ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 52 ไม่ถูกคนอื่นอิจฉา แสดงว่าความสามารถทั่วไป
แกกำลังสงสัยการตัดสินของแม่เฒ่าอย่างฉันงั้นเหรอ?
ท่านย่าฉินมองไป นัยน์ตาดูเลือดเย็นมาก
ฉินหวยจือจนปัญญาทันที รีบก้มหน้าลงพูด แต่ท่านย่า ท่านทำแบบนี้ไปทำไมกัน ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ใช่ เฉินอีทำแบบนี้กับเรา แล้วยังมีไอ้สารเลวฉินปิงหลันกลับไม่ช่วยพวกเราแม้แต่คำเดียว ความเหี้ยมเกรียมแบบนี้ ท่านย่าขืนกินลงได้ยังไง?
ฉินโร่ซีก็เอ่ยขึ้น
สำหรับบิดาทั้งสองต่างก็พยักหน้าว่าใช่
แม่ การตัดสินวันนี้ของท่านค่อนข้างเร่งรีบไปหน่อยหรือเปล่า ครั้งนี้หากทำให้ทั้งตระกูลฉินของพวกเราเสียชื่อเสียง อย่างไรข่าวเสียๆหายๆของฉินปิงหลันนั้นรุนแรงเกินไปแล้ว
คนที่พูดคือพ่อของฉินหวยจือฉินต้าซาน ท่านประธานคนเก่าของบริษัท วันนี้ได้วางมือก็เพื่อช่วยเหลือลูกชาย
เดิมทีตอนนั้นก็แค้นเคืองที่ฉินปิงหลันแย่งตำแหน่งลูกชายตัวเอง ไม่ง่ายเลยที่จะรอให้คนด้านหลังลงมา สุดท้ายผ่านไปเจ็ดปีก็ยังจะแย่งตำแหน่งท่านประธานกับลูกชายตัวเอง!
รู้สึกเกลียดชังอย่างมาก!
ทว่าฉินต้าซานก็เป็นพวกที่มีความคิดลุ่มลึก สีหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน และยังพูดอย่างมีเหตุผล
เหอะ ความคิดของพวกแก ฉันจะไม่เข้าใจเหรอ?
หลายปีมานี้พวกแกแต่ละคนถูกเลี้ยงดูอย่างเอาอกเอาใจก็พอแล้ว แม่เฒ่าอย่างข้าเปิดตาข้าง หลับตาข้างมาหลายปีนี้ แต่พวกแกก็ยิ่งอยู่ยิ่งเกินเลย!
ท่านย่าฉินแค่นเสียงเย็นชา มือที่ถือจอกชากระเบื้องไว้ก็โยนทิ้งไปทันที
ท่านย่า นี่ท่าน!
ทุกคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป
ท่านย่าฉินยิ่งอยู่ยิ่งแค่นเสียงเย็นชามากขึ้น
ฉินหวยจือ แกโกงเงิบริษัทไปมากแค่ไหน แกรู้ดีแก่ใจ ส่วนถ้วยน้ำชาตัวนี้คุ้มค่ามากสุดก็คงไม่กี่หมื่นเท่านั้น เงินที่เหลือไปไหนหมด?!
ท่านย่า ผม นี่…….
ฉินหวยจืออึ้งไปจริงๆ
ก่อนหน้านี้ท่านย่ายังพูดอย่างดีอกดีใจ สุดท้ายตอนนี้กลับโมโหสุดขีด เขาไม่เข้าใจเหตุผลในนั้นจริงๆ
เอกสารฉบับนี้ที่เฉินอีให้เขียนไว้อย่างชัดเจน ไม่งั้นแกจะโกหกฉันที่ตาพร่ามัว แย่งตำแหน่งประธานกรรมการของฉันไปเลยใช่ไหม?!
ท่านย่าฉินยิ่งโมโหขึ้นเรื่อยๆ
ครั้งนี้ ท่านย่าฉินโมโหจริงๆ
ฉินหวยจือหัวใจสั่นคลอนอย่างมาก
เฉินอี เฉินอีอีกแล้ว!
ทำไมเรื่องอะไรก็ต้องเกี่ยวข้องกับเฉินอีด้วย!
แม่ ใจเย็นๆ ก่อน!
สะใภ้สองสามคนเดินหน้ามาพยุงท่านย่าฉิน พวกเธอก็ไม่กล้าถกเถียงใดๆอีก ยังไงถึงแม้ท่านย่าฉินจะไม่ได้ทำงานอะไรแล้ว ทว่าตอนโมโหขึ้นมา ไม่แน่วันข้างหน้าอาจถูกไล่ออกจากบ้านก็ได้
ปล่อย!
ท่านย่าฉินตบมือของสะใภ้สองสามคน แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาต่อ ฉันเซ็นอนุมัติให้ฉินปิงหลันและฉินหวยจือรับผิดชอบหน้าที่เป็นตัวแทนท่านประธาน หลักๆคือเพราะว่าหลายปีมานี้พวกแกโง่เง่าเกินไป
หลบเลี่ยงภาษี แล้วยังกระทำความผิดอื่นๆ ถูกเฉินอีสืบเจอแล้ว ขืนฉันไม่ตอบตกลงเขา เกรงว่าพรุ่งนี้เอกสารพวกนี้คงจะปรากฏในออฟฟิศของบุคคลสำคัญในหน่วยการคลัง!
อะไรนะ!
ตระกูลฉินเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางอากาศที่แจ่มใส ทุกคนอ้าปากกว้าง กลับพูดอะไรออกมาไม่ได้แม้แต่คำเดียว
เขา ทำไมเขาถึงทำได้? มีคนถามด้วยเสียงสั่นเทา
เป็นแค่นักเลงคนหนึ่ง ทำไมถึงมีปัญญาสืบเรื่องนี้เจอด้วย?
เสียเงินจ้างคนไปสอดแนม ก็น่าจะเป็นไปได้
ฉินต้าซานครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
ยังไงแค่เขาช่วยฉินปิงหลันได้ขึ้นตำแหน่ง สิ่งตอบแทนที่ได้รับในอนาคต ไม่สามารถเทียบกับค่าตอบแทนนี้อยู่แล้ว
ฮ่าๆ ฉันยังดูถูกเฉินอีไปแล้วจริงๆ เขามีลูกเล่นหลายไม้ติดต่อกันจริงๆ คนที่ไม่ระมัดระวังตัวคงจะถูกเขาเล่นงานจนตายแน่นอน
ฉินหวยจือและคนอื่นๆได้ยินก็รู้สึกตกใจ
เฉินอีคนนี้ ที่แท้ก็มีเป้าหมายตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว
แล้วยังมีมังกรเขียนนั่น หรือว่าจะไม่ยอมติดตามตนเอง ดูๆแล้วคงถูกคำพูดเหล่านี้ของเฉินอียั่วยวนแล้ว
ฉินหวยจือเกลียดจนคันฟัน แล้วพูดขึ้น แต่พวกเราถูกข่มขู่ คงต้องให้ฉินปิงหลันที่สร้างความอัศยศนี้ขึ้นครองตำแหน่งประธานจริงๆเหรอ?
ภายในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง
หลินหลันและคนอื่นๆ ถลึงตาโตทันที
ถ้าฉินปิงหลันสามารถขึ้นครองตำแหน่งท่านประธาน งั้นคนที่ได้รับผลประโยชน์เยอะที่สุดไม่ใช่ว่าเป็นพวกเธอทั้งครอบครัวหรือไง
แค่ว่า!
เขารู้สึกว่าวังจ่างหลินจะร่วมงานกับตระกูลฉินที่สร้างความอัปยศด้วยเหรอ?
ท่านย่าฉินยิ้มเย็นชาหนึ่งที
แค่แกสามารถเอาโครงการมาครอบครอง รอให้พวกเราหาเงินได้ก้อนโต แน่นอนว่าจะสามารถเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป ถึงเวลานั้นพวกไม่มีหลักฐานพวกนี้แล้ว แต่จะเป็นการใส่ร้ายแทน!
……
ฉินปิงหลันถูกเฉินอีพยุงเดินไปที่ปอร์เช่คันหนึ่ง นั่นก็คือรถที่มังกรเก้าขับมา
คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?
เฉินอีถามด้วยเสียงเรียบ
ฉินปิงหลันดูไม่ค่อยดีมาสองวันติดต่อกันแล้ว นี่ยังคงเป็นผลสืบเนื่องของการถูกหลินเทียนเชิงทรมานมาก่อน
รวมไปถึงสองสามวันมานี้ถูกตระกูลฉินกดดัน ถ้าฉินปิงหลันมีชีวิตชีวาถึงจะเป็นเรื่องแปลก
ฮู้
ฉินปิงหลันถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วอุ้มลูกสาวทั้งสองคนไว้ พร้อมพูดด้วยเสียงอ่อนโยน เฉินอี คุณรู้สึกว่าฉันจะสามารถได้งานของวังซื่อกรุ๊ปไหม?
ได้ ต้องได้สิ
เฉินอีพยายามปลอบโยนเธอเต็มที่
ทว่าฉินปิงหลันยิ้มอย่างขมขื่นหนึ่งที
อย่าปลอบโยนฉันเลย ฉันเข้าใจในสถานการณ์ตัวเองดี ฉันกลายเป็นผู้หญิงสำส่อนที่มีชื่อเสียงในเมืองฉือไปแล้ว ต่อให้เป็นความเท็จ ทว่าก็มีคนร่ำลือมากเกินไป ประธานวังท่านนี้ก็เกลียดคนแบบนี้ตลอดมา แค่กลัว…….
วางใจ พวกนี้เป็นแค่คำร่ำลือ ไม่ใช่ความจริง
เฉินอีแทรกคำพูดของฉินปิงหลัน แล้วพูดด้วยความหนักแน่น คนเราไม่กลัวเงาเบี้ยวหรอก ผมคิดว่าประธานวังไม่ใช่คนที่ดูภายนอกมากขนาดนั้น อีกอย่างมีคำโบราณหนึ่งกล่าวได้ดี ไม่ถูกคนอื่นอิจฉา แสดงว่าความสามารถทั่วไป
คนพวกนั้นทำลายคุณ ชอบร่ำลือข่าวเสียหายไปเรื่อยเปื่อย แค่เพราะว่าคุณดีเด่นเกินไปจนทำให้พวกเขาอิจฉาริษยา อย่างเช่นฉินโร่ซีที่มักจะอิจฉาคุณ
แค่คุณกับพวกเธอแตกต่างกันยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ ถึงเวลาพวกเขาจะไม่อิจฉาคุณอีก แต่จะเป็นการยกย่องแทน!
ตอนที่เฉินอีพูดอะไรพวกนี้ อารมณ์ของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก มังกรเก้าที่ขับรถอยู่ด้านหน้าก็ยังไม่กล้ามองเขาตรงๆเลย
นี่ก็คือเจ้าแห่งสำนักมังกรลับ ฮ่องเต้ไม่ได้สวมหมวกที่บัญชาทหารได้!
ตอนนั้นที่เฉินอีเพิ่งจะเข้าสำนักมังกรลับก็ถูกคนอื่นอิจฉาเหมือนกัน แต่เวลาผ่านไป คนที่อิจฉาเขาในตอนนั้น ตอนนี้กลับยังคงอยู่ในตำแหน่งต่ำ และเฉินอีพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ไม่สิ เขาคือเทพเจ้า!
แค่ว่าฉินปิงหลันไม่รู้เรื่องพวกนี้ เขาแค่มองเฉินอีด้วยความน่าทึ่ง จากนั้นจับหน้าผากของฝ่ายตรงข้าม
คุณแน่ใจว่าไม่ได้เป็นไข้นะ ทำไมถึงพูดได้มีเหตุผลขนาดนี้
เฉินอี ……
โต๋วโต๋ว หน้าของพ่อแดงเหมือนตูดลิงเลย
โนว่โน่ว ใช่ๆๆ แล้วยังร้อนนิดหน่อย
…….
เฉินอีโชคดีจริงๆ จึงรีบพูดขึ้นยิ้มๆ ยังไงแค่คุณภรรยาออกหน้าออกตา จะวังจ่างหลินหรือว่าเหมียวจ่างหลินอะไรก็ต้องเซ็นสัญญาแน่นอน ยังไงท่านคือราชินีของผมแน่ะ
ประจบ ประจบได้เก่งจริงๆ
มังกรเก้าครุ่นคิดในใจอย่างเงียบๆ แม้กระทั่งยังเกือบจะควักมือถือออกมาแล้วโพสต์สาธารณะ ให้เหล่าสหายในสำนักมังกรลับเห็นสภาพในตอนนี้ของเฉินอี
แค่กลัวว่าทุกคนคงต้องคาดคิดไม่ถึงแน่นอน
ทว่าสัมผัสได้ว่าเฉินอีกำลังเหลือบมองด้วยความอาฆาต มังกรเก้าจึงรีบลบล้างความคิดนี้ทันที
ก็มีแค่นายหญิงและนายน้อยสองท่านที่จะทำให้เจ้ามังกรเป็นแบบนี้ ก็ดี ก็ดี ฮ่าๆๆ!