ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 53 อีแร้ง
คุณชายลี่ เรื่องมันเป็นแบบนี้ ครั้งนี้วังซื่อกรุ๊ปทำลายวางแผนของพวกเราอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ณ คฤหาสน์ของหลี่ซือกรุ๊ป ในห้องสูทอันหรูหราที่หนึ่ง หลี่เจ๋อนั่งด้วยตรงนั้นด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง
ด้านหน้ามีคนนั่งอยู่อีกหนึ่งคน
ผู้อำนวยการในธนาคารที่สองเมืองฉือ หวางยู่ชุน
ถึงแม้ฉันจะรู้เรื่องนี้แล้ว แต่ฉันก็ค่อนข้างแปลกใจ กองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่นี้โผล่มาจากไหนกันแน่ ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน
หลี่เจ๋อรู้สึกแปลกใจเรื่องนี้เป็นที่สุด
เขาสามารถบรรลุอำนาจของสินทรัพย์ถึงระดับหลายหมื่นล้านในเมืองเอกจนกระทั่งถึงในประเทศ เขาก็ถือว่าเข้าใจอยู่บ้าง แต่ดูเหมือนว่ากองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่จะโผล่ขึ้นมาจากอากาศ
ถ้าจะว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าสัวทางการเงินรายใหญ่ในต่างประเทศ งั้นก็คงไม่สนเรื่องโครงการก่อสร้างจงชุ่นในเมืองๆ หนึ่งอยู่แล้ว จึงมีข้อสงสัยมากมายห
หวางยู่ชุนก็แสดงท่าทางน่าเกลียดเช่นกัน
สำหรับกองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่นี้ ฉันก็จะขอให้คนอื่นสืบเรื่องข้อมูลเกี่ยวข้องหน่อย
สองวันนี้อีกฝ่ายเพิ่งจะสร้างขึ้นมา อีกอย่างเงินทุนที่ไหลมาจากต่างประเทศ และเป็นเงินทุนจากธนาคารแรกโดยตรง ฉันอยากจะขัดขวางก็คงไม่มีความสามารถอยู่แล้ว
อีกอย่างนี่เป็นเงินทุนของมูลนิธิเอง ไม่ได้เป็นการกู้ยืม แค่ธนาคารแรกเพียงลำพังก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เขาจะรับมือได้
ดูเหมือนธนาคารแรกจะรองลงไปจากธนาคารที่หนึ่ง ทว่าด้านหน้าเป็นกิจการเอกชน ด้านหลังเป็นกิจการของรัฐบาล!
เหอะๆ เจ้าสัวทางการเงินต่างประเทศนี่ กลับมีความน่าสนใจอย่างมาก วังซื่อกรุ๊ปคงต้องร่วมงานกับธุรกิจต่างประเทศ แบบนั้นพวกเขาต้องแลกด้วยอะไรมาเหรอ?
โครงการก่อสร้างที่รวมกันยังไม่ถึงสามสี่พันล้าน กลับมีเงินทุนสภาพคล่องเป็นหมื่นล้าน พูดแบบนี้แล้วคุณจะเชื่อผมไหม?
คุณชายลี่ ความหมายของท่าน หรือว่าต้อง?
จู่ๆหวางยู่ชุนก็นึกถึงอะไรขึ้นมา จึงอดกลั้นหายใจไว้ไม่ได้
ความคิดนั้นกล้าหาญเกินไปหน่อยหรือเปล่า สำหรับเขาแล้วไม่กล้าไปครุ่นคิดเลย
หลี่เจ๋อมองฃหวางยู่ชุนเพียงชั่วพริบตา นัยน์ตาเต็มไปด้วยการดูหมิ่น
ไอ้ขี้ขลาด
ถ้าฉันเดาไม่ผิด เป้าหมายที่แท้จริงของวังซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่เบื้องหลังของเขาต้องไม่ใช่โครงการก่อสร้างจงชุน แต่อยากจะควบคุมเศรษฐกิจของทั้งเมืองฉือ
เหอะๆ วังจ่างหลินมักจะเสแสร้งแกล้งทำตลอดมา บอกว่าต้องสามัคคีกันให้มาก จะช่วยเหลือธุรกิจเล็กให้พัฒนาขึ้นมา เป็นนักธุรกิจที่มีจิตใจงดงาม ล้วนเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น!
ตระกูลหลินในตอนนั้นยังคงรอโอกาสจากวังซื่อกรุ๊ป แต่ตอนนี้ตระกูลหลินล้มไปแล้ว และมีคนที่มาแทนที่ยิ่งใหญ่กว่าก็คือตระกูลหลี่ของพวกเรา แค่กลัวว่าวังจ่างหลินจะนั่งไม่อยู่ ไม่ได้มีเครือข่ายใดๆในประเทศ ทำได้เพียงร่วมมือกับคนตะวันตก เหอะๆ ข่าวนี้ขืนเอาออกมาปล่อยคงระเบิดแน่นอน ไม่แน่พรุ่งนี้วังซื่อกรุ๊ปก็คงจบกันแล้ว
หวางยู่ชุนอดกลืนน้ำลายไม่ได้ แล้วถามด้วยเสียงสั่นเทา งั้นจะปล่อยข่าวนี้ออกไปจู่โจมวังซื่อกรุ๊ปหน่อยไหม?
ไม่ต้อง ฉันอยากดูเหมือนกันว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของวังซื่อกรุ๊ปนั้นแข็งแกร่งขนาดไไหน
อีกอย่างเงินทุนหนึ่งหมื่นล้าน เหอะๆ ถ้าวังซื่อกรุ๊ปสามารถบรรลุได้ ไม่แน่โครงการก่อสร้างจงชุนก็คงจะเพอร์เฟคมาก ถึงเวลาพวกเราค่อยใช้เล่ห์เหลี่ยมแย่งมันมา
แบบนี้ เงินพวกเราก็ได้ ใช้จงชุนเป็นช่องทางการจำหน่าย ไม่แน่อาจได้กลายเป็นตลาดมืดแห่งที่สองก็ได้!
…….
ตอนนี้หวางยู่ชุนแค่อยากจากไป
เขานึกไม่ถึงว่าหลี่เจ๋อจะมีความคิดชั่วร้ายขนาดนี้ กลับอยากจะเลี้ยงวังซื่อกรุ๊ปเหมือนกระต่ายที่เลี้ยงจนอ้วนท้วมแล้วค่อยฆ่าทิ้ง อีกอย่างยังจะเปิดตลาดมืดด้วย!
แกชายหลี่เจ๋อ ตลาดมือนี้ไม่สามารถเปิดได้ ขืนถูกคนของทางการจับได้ ตระกูลหลี่คงล้มสลายแล้ว!
เขาไม่ได้พูดเท็จเลยสักนิด
หลายปีมานี้ เว็บมืดและตลาดมืดต่างก็ถูกทางการกวาดล้างไปแล้ว พอถูกสังเกตเห็น จุดจบของผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็คือถูกทำลายล้างจนสิ้นซากแล้ว!
แต่หลี่เจ๋อกลับไม่กลัวแม้แต่น้อย
วางใจเถอะ เบื้องหลังของพวกเราคือตระกูลมังกร มีพวกเขาคอยช่วยเหลือ มีอะไรบ้างที่พวกเราทำไม่ได้?
หลายปีมานี้ตระกูลมังกรใช้กำลังอันใหญ่ยิ่งสนับสนุนตลาดมืด ในเมืองชิงชวน ขอเพียงเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้ตระกูลมังกรก็จะเปิดตลาดมืดทั้งนั้น และนี่ถึงจะเป็นช่องทางการหาเงินที่แท้จริง
แค่สามารถสร้างตลาดมืดให้เสร็จ พวกเราตระกูลหลี่ก็ต้องได้เลื่อนขั้นเป็นตระกูลร่ำรวยหลายหมื่นล้าน พอถึงประมาณหนึ่งจะได้มีบัตรเข้าไปในเมืองเอก
ยิ่งไปกว่านั้น หากเมืองจงชุนสร้างเสร็จแล้ว ใครจะไปนึกถึงว่าแคมป์ของตลาดมืดด้วย ใช้เงินของตระกูลวังมาแสวงหาผลกำไรที่ใหญ่ยิ่งกว่า นี่ถือเป็นการค้าที่มีแต่ได้กับได้ ไม่มีขาดทุนเลยจริงๆ
หลี่เจ๋อยกมุมปากขึ้นสูงกว่าเดิม แล้วโบกมือให้หวางยู่ชุนไสหัวออกไป
เธอก็จากไปด้วยความกระวนกระวาย แค่รู้สึกว่าหลี่เจ๋อบ้าจริงๆ
ไอ้สวะ
หลี่เจ๋อส่ายหัวไม่หยุด แล้วยกคิ้วขึ้น
ทว่าโครงการนี้ที่วังซื่อกรุ๊ปรับไว้ ไม่ได้บอกว่าฉันมีผลประโยชน์ไม่มากพอที่จะไปยั่วยวนตระกูลฉิน แบบนี้ฉันฉินปิงหลันก็คงขึ้นไม่ได้แล้ว จุ๊ๆๆ กลับเป็นเรื่องที่ลำบากเลย
ตู๊ดๆๆ
ตอนที่เขากำลังเคร่งเครียด ก็มีเบอร์หนึ่งโทรเข้ามา
กลุ่มทะเลแดง อีแร้ง?
หลี่เจ๋อมองหมายเหตุด้านบนเพียงพริบตาเดียว รีบไปรับเถอะ
ท่านอีแร้ง ทำไมถึงโทรหาฉันล่ะ?
เขาพูดด้วยรอยยิ้ม ภายในใจกลับเริ่มครุ่นคิด ช่วงนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับด้านผลประโยชน์กับกลุ่มทะเลแดง ถ้าพูดถึงเกิดการขัดแย้งกันจริงๆ ไม่ใช่ควรเป็นกฎระเบียบของกลุ่มเสือฟ้า ทำให้กลุ่มทะเลแดงปวดหัวมาก
หรือว่าอีแร้งนี้อยากจะให้ตัวเองช่วยจัดการกับกลุ่มเสือฟ้าเหรอ?
ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ เขาหลี่เจ๋อต้องปฏิเสธเป็นเรื่องธรรมดา ถึงแม้ไม่กลัวกลุ่มเสือฟ้า แต่ไม่อยากสร้างปัญหาโดยไม่มีสาเหตุ
แกชายหลี่เจ๋อ ลูกน้องของฉันกระทิงพยศโดนคนจัดการไปแล้ว
และคนแบบนี้ แกคงจะรู้จักเหมือน เรียกว่าเฉินอี
หา?
หลี่เจ๋อทำสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่ายังคงปฏิเสธ
เฉินอี ฉันสามารถทำได้ แต่ไม่ต้องการพึ่งพาพวกแก
เขาไม่ต้องการที่จะติดต่อกับผู้คนในแวดวงใต้ดินเหล่านี้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพราะอีกฝ่ายมีรสนิยมต่ำเกินไป
นอกจากนี้ เขาไม่เข้าใจความคิดของกลุ่มทะเลแดง เมื่อบรรลุความร่วมมือครั้งแรก จะมีครั้งที่สองและสาม
คนกลุ่มนี้เป็นเพียงแวมไพร์ที่ไม่มีวันพอใจ!
แม้ว่าตระกูลหลี่จะมีธุรกิจมากมาย แต่ก็ไม่สามารถทนต่อพวกแวมไพร์ไร้ยางอายเหล่านี้ได้
แต่อีแร้งกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจและพูดว่า: แกชายหลี่เจ๋อ แกคงเห็นด้วย เพราะเฉินอีไม่ใช่คนที่แกจะรับมือได้ และเถ้าแก่ของเราก็รู้จักเขาดี
ไม่เชื่อแกก็ลองดูความอดทนของเฉินอีท่านนี้ก่อน!