณมากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้นะคะ
เสียงของฉินปิงหลันดังขึ้น
เฉินอีไม่กล้าหันไปมอง แต่หน้าแดงระเรื่อ
ฮ่าๆๆ คุณแม่คะ ดูคุณพ่อสิหน้าแดงไปหมดแล้ว
จริงด้วย ทำไมคุณพ่อต้องหน้าแดงด้วยคะ
โดนพวกคุณน้ากับพี่ๆมองจนเขินไปหมดแล้ว พรุ่งนี้คงไม่เอาพวกเราแล้วค่ะ
ประโยคสุดท้ายเป็นคำพูดของฉินปิงหลัน
เฉินอีทำตัวไม่ถูก พูดด้วยความเสียใจ:เปล่า ผมเปล่า
เขาเป็นกังวล เป็นกังวลแล้ว
มังกรเขียวและมังกรหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหลัง พวกเขาทั้งสองมองท่าทีของเฉินอี ภายในใจมีหกคำปรากฎขึ้น หน้าผากของพวกเขาเต็มไปด้วยเส้นดำ
นี่เป็นเจ้ามังกรของพวกเขาที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินจริงๆเหรอ?
อย่างรวดเร็ว ไปถึงจุดหมาย
ก่อนจะลงจากรถเฉินอีสัมผัสได้ว่ามีคนยัดอะไรบางอย่างเข้ามาในกระเป๋าของตน แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย ลงจากรถแล้วโยนทิ้งขยะทันที เป็นกระดาษที่มีขนาดเท่ากับการ์ดในคลับ
ผู้ชายคนนี้เป็นอะไรเนี่ย!
หญิงทำงานเห็นภาพนั้น โมโหจนกัดฟันกรอดทันที
นั่นเป็นช่องทางติดต่อของเธอ ตอนแรกอยากจะมีความสัมพันธ์กับสุดหล่อ ทั้งยังเป็นผู้ชายที่มีภรรยา แต่สุดท้ายกลับโยนทิ้งเนี่ยนะ?
ฉินปิงหลันมองเฉินอี หน้ายิ้มใจไม่ยิ้ม :ผู้หญิงทำงานคนเมื่อกี้ยัดของดีๆบางอย่างให้คุณไม่ใช่เหรอคะ ทำไม? ทิ้งได้ลงคอ
ให้ตายสิ
เฉินอีสบถหยาบในใจ ผู้หญิงคนนั้นแสดงออกชัดเจนแค่ไหน แม้แต่ฉินปิงหลันก็ยังสังเกตเห็น
แต่ว่า หรือว่าฉินปิงหลันสังเกตตนตลอดเวลา จึงมองเห็นไปด้วย?
คิดถึงตรงนี้ ภายในใจของเฉินอีรู้สึกดีใจอย่างมาก
เธอหึงแล้ว!
แฮ่กๆๆ
เฉินอีพูดด้วยสีหน้าจริงจัง : ผู้หญิงที่เอาแต่แต่งหน้า ทั้งวันทั้งคืนเอาแต่คิดเรื่องเพ้อฝัน เทียบปิงหลันของผมไม่ติดเลยสักนิด!
เรียบง่ายและหยาบคาย
หน้าของฉินปิงหลันแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ครั้งนี้โต๋วโต๋วและโนว่โน่วเริ่มพูดคุยกัน
คุณพ่อคะ หน้าของคุณแม่แดงมากเลยค่ะ!
จริงด้วยๆ คุณแม่หน้าแดงอะไรคะ?
เงียบ!
จริงด้วย ทำไมคุณถึงหน้าแดงครับ พูดมาสิ
ไปตายซะ!
สี่คนพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
มังกรเขียวและมังกรหนึ่งมองตากันแล้วยิ้ม
ไปกันเถอะ พวกเราไปรอบๆตระกูลฉินแล้วสะกดรอยตาม ทางนี้ให้เจ้ามังกรกับนายหญิงและนายน้อยทั้งสองคนเดิน
เมื่อกี้ตอนอยู่บนรถสาธารณะไม่สะดวกที่จะขึ้นลง แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ต้องอยู่เป็นก้างขวางคอ จึงรีบเดินไป
แน่นอนว่าเฉินอีสัมผัสได้ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
สองคนนี้รู้เรื่องจริงๆ
คุณพ่อคะ คุณพ่อมองอะไรอยู่คะ ทั้งยังยิ้มอีก ไม่มีมารยาทจริงๆ!