ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 57 ถ้าเกิดฉันไม่อยู่แล้ว
เฉินฝูดูถูกเป็นอย่างมาก
ต่อให้เขาที่ตอนแรกเป็นแค่คนใช้คนหนึ่งของตระกูลเฉิน แค่เพิ่งพาการประจบประแจงให้นายหญิงแห่งตระกูลเฉินดีใจ ถึงได้รับการประทานให้มีแซ่ว่าเฉิน และได้เข้าไปเป็นเฉินซื่อกรุ๊ปสายอ้อม
แต่เขาดูหมิ่นเฉินอีอย่างมาก
เป็นแค่สุนับกลางถนนคนหนึ่ง ต่อให้มีโอกาสสร้างอำนาจของตัวเอง แต่ยังไงก็เป็นไอ้คนชั้นต่ำที่ไม่เข้าพวกอยู่ดี
เหอะๆ ตามความคาดเดาของฉัน คิดว่าไอ้เฉินอีคงใช้ชื่อเสียงของตระกูลเฉินดำเนินงานด้านนอก นี่ถือเป็นการทำงานชื่อเสียงของตระกูลเฉินต้องแปดเปื้อน ถ้าฉันสามารถจัดการเฉินอี คิดว่านายหญิงก็คงจะมีความสุขอย่างมาก
เฉินฝูยิ่งคิดแบบนี้ ความตื่นเต้นในใจก็อยากจะกลั้นไว้
พ่อบ้านของเขาผงกหัวเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น องค์ชายพูดได้มีเหตุผลครับ แค่พวกเราแฉเฉินอี เขาจะไม่เหลืออะไรเลย เหอะๆ ถึงเวลาให้เขารู้ว่าอะไรที่เรียกว่าการทรยศ
……..
เถ้าแก่ เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ
ในรถปอร์เช่คันหนึ่ง วังจ่างหลินและเซียวเทียนหู่ก็เล่าเรื่องอย่างละเอียด แล้วลอบมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเฉินอี สังเกตเห็นคนด้านหลังไม่สื่อความรู้สึกใดๆเลย
อืม
เขานิ่งสงบอย่างมาก แม้กระทั่งยังพูดด้วยเสียงเรียบเฉยเล็กน้อย
เถ้าแก่ ท่านรู้ว่าเฉินฝูมีตำแหน่งอะไรในตระกูลเฉินไหมครับ?
วังจ่างหลินอดถามแบบนี้ไม่ได้
เซียวเทียนหู่ก็มองไปและติดตามเป็นอย่างดี
เฉินฝูน่ะ
นัยน์ตาของเฉินอีเปล่งประกายแสงอันเลือดเย็น ฉันเคยได้ยินอยู่แล้ว ทีแรกเขาไม่ได้แซ่เฉิน เป็นแค่คนที่สนิทสนมกับตระกูลเฉินของฉันในตอนนั้น
นึกไม่ถึงว่าเวลาเปลี่ยนไป คนใช้คนหนึ่งในตอนนั้นก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเฉิน แม่เลี้ยงของฉันมีวิธีที่ไม่เลวจริงๆ
เขายกมุมปากขึ้น แล้วพูดขึ้นต่อ พวกนายทำเรื่องของตัวเองไปเถอะ ตอนนี้พวกนายยังรับมือกับคนอย่างเฉินฝูไม่ได้
ฉันก็ไม่มีกำลังคนมากพอที่จะไปปกป้องพวกนายได้ ดังนั้นพวกนายต่างก็ส่งคนออกมา ฉันจะเป็นคนฝึกฝนเอง รอให้ฝึกสำเร็จแล้วค่อยคืนให้พวกนาย
ฝึกฝน?
วังจ่างหลินและเซียวเทียนหู่สบตากันเพียงแวบเดียว แล้วมองหน้ากัน
พวกเขาเคยเห็นหงส์แดง เสือขาวและมังกรเขียวลงไม้ลงมือ กลับไม่เคยเห็นเฉินอีลงมือเลย
อีกอย่าง เฉินอีเป็นตั้งผู้ควบคุมอำนาจ หรือว่าตำแหน่งสูงน่าเกรงขาม ทว่าพลังการต่อสู้ของตัวเองกลับไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง
ผู้ที่เก่งกาจย่อมมีตำแหน่งก็เป็นเรื่องที่พบเห็นกันทั่วไปอยู่แล้ว
ทว่าผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งจะมีพลังที่เก่งกาจหรือไม่ กลับเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน
ทุกฝ่ายส่งมาให้ฉันสิบห้าถึงยี่สิบคน พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย ผ่านไปไม่รอแล้ว
เฉินอีก็ขี้เกียจไปเรียกร้อง
จึงผายมือให้พวกเขาสองคนจากไป
เซียวเทียนหู่และวังจ่างหลินที่ลงจากรถก็รีบไปหามังกรเขียวเลย
คุณมังกรเขียว เมื่อกี้เถ้าแก่บอกว่าหาคนที่จะเป็นผู้สนับสนุนทางกำลังการต่อสู้ไปเข้ารับการฝึกฝน คือว่าท่านจะเป็นคนฝึกฝนด้วยตัวเองเหรอ?
มังกรเขียวตะลึงงันก่อน แล้วส่ายหน้า ฉันไม่เคยได้ยินเลย
เขามองมังกรหนึ่งและไม่กี่คนอีกครั้ง แล้วส่ายหัวแสดงให้เห็นว่าไม่รู้
ครั้งนี้วังจ่างหลินและเซียวเทียนหู่รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย
เถ้าแก่เกิดมามีฐานะสูงส่ง จะเป็นคนฝึกฝนลูกน้องของพวกเราด้วยตัวเองได้ยังไง?
ใช่ เขามีธุระต้องยุ่งมากมาย คงไม่จำเป็นหรอก
มังกรเขียวและมังกรหนึ่งและคนอื่นๆได้ยิน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ทั้งรู้สึกอิจฉาและเกลียดชัง
สีหน้าที่เปลี่ยนไปของทุกคนทำให้เซียวเทียนหู่และวังจ่างหลินตะลึงงันไปเลย
คุณมังกรเขียว นี่พวกคุณ?
พวกคุณสองคนไม่รู้จักเห็นค่าในสิ่งที่ตัวเองมี มีเจ้ามังกรฝึกฝนด้วยตัวเอง ลูกน้องของคุณยิ่งกว่าถูกหวยอีก
พวกเขาเคยเห็นหงส์แดง เสือขาวและมังกรเขียวลงไม้ลงมือ กลับไม่เคยเห็นเฉินอีลงมือเลย
อีกอย่าง เฉินอีเป็นตั้งผู้ควบคุมอำนาจ หรือว่าตำแหน่งสูงน่าเกรงขาม ทว่าพลังการต่อสู้ของตัวเองกลับไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง
ผู้ที่เก่งกาจย่อมมีตำแหน่งก็เป็นเรื่องที่พบเห็นกันทั่วไปอยู่แล้ว
ทว่าผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งจะมีพลังที่เก่งกาจหรือไม่ กลับเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน
ทุกฝ่ายส่งมาให้ฉันสิบห้าถึงยี่สิบคน พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย ผ่านไปไม่รอแล้ว
เฉินอีก็ขี้เกียจไปเรียกร้อง
จึงผายมือให้พวกเขาสองคนจากไป
เซียวเทียนหู่และวังจ่างหลินที่ลงจากรถก็รีบไปหามังกรเขียวเลย
คุณมังกรเขียว เมื่อกี้เถ้าแก่บอกว่าหาคนที่จะเป็นผู้สนับสนุนทางกำลังการต่อสู้ไปเข้ารับการฝึกฝน คือว่าท่านจะเป็นคนฝึกฝนด้วยตัวเองเหรอ?
มังกรเขียวตะลึงงันก่อน แล้วส่ายหน้า ฉันไม่เคยได้ยินเลย
เขามองมังกรหนึ่งและไม่กี่คนอีกครั้ง แล้วส่ายหัวแสดงให้เห็นว่าไม่รู้
ครั้งนี้วังจ่างหลินและเซียวเทียนหู่รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย
เถ้าแก่เกิดมามีฐานะสูงส่ง จะเป็นคนฝึกฝนลูกน้องของพวกเราด้วยตัวเองได้ยังไง?
ใช่ เขามีธุระต้องยุ่งมากมาย คงไม่จำเป็นหรอก
มังกรเขียวและมังกรหนึ่งและคนอื่นๆได้ยิน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ทั้งรู้สึกอิจฉาและเกลียดชัง
สีหน้าที่เปลี่ยนไปของทุกคนทำให้เซียวเทียนหู่และวังจ่างหลินตะลึงงันไปเลย
คุณมังกรเขียว นี่พวกคุณ?
พวกคุณสองคนไม่รู้จักเห็นค่าในสิ่งที่ตัวเองมี มีเจ้ามังกรฝึกฝนด้วยตัวเอง ลูกน้องของคุณยิ่งกว่าถูกหวยอีก
รีบกลับไปเลือกเถอะ มากสุดสองสามเดือน ความสามารถของลูกน้องพวกคุณก็จะเพิ่มเยอะขึ้น…….
มังกรเก้าบอกว่ามากสุด เธอมองเซีวเทียนหู่เพียงปราดเดียว แล้วพูดด้วยความจริงจังอย่างมาก อย่างน้อยก็สามารถอยู่ระดับเดียวกับคุณแล้ว
เซียวเทียนหู่ …….
พวกเขารู้สึกว่าคนกลุ่มนี้บ้าไปแล้วใช่ไหม
ยังบอกว่าเฉินอีเป็นปรมาจารย์ที่ลึกลับไม่ปรากฏให้ใครเห็นคนหนึ่ง?!
ทั้งสองจึงกลับไปด้วยความฉงนสงสัย
ตอนกลางดึก
เฉินอีนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเงียบๆ
แค่ภายนอกเขาดูเหมือนจะนิ่งสงบ ภายในใจกลับว้าวุ่นเป็นอย่างมาก
แต่กๆๆๆ!
เสียงฝีเท้าดังขึ้นเป็นช่วงๆ นั่นก็คือฉินปิงหลันและเจ้าหญิงสองคนที่น่าติดตาม
เสื้อผ้าชุดนี้ยังพอโอเคไหม?
ฉินปิงหลันพยายามพูดด้วยเสียงเรียบ ทว่าหน้ากลับแดงระเรื่ออย่างมาก
เธออยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้า ทั้งตัวเหมือนกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อน
เธอดูงดงามน่าดึงดูด และดูอ่อนช้อยมากๆ
เฉินอีไม่ละสายตาไปทางอื่น สุดท้ายยังคงต้องโต๋วโต๋วที่วิ่งไปจนทำให้เขาได้สติกลับมา
พ่อร้ายจริงๆ จ้องแม่ตลอดเวลาเลย
ฮึๆๆ
โต๋วโต๋วพูดไป โนว่โน่วก็ยิ้มขึ้น
เฉินอีและฉินปิงหลันหน้าแดงยิ่งขึ้น
ไปๆๆ ยัยหนูสองคนจะรู้เรื่องอะไรล่ะ!
เฉินอีตบก้นของลูกสาวคนโตและลูกสาวคนเล็ก แกล้งทำเป็นโกรธ
พ่อ พ่อประเมินโต๋วโต๋วต่ำเกินไปแล้ว พวกพ่อเรียกนี่ว่าความรัก และพ่อคงไม่ใช่ว่ายังไม่เคยมีความรักใช่ไหม
โต๋วโต๋วพูดขึ้นยิ้มๆ
มือน้อยๆของเฉินอีกำลังตบตี โนว่โน่วก็ตบตาม ยัยหนูน้อยทั้งสองคนดูมีความสุขอย่างชัดเจน
โต๋วโต๋ว โนว่โน่ว อย่าซนสิ
ไม่ได้ซนนะคะ อีกอย่างพวกเรายังต้องไปนอนห้องอื่นอีก มีเพียงแบบนี้ถึงจะไม่รบกวนเวลาพ่อแม่ปั๊มน้องสาวหรือน้องชาย
โต๋วโต๋วและโนว่โน่วพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง
เธออุ้มลูกสาวสองคนนี้ไว้ แล้วพูดด้วยสีหน้าที่เหมือนครุ่นคิดอย่างละเอียด น้ามังกรเขียวเป็นคนบอกพวกหนูใช่ไหม?
ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่
โต๋วโต๋วปฏิเสธกลับโดยตรง
โนว่โน่วก็เหมือนกัน
ฉินปิงหลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามขึ้นอีกครั้ง เด็กที่ซื่อสัตย์มีลูกอมกินนะ?
ไม่ได้ น้ามังกรเขียวบอกแล้วว่าพวกเราห้ามหักหลังเขาเด็ดขาด!
โต๋วโต๋วพูดด้วยความชอบธรรม โนว่โน่วที่มองอยู่ก็ทำหน้าอึ้งไปทันที
สีหน้าของเฉินอียิ่งอยู่ยิ่งบูดบึ้ง
มังกรเขียว คืนนี้ขึ้นไปซ่อมกับฉัน ถ้ายังไม่ตายก็ห้ามพัก
ตู๊ดๆๆ!
มังกรเขียวที่ถูกวางสาย …….
ตอนที่กำลังกล่อมเจ้าหญิงน้อยสองคนนอน หลังจากเห็นว่าพวกเธอหลับฝันดีแล้ว เฉินอีและฉินปิงหลันก็เดินมาในห้องรับแขก
เฉินอีมองฉินปิงหลัน
เขาดูออกตั้งแต่เนิ่นๆแล้วว่าฉินปิงหลันดูสงสัยอย่างมาก และจ้องจะถามเรื่องที่เกิดขึ้นของตระกูลฉินเมื่อตอนกลางวันนี้
ฉินปิงหลันอยากถามจริงๆ เธออยากรู้ว่าเฉินอีใช้วิธีอะไรกันแน่ ถึงได้ข้อมูลและเอกสารภายในตระกูลฉิน แล้วยังมีหลักฐานการกระทำผิด
แต่เวลานี้ ตอนที่เฉินอีพูดออกมาก่อน จู่ๆ ฉินปิงหลันก็ถามไม่ออก
ไม่ ฉันไม่มีคำถามอยากถามคุณแล้ว
ฉันแค่อยากบอกคุณว่า โต๋วโต๋วและโนว่โน่วชอบคุณมาก และพึ่งพาคุณมาก
ถ้าเกิดวันข้างหน้าฉันไม่อยู่เคียงข้างพวกเธอแล้ว คุณจะตอบตกลงกับฉันได้ไหมว่าจะดูแลพวกเธอเป็นอย่างดี?
ฉันหมายถึงถ้าเกิด ยังไงวตอนนี้ทุกอย่างซับซ้อน ฉันไม่รู้ว่าท่านย่าจะทำยังไง รวมไปถึงหลี่เจ๋อแห่วตระกูลหลี่ ฉันกลัวว่าถึงวันนั้นฉันจะไม่สามารถอยู่เคียงข้างโต๋วโต๋วและโนว่โน่วอีก
ฉินปิงหลันพูดเสียงต่ำ
และจนปัญญาอย่างมาก