ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 79 พวกเธออย่าเสียใจก็แล้วกัน
หล่อนไม่ได้สนใจว่าจะได้เจรจาคุยงานกับวังซื่อกรุ๊ปหรือไม่
ฉินโร่ซีต้องการให้ชื่อเสียงของฉินปิงหลันป่นปี้และตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างไม่รู้จบก็เท่านั้น
จะบอกว่าหล่อนมีความสามารถไหมก็ถือว่ามีแต่ก็เป็นการเล่นทำตัวหยาบคายแบบนี้ตลอด จะบอกว่าหล่อนไม่มีความสามารถก็สามารถพูดได้ว่าไม่มีความสามารถอะไรเลยสักนิดเดียว มองเห็นแต่ความสุขของตนเองและไม่ได้มองภาพรวมอะไรอื่นเลย
เมื่อเทียบกับหล่อนแล้ว การที่ฉินปิงหลันอดกลั้นความโกรธของตนและไม่พูดอะไรออกมาก็เป็นการหาประโยชน์ให้กับตระกูลได้เช่นกันและมันถือเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากเลยล่ะ
ต่างคนต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเองและท้ายที่สุดก็ไม่มีใครให้ความสนใจกับคำพูดของฉินต้าเจียงนัก
แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็พบร่างของคนสองคนเข้ามาจากด้านนอก
เฉินอี ฉินปิงหลัน
แม่มึง ฉันไม่ได้บอกไปแล้วเหรอไงว่าไม่อนุญาตให้พวกเธอย่างกรายเข้ามาอีก?
ฉินหวยจือเป็นคนแรกที่เอ่ยปากขึ้นมาแต่เมื่อได้เผชิญหน้ากับดวงตาอันเย็นชาของเฉินอี เขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องหดคอกลับลงไปพร้อมกับหันไปมองคุณย่าฉินที่กำลังดูสับสนวุ่นวาย
ทำไมฉันถึงมีหลานที่ขี้ขลาดเช่นนี้!
แต่เขาไม่สามารถตำหนิคนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งต่อหน้าคนอื่นได้และจากนั้นก็ได้เหลือบมองไปที่เฉินอี
หนุ่มน้อยดูเหมือนว่านายจะแพ้ข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างนายกับฉันแล้ว ตอนนี้ตำแหน่งประธานของฉินซื่อกรุ๊ปจะเป็นของหวยจือ มีปัญหาอะไรไหม?
อย่าคิดที่จะมาข่มขู่อะไรฉัน ไม่มีประโยชน์
หล่อนพูดออกมาอย่างมั่นใจ
เฉินอีรู้อยู่แล้วว่าวิธีนี้ไร้ประโยชน์เพราะว่าช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้คุณย่าฉินได้ทำการอุดช่องโหว่ต่างๆไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว หลักฐานที่อยู่ในมือของเขาก็เป็นแค่เศษกระดาษกองหนึ่งเท่านั้น
เหอะเหอะ ท่านย่า ท่านนี่แข็งแกร่งกว่าลูกหลานของท่านมากเลยนะครับ อย่างน้อยวิธีการก็ดีกว่ามาก
แต่ท่านคิดว่าในครั้งนี้ท่านชนะแล้วงั้นเหรอครับ?
ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ?
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเฉินอี คุณย่าฉินจะไม่กล้าที่ทำตัวแบบตาต่อตาฟันต่อฟันสักเท่าไหร่และทำได้แค่เพียงพลิกแพลงตามสถานการณ์ไปก็เท่านั้น
วิธีการของชายหนุ่มคนนี้นั้นไม่ใช่สิ่งที่เด็กรุ่นหลังจะสามารถไปโต้แย้งได้ ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาจะมีลูกไม้อะไรอีก
แต่ฉินหวยจือนั้นไม่รู้ถึงความคิดของคุณย่าที่ต้องการเป็นโล่กำบังให้แก่เขา ดังนั้นเขาจึงพรวดพราดออกไป เฉินอี ฉันรู้ว่านายต่อสู้ได้แต่ตอนนี้บ้านเมืองมีขื่อมีแป ถ้านายทำอะไรฉันล่ะก็ฉันจะแจ้งตำรวจเลยคอยดู!
เนื่องจากอีกฝ่ายไม่มีจุดอ่อนของตระกูลดังนั้นเขาจึงสามารถทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ หากอีกฝ่ายลงมือเขาก็แค่โทรแจ้งตำรวจก็เท่านั้น
จากนั้นก็ได้มองไปที่ฉินปิงหลันพร้อมกับเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำอีก ฉินปิงหลัน พูดมาเถอะว่าเธอไปนอนร่วมเตียงกับเหยียนเลว่ได้ยังไงกันอีกทั้งจะทำทั้งทียังทำให้ถูกจับได้จนเหยียนเลว่โดนไล่ออกอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังไปทำให้วังซื่อกรุ๊ปไม่เชื่อมั่นในพวกเรา บาปเธอมันหนักหนานัก
คำพูดของฉินหวยจือนั้นชั่วร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย เขาอธิบายพูดทุกอย่างทำให้ฉินปิงหลันกลายเป็นอีตัวคนหนึ่งและใช้คุณธรรมอันสูงส่งนี้โจมตีอีกฝ่ายจนสำเร็จ
หรือจะพูดได้ว่าเขาไม่เชื่อว่าเฉินอีจะไม่รู้สึกอะไรเพียงแต่กลัวว่าจะไปตบปากของฉินปิงหลันเข้าให้น่ะสิ
ทำให้คนมาเป็นศัตรูกันเอง ฉันนี่ถือว่าฉลาดมากจริงๆ
ฉินหวยจือภูมิใจเป็นอย่างมาก ส่วนฉินโร่ซีที่อยู่ข้างก็พูดอีกว่า ฉินปิงหลัน ยังไงซะเธอก็เป็นพี่สาวของฉัน กล้าทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน?ช่างเสื่อมเสียต่อประเพณีและศีลธรรมอันดีงามจริงๆ!
หล่อนมองไปที่ฉินปิงหลันด้วยท่าทางโอหังอวดดีและต้องการที่จะเห็นชายหนุ่มคนนี้ผิดหวัง
เป็นดังที่คาดไว้ว่าฉินปิงหลันในตอนนี้นั้นดูไม่ค่อยสู้ดีนักและนั่นทำให้ฉินโร่ซีใจร้อนที่จะพูดประชดแดกดันมากขึ้นไปอีก
เพียงแต่!
ใครจะพูดอะไรเกี่ยวกับภรรยาฉันก็ได้แต่พวกเธอสองคนไม่มีสิทธิ์
คนหนึ่งหลอกว่าตัวเองเป็นภรรยาของฉันเพื่อไปพบกับวังจ่างหลิน ส่วนอีกคนก็ผู้หญิงใจง่ายที่ชอบใส่ร้ายคนอื่น พวกเธอมันก็แค่คนเลวสองคนที่สมรู้ร่วมคิดกันก็เท่านั้นแหละ
เฉินอียังคงพูดจาอย่างฉะฉาน
ฉินหวยจือและฉินโร่ซีโกรธมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้
เฉินอี ถ้าจะให้ดีก็สงบปากสงบคำเอาไว้ดีกว่า
อะไรที่เรียกว่าฉันแสร้งทำเป็นฉินปิงหลันกัน?นายคิดว่าฉันจะต้องแสร้งทำตัวเป็นผู้หญิงเลวๆแบบนี้หรอกเหรอ?น่าตลกสิ้นดี!
สองคนต่างผลัดกันพูดไปมาเพื่อต้องระงับความเย่อหยิ่งของเฉินอี
พวกเขาคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าในช่วงเวลาแบบนี้ทำไมเฉินอีถึงยังพูดได้อีก
อยากจะตีให้ปากแตกเสียจริง
เฉินอีนั้นมองความคิดของทั้งสองคนออกจึงหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับหยิบเอกสารออกมาและโยนไปที่ด้านหน้าของคุณย่าฉิน
ท่านย่าดูเอาเองเถอะ โครงการนี้จะทำได้สำเร็จไหมก็ขึ้นอยู่กับพวกคุณเองและสำหรับพวกเรา เหอะเหอะไม่จำเป็นต้องให้ผู้สูงอายุอย่างท่านต้องมาเป็นห่วงหรอก หวังว่าจะไม่มารบกวนความสุขของครอบครัวที่ได้อยู่รวมตัวกันทั่วหน้าของผม ปิงหลันและลูกสาวสุดที่รักของเราสองคนอีกนะครับ
เมื่อพูดจบก็ได้ดึงฉินปิงหลันออกไป
แม่มึงสิ ใครจะไปรบกวนพวกแกกัน ไหนจะฉินปิงหลันที่อีกสองวันก็ต้องไปนอนร่วมเตียงกับคุณชายหลี่เจ๋อแล้ว ได้ยินไหม!
ฉินปิงซินเป็นคนพูดเริ่ม
หลิวหลันที่ต้องการพูดถึงฉินปิงหลันยังไม่ทันได้เอ่ยปาก คุณย่าฉินก็ได้ยกมือขึ้นมา
เงียบกันให้หมดเลย!
เสียงของคุณย่าฉินไม่ได้ดังจนเกินไปแต่ช่างดูน่าเกรงขามนัก ทุกๆคนตรงนั้นต่างพากันเงียบลง
คุณย่าเกิดอะไรขึ้น?
เมื่อฉินหวยจือและฉินโร่ซีมองกลับไปก็เห็นคุณย่าฉินกำลังดูเอกสารที่เฉินอีทิ้งเอาไว้อย่างละเอียด
ก่อนหน้านี้อารมณ์ของคุณย่าฉินยังคงกระวนกระวายอยู่ เดิมทีหล่อนคิดว่าเฉินอีได้พบกับเบาะแสและช่องโหว่ของธุรกิจตระกูลฉินเข้าให้แล้วเสียอีก
แต่มันไม่ใช่ แต่เอกสารฉบับนี้เกือบทำให้หัวใจของหล่อนแทบหยุดเต้นจนแทบหายใจไม่ออก
นี่ นี่มันคือโครงการสัญญากับวังซื่อกรุ๊ปนี่อีกทั้งยังเต็มจำนวนหนึ่งร้อยล้านหยวนอีกด้วย!
คุณย่าฉินอ้าปากกว้าง ร่างกายของหล่อนไม่ไหวติง
ห้องโถงใหญ่นั้นเงียบสนิท
ปฏิกิริยาของฉินต้าซานนั้นไวที่สุด เขาหยิบเอกสารในมือของคุณย่าฉินมาอย่างละเอียดถึงสี่รอบจากนั้นส่งต่อให้พี่สามและพี่สี่
เมื่อรวมกับท่านย่า พวกเขายืนยันไปแล้วไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง
นี่เป็นตราประทับของวังซื่อกรุ๊ปจริงๆ ฉันเคยเห็นมาก่อนและไม่มีทางที่มันจะเป็นของปลอมแน่
คุณย่าฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและแน่นอนว่ามีความตื่นเต้นที่มากถึงขีดสุดอยู่
หล่อนต้องการถามเฉินอีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าร่างของเฉินอีและฉินปิงหลันนั้นหายไปตั้งนานแล้ว
พวกเขาล่ะ?
คุณย่าฉินรีบลุกขึ้นพร้อมกับถามออกไป
ฉินต้าซานรีบตอบกลับไป พวกเขาไปแล้ว
อะไรนะ?
คุณย่าฉินรีบตะโกนออกไป งั้นพวกแกยังไม่รีบไปตามพวกเขามาให้ฉันอีก โครงการราคาหนึ่งร้อยล้านหยวนก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลฉินมีรายได้สามสิบถึงสี่สิบล้านเลยนะ นี่คือคนที่ทำคุนูปการที่ยิ่งใหญ่เลยนะ!
หล่อนลืมเรื่องการลงโทษฉินปิงหลันไปโดยสิ้นเชิง
ฉินต้าซานที่กำลังจะไปตามมาก็ได้ยินคำพูดของฉินหวยจือ–
คุณย่า ในเมื่อการเจรจาเรื่องสัญญาเสร็จสิ้นแล้วทำไมจะต้องให้ฉินปิงหลันไปทำกันล่ะ ให้ผมไปทำก็ได้เหมือนกันนี่?
ดวงตาของเขานั้นเป็นประกาย
นี่เป็นอาหารมื้อใหญ่ที่เหนือความคาดหมายมากๆ จะยกให้ฉินปิงหลันได้ยังไงกัน
เพียงแต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ คุณย่าที่รักและเอ็นดูเขามาตลอดจะพูดออกมาอย่างโกรธเคืองด้วยดวงตาที่ร้ายกาจว่านี่แกเห็นคำพูดของท่านย่าอย่างฉันเป็นลมตดหรือยังไงกัน?
เมื่อก่อนฉันเคยพูดเอาไว้ว่าใครที่สามารถเจรจาการทำงานร่วมกันได้จะได้เป็นประธานของบริษัท ในเมื่อฉินปิงหลันเป็นคนไปคุยเจรจา ต่อให้เธอจะทำให้ตระกูลฉินเกิดผลกระทบอะไรที่ไม่ดีแต่ตอนนี้เธอก็เป็นประธานของตระกูลฉินแล้ว!
คุณย่าฉินเป็นคนมีเกียรติ ในเมื่อพูดออกไปแล้วก็ต้องทำให้ได้
คนในตระกูลฉินนั้นรู้เรื่องนี้ดีแต่ฉินต้าซานก็ยังเอ่ยปากพูดออกมา
แม่ ไม่เห็นเหรอว่าเฉินอีไม่ได้สนใจโครงการนี้เลยแม้แต่น้อย บางทีไม่แน่ว่าฉินปิงหลันอาจใช้ร่างกายของเธอ..