ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 77 เสร็จสิ้นสัญญา
ประธานฉิน ตั้งหน้าตั้งตารอคอยในที่สุดก็ได้สักทีนะท่าน ฮ่าฮ่าฮ่า!
ได้ยินเสียงก่อนที่จะเห็นตัว
ฉินหวยจือได้ยินเสียงของวังจ่างหลินหลายครั้งหลายคราในโทรทัศน์และนั่นทำให้เขารู้สึกเพ้อฝันถึงมันเล็กน้อย เขารีบลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะต้อนรับบอสใหญ่ประธานวัง
แต่ว่า!
เฮ้ ประธานฉินล่ะ?
ประตูถูกเปิดออกแต่ฉินหวยจือกลับได้ยินประโยคคำถามนี้จากวังจ่างหลิน
ฉินหวยจือรีบแนะนำตัวเอง ประธานวัง ผมคือประธานของฉินซื่อกรุ๊ป ครั้งนี้ช่างน่าละอายจริงๆที่ต้องรบกวนเวลาการทำงานของประธานวังเพื่อมาสนใจแผนงานของเราฉินซื่อกรุ๊ป
ขณะที่พูดเขาก็ได้ดึงแผนงานการออกแบบของทีมออกมาแต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีทุกๆคนก็ต่างหยุดอยู่กับที่
ไม่ อย่าเพิ่งรีบร้อนไป คุณบอกว่าเป็นประธานของฉินซื่อกรุ๊ป เป็นไปได้ไหมว่าคุณคือฉินหวยจือ?
ฉินหวยจือรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ถูกต้องครับ
นึกไม่ถึงเลยว่าวังจ่างหลินจะจำชื่อของเขาได้
งั้นเชิญคุณกลับไปเถอะ คนที่ฉันอยากเจอไม่ใช่คุณ
คำพูดของวังจ่างหลินนั้นเกือบทำให้ฉินหวยจือเซล้มลงไปกับพื้น เขาเงยหน้าขึ้นมารู้สึกยากที่จะเชื่อ เมื่อเห็นวังจ่างหลินกำลังจะจากไป เขาจึงรีบวิ่งขึ้นไปแต่กลับถูกเยว่ชูหลิงเข้ามาขวางไว้
ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่เราทำตัวเซ่อซ่าจำคนผิดแบบนี้ เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ
หล่อนรู้สึกละอายเล็กน้อย หล่อนเป็นคนที่ทำให้มันไม่ชัดเจนและรีบร้อนรายงานเกินไป
ฉินหวยจือนั้นไม่ยอมแพ้และต้องการที่จะถามออกไป ขณะนั้นเองโทรศัพท์ของวังจ่างหลินก็ดังขึ้น
สวัสดีครับคุณมังกรเขียว
อะไรนะ?ประธานฉินมาแล้วแต่ว่าโดนไล่กลับไปงั้นเหรอ?
เอาล่ะเอาล่ะ เดี๋ยวผมจะรีบลงไปขอโทษประธานฉินเดี๋ยวนี้ ขอบคุณคุณมังกรเขียวนะครับ
เมื่อวางสายเสร็จ วังจ่างหลินก็รีบเดินออกไป ฉินหวยจือและอีกสามคนได้แต่มองอย่างตกอกตกใจ
คุณมังกรเขียว
ทำไมชื่อนี้ถึงฟังดูคุ้นหูนัก
พวกเขาคิดไปคิดมาแต่ก็นึกกันไม่ออกอยู่ดี
ฉินหวยจือพูดด้วยความเกลียดชัง ไปดูกันเถอะ ฉันก็อยากดูเหมือนกันว่าใครกันแน่ที่เป็นประธานฉิน
ในเวลาสั้นๆเพียงครึ่งชั่วโมง กล่าวได้เลยว่าเหมือนขึ้นสวรรค์แล้วตกลงนรกในทันที อารมณ์ของเขาไม่ดีเป็นอย่างมาก
เพียงแต่พวกเขาช้าไปหนึ่งก้าว ประธานฉินผู้ลึกลับคนนี้ได้ขึ้นมาชั้นบนของตึกแล้ว
พวกนายไปดูมาซิว่า ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างนอกจากตระกูลเราแล้วยังมีใครที่เป็นประธานแซ่ฉินอีก
ฉินหวยจือเตือนสติ เขาจะต้องทำให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง
แต่เมื่อหันศีรษะกลับมา เขาก็ต้องพบกับร่างที่คุ้นเคย
เฉินอี?!
ฉินหวยจือก้าวเท้าไปหาเฉินอีพร้อมกับถามอย่างเคลือบแคลงใจ แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
เฉินอีสูบบุหรี่ ขี้เกียจที่จะไปสนใจเขา
นี่มึงดูถูกกูใช่ไหม!
ใจของฉินหวยจือเต็มไปด้วยความโกรธ
เมื่อก่อนวังซื่อกรุ๊ปเคยถูกทำให้อับอายขายขี้หน้ามาแล้วหนหนึ่ง ส่งผลให้ชายผู้หยาบคายและรู้จักแต่เรื่องความรุนแรงนี้กล้ามาดูถูกตนได้
ในครั้งนี้ เฉินอีรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ไสหัวไปซะ!
เขาพูดคำสี่คำออกมาด้วยเสียงอันแผ่นเบาและเย็นชา
ฉินหวยจือเองก็รู้สึกรำคาญขึ้นเรื่อยๆแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะไปมีเรื่องกับเฉินอี
เรื่องตลกก็คือเขายังจำครั้งก่อนที่ถูกเฉินอีตีจนลงไปกองกับพื้นได้อยู่เลย ความทรงจำยังเด่นชัดเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น
เฉินอี ดี ดีมากเลยนะแกน่ะ อย่าให้ฉันต้องเห็นหน้าแกอีกไม่อย่างนั้นล่ะก็ฉันจัดคนมาฆ่าแกให้ตายซะ
ฉินหวยจือพูดข่มขู่
เฉินอียิ้มเบาๆ เขาไม่คิดว่าอย่างนั้นนะ ฉินหวยจือที่กำลังโกรธจนจะระเบิดออกมาอยู่แล้วแต่กลับเดินออกไปอย่างบ้าบิ่นซะนี่
ประธานฉิน คงไม่ใช่ว่าประธานฉินคนที่วังจ่างหลินรอพบคือฉินปิงหลันหรอกใช่ไหม?
ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินพูดกระซิบกระซาบ
ฉินหวยจือมองไปที่อีกฝ่ายอย่างดุเดือด นี่นายกำลังจะบอกว่าฉันเก่งสู้อีตัวอย่างฉินปิงหลันไม่ได้งั้นเหรอ?
ไม่ ไม่ใช่
ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินส่ายหัวปฏิเสธไป
ขณะนี้เอง เลขาของฉินหวยจือก็ได้พูดขึ้นมาว่า ฉันเพิ่งได้รับข่าวมาว่าเฉินอีเป็นพนักงานระดับล่างของวังซื่อกรุ๊ป อีกทั้งแต่ก่อนก็ยังอยู่ในรายชื่อของเหยียนเลว่อีกด้วย
โอ้?
เมื่อฉินหวยจือได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย งั้นนี่ก็เป็นสิ่งที่อธิบายได้ว่าทำไมเฉินอีถึงมาอยู่ที่นี่
จริงด้วย เรื่องในครั้งนี้พวกนายต้องปิดปากเงียบให้สนิท อย่าให้ได้ยินไปถึงหูของคุณย่าล่ะไม่อย่างนั้นล่ะก็ฉันไม่ให้อภัยพวกนายแน่ ได้ยินไหม?
ทั้งสามคนพากันพยักหน้าพร้อมกับตอบรับ
ทุกคนรู้ความคิดของท่านย่าฉินดีว่าอนาคตของฉินซื่อกรุ๊ปจะอยู่ในกำมือของฉินหวยจือ ใครจะกล้าไปทำให้อนาคตเถ้าแก่ต้องขุ่นเคืองใจกันล่ะ
เมื่อเห็นท่าทางของแต่ละคน ฉฺนหวยจือก็พยักหน้าออกมาด้วยความพอใจจากนั้นก็มองไปไกลๆด้วยความเย็นชาในทันที
ครั้งนี้เราจะจัดการปัญหาโดยบอกว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างฉินหิงหลันกับเหยียนเลว่ก็แล้วกัน หลังจากที่ความลับถูกเปิดเผย เหยียนเลว่ก็ถูกไล่ออกจากตำแหน่งไปและฉินปิงหลันได้ทำลายเราโดยการไปทำให้วังซื่อกรุ๊ปต้องขุ่นเคือง เข้าใจไหม?
เข้าใจครับ เข้าใจ
ทั้งสามคนมองหน้ากันและเข้าใจทุกๆอย่างดี
ฉินปิงหลันซวยแน่
ในเวลานี้ฉินปิงหลันที่กำลังเดินอยู่บนทางเดินของวังซื่อกรุ๊ปด้วยความกลัวสุดขีด จากนั้นก็ได้รับการต้อนรับจากวังจ่างหลินในห้องประชุม
ประธานฉิน ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ เมื่อสักครู่เป็นความผิดพลาดของทางเราเองครับ ผมลืมไปเสียสนิทว่าฉินซื่อกรุ๊ปในตอนนี้มีระบบการทำงานโดยใช้ประธานสองคนรักษาการแทน
นี่เป็นหลายต่อหลายครั้งที่วังจ่างหลินแสดงความขอโทษออกมา
ฉินปิงหลันรีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า ประธานวังเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ ฉันไม่ดีเอง ฉันควรจะโทรติดต่อท่านเสียหน่อย
จริงๆก็โทษอะไรเธอไม่ได้
ตามหลักปกติแล้วก็คงไม่มีใครกล้าไปเร่งรัดคนใหญ่คนโตอย่างวังจ่างหลินหรอก
แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นแบบนั้น เมื่อวังจ่างหลินได้ยินสิ่งที่ฉินปิงหลันก็ถึงกับเป็นกังวล
ประธานฉินจะมาติดต่อผมได้ยังไงกันล่ะครับ ต้องเป็นผมต่างหากที่ต้องติดต่อคุณไปก่อนถึงจะถูก
คุณสุภาพขนาดนี้มันทำให้อายุขัยของฉันสั้นลงนะคะ
…
ฉินปิงหลันเต็มไปด้วยความสงสัยแต่เธอก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดใดๆ ประธานวัง พวกเรามาเข้าเรื่องหัวข้อกันเลยดีกว่าค่ะ
ครับครับได้เลย!
วังจ่างหลินรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังพูดถึงแผนงาน เยว่ชูหลิงก็จะคอยชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาดและวิธีการแก้ไขจนฉินปิงหลันนั้นเข้าใจในทุกๆอย่างและในที่สุดวังจ่างหลินก็สรุป เซ็นสัญญากันเถอะครับ
ฉินปิงหลันเซ็นสัญญาและออกไปอย่างสติไม่ค่อนอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่
เยว่ชูหลิงเหลือบมองไปที่วังจ่างหลินอย่างสงสัย ประธานวังคะ แม้ว่าแผนงานของคุณฉินนั้นจะถือว่าไม่เลวเลยก็ตามแต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องด่วนสรุปเร็วขนาดนี้ก็ได้นี่คะ เราสามารถรอให้เธอแก้ไขแผนงานก่อนหรืออาจจะมีแผนงานแบบใหม่ที่ดีกว่าเดิมก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้งก็ได้
วังจ่างหลินโบกมือพร้อมกับพูดว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันตัดสินใจหรอกนะ
เมื่อพูดจบก็ทิ้งให้เยว่ชูหลิงที่ตกใจจนพูดอะไรไม่ออกให้อยู่คนเดียว
อะไรคือการบอกว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่สามารถตัดสินใจได้กัน?
วังจ่างหลินเป็นเถ้าแก่ของวังซื่อกรุ๊ป ถ้าไม่ใช่เขาตัดสินแล้วจะมีใครมาตัดสินได้อีกล่ะ?
เยว่ชูหลิงเต็มไปด้วยความสงสัย จากนั้นก็มองไปมองมาก็เห็นร่างของฉินปิงหลันเดินออกไปกับผู้ชายคนหนึ่ง
ผู้ชายคนนี้ดูคุ้นตาจังเลย ดูเหมือนว่าจะเป็นลูกน้องของหล่อนที่เป็นพนักงานใหม่ที่เพิ่งเข้ามา
เยว่ชูหลิงเปิดแฟ้มดูเพื่อยืนยันความสงสัยของหล่อน
ในตอนนี้ดูเหมือนว่าหล่อนจะพบความจริงเข้าให้แล้ว
เหอะเหอะ ฉันถึงบอกไงล่ะว่าเรื่องนี้มันประหลาดเกินไป ดูเหมือนว่าชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่นี้จะเป็นคนที่แปลกๆอยู่นะ
มาทำงานได้ไม่กี่วันก็ลางานไปตั้งสามวันแล้วแถมยังมาสายและออกงานไวอีกต่างหาก ต้องเป็นคนที่ไว้วานให้ประธานวังนำญาติเข้ามาแทรกแซงงานแน่ๆ
ประธานวังเป็นคนเที่ยงธรรมไม่ไว้แก่หน้าใครทั้งนั้น เขาไม่มีทางที่จะรับคนประเภทนี้เข้ามาแน่ๆ ครั้งนี้คงจะต้องมีเรื่องให้ลำบากใจแน่ๆถึงได้ทำขนาดนี้