ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 80 พวกเรามาพนันกันอีกสักครั้ง
ฉินต้าซานไม่ได้พูดต่อแต่ก็พอเข้าใจถึงความหมายได้
โดยเฉพาะคุณย่าฉินที่รักษาหน้าตาเกียรติยศก็อ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้เป็นอย่างมาก
ฉินต้าซาน คำพูดนี้จะเอามาพูดพล่อยๆไม่ได้ นายต้องมีหลักฐานถึงจะเอามาพูดได้
หล่อนมองเข้าไปในตาของฉินต้าซานอย่างลึกซึ้ง ท่าทางน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
ฉินต้าซานรีบพูด แม่ แม่คิดให้ดีๆนะตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมาฉินปิงหลันก็เป็นคนแบบนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอทำอะไรมาบ้างพวกเราก็ไม่รู้ พูดได้เลยว่าเมื่อเจ็ดปีก่อนที่เธอประมาทจนได้เจ้าปีศาจสองตัวนั่นออกมา ใครจะไปรับประกันได้ว่าเมื่อแปดเก้าปีที่แล้วเธอจะไม่มีนิสัยแบบนี้?
ต้องพูดได้ว่าฉินต้าซานนั้นมีพรสวรรค์ในด้านการพูดชักชวนคนในตระกูล พูดอะไรคนอื่นๆก็เชื่อตามไปกันหมดรวมไปถึงหลิวหลันผู้เป็นแม่และฉินปิงซินผู้เป็นน้องชาย
มีเพียงแต่ฉินต้าเจียงเท่านั้นที่ต้องการอธิบายแทนลูกสาวของตนแต่ก็ดันมาถูกคุณย่าฉินห้ามเอาไว้
ที่แกพูดก็มีเหตุผล
แม่!
ฉินต้าเจียงถึงกับรีบร้อน
เขาไม่คิดว่าเพียงคำพูดไม่กี่คำของฉินต้าซานจะทำให้ท่าทางของคุณย่าฉินเปลี่ยนไป
ปิงหลันไม่ใช่คนแบบนั้น เธอเองก็เคยอธิบายมาก่อนว่าเมื่อเจ็ดปีที่แล้วเฉินอีมีปัญหาทางจิต ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเป็นแน่
มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด ไม่ใช่นิสัยที่แท้จริงของฉินปิงหลันซะหน่อย
เขาต้องการที่จะอธิบายเพื่อตัวลูกสาวเขาสักหน่อย
แต่!
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแล้ว ฉันเห็นเรื่องพวกนี้และมันอยู่ในใจของฉัน เมื่อก่อนต่อให้ฉินปิงหลันจะไม่ได้ถูกยืนยันว่าทำเรื่องสกปรกๆแบบนี้ เธอก็เป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว
หวยจือ นายรับตำแหน่งเป็นประธานของฉินซื่อกรุ๊ปไป สำหรับการสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการก็รอให้นายไปเจรจาคุยกับคนของวังซื่อกรุ๊ปก่อน
คำพูดของคุณย่าฉินนั้นมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือ
ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีกลิ่นอายแห่งการเสียดสีเข้าให้แล้ว
ฉินหวยจือไม่สนใจสิ่งนี้ เมื่อเขาได้ยินคำพูดของคุณย่าฉิน ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขพร้อมกับรีบพูดออกไปว่า ขอบคุณคุณย่ามากเลยนะครับ คุณย่าวางใจได้เลย หวยจือจะทำให้งานนี้ออกมาอย่างเหมาะสมและไร้ซึ่งปัญหาใดๆเลย
เขาตบไปที่หน้าพร้อมกับสาบาน หากไม่รู้คงคิดว่าเขาเป็นผู้นำทางด้านกองทัพเป็นแน่
หลังออกจากบ้านตระกูลฉิน ฉินหวยจือก็ได้เหลือบมองไปที่หลิวหลันอย่างภาคภูมิใจ
คุณป้า คุณป้ารีบไปพูดชักชวนฉินปิงหลันและส่งเธอไปร่วมเตียงกับคุณชายหลี่เจ๋อเถอะ ไม่เช่นนั้นครอบครัวของคุณป้าก็จะเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิต
ฮ่าฮ่าฮ่า!
ฉินโร่ซีเองก็ยังคงคอยพูดเติมเชื้อเพลิงอยู่เรื่อยๆ หากพวกท่านจะโทษก็ต้องโทษลูกสาวที่ใจง่าย ไม่รู้ว่าไปนอนมากับผู้ชายกี่คนแล้ว เดาว่าคงดูไม่จืดเลยล่ะ
คนของตระกูลฉินทุกๆคนที่เดินผ่านฉินต้าเจียงก็คอยแต่เข้ามาพูดเย้ยหยัน
ใบหน้าของหลิวหลันแดงด้วยความโกรธ
ฉันไม่น่าคลอดฉินปิงหลันออกมาเลย ควรจะทำแท้งไปเลยถึงจะถูก ฉันผู้เป็นแม่แต่งงานกับคุณก็เพื่อที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่คิดเลยว่าคนเป็นพ่อก็มาพิการ ส่วนลูกสาวก็จะใจง่ายขนาดนี้
เธอโกรธจัดจนดวงตาแดงก่ำ เธอนั่งยองๆบนพื้นพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
ฉินต้าเจียงเองก็โกรธไม่แพ้กัน หลิวหลัน พอได้แล้ว!
เธอบอกว่าฉันพิการ ไม่เป็นไร ถือว่าฉันทำให้เธอขาดทุนซึ่งเธอเองก็พูดแล้ว
แต่ทำไมถึงพูดถึงลูกสาวของตัวเองแบบนี้ นั่นคือเนื้อหนังที่หลุดออกมาจากตัวเธอเอง หรือว่าเธอที่แม้แต่เป็นแม่ก็ไม่เชื่อในตัวของลูกสาวตัวเองงั้นเหรอ?
เขาโกรธจนยั้งอารมณ์แทบไม่อยู่
แต่ก่อนไม่ว่าฉินหวยจือจะพูดยังไง ฉินต้าเจียงก็ไม่เคยสนใจเพราะยังไงซะความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ได้แยกจากกันไปแล้ว
แต่หลิวหลันเป็นแม่ของฉินปิงหลัน แม้แต่แม่ก็ยังไม่เชื่อแล้วจะมีใครมาเชื่อฉินปิงหลันกันล่ะ?!
ทันใดนั้นเมื่อนึกถึงเฉินอี ฉินต้าเจียงก็กำหมัดแน่น
บางทีอาจจะมีแค่เด็กนั่นที่สามารถมอบความสุขให้กับปิงหลันได้
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเฉินอีก็ตาม
แต่จากการเผชิญหน้ากันระหว่างเฉินอีและคุณย่าฉินทั้งสองครั้งก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าเฉินอีนั้นไม่ใช่คนธรรมดาๆ
ชายหนุ่มคนนี้ต้องเป็นคนที่มีความสามารถแน่ๆเพียงแต่ไม่รู้ว่าความสามารถที่แท้จริงของเขานี้มาจากไหนกัน หวังแค่เขาจะทำให้ปิงหลันมีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่ก็พอ อย่ากลับมีเรื่องอะไรอีกเลย
เขาแอบตัดสินใจอย่างลับๆที่จะพูดคุยกับเฉินอีเพื่อดูว่าเด็กคนนี้เชื่อถือได้หรือไม่และเหมาะสมกับลูกสาวของเขารึเปล่า
ในเวลาเดียวกัน เฉินอีกับฉินปิงหลันก็กลับมาถึงบ้าน
ปิงหลัน พักผ่อนเถอะเดี๋ยวผมไปทำข้าวให้
เฉินอีให้ฉินปิงหลันพักผ่อนให้สบาย
ระหว่างทางที่กลับ้าน ฉินปิงหลันไม่พูดอะไรออกมาสักคำซึ่งแสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่าเธอเหนื่อยจนถึงที่สุด
ปิงหลัน
เมื่อทำอาหารเย็นเสร็จก็มองไปที่ฉินปิงหลันที่ดูซีดเซียว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
วางใจเถอะ ย่าของเธอจะต้องมาขอร้องให้เธอกลับไปแน่นอน ตำแหน่งประธานฉินซื่อกรุ๊ปจะต้องเป็นของเธอแน่ๆ
ครั้งนี้ฉินปิงหลันยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพร้อมกับพูดว่า นายไม่รู้จักคุณย่า ในสายตาของท่านฉันเป็นแค่หายนะที่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลฉินต้องป่นปี้ไม่มีชิ้นดี อีกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบหล่อนเองตั้งใจจะบ่มเพาะเลี้ยงดูแต่ฉินหวยจือ แม้ว่าฉันจะเจรจาคุยเรื่องการร่วมมือได้สำเร็จแต่พวกญาติก็จะคอยพูดจาใส่ร้ายฉัน แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณย่าเปลี่ยนตำแหน่ง พอถึงตอนนั้นโครงการนี้ก็จะตกไปอยู่ในมือของฉินหวยจือ
แล้วเธอเต็มใจเหรอ?
เฉินอีถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ
ฉินปิงหลันตกตะลึงจากนั้นก็ส่ายหัว
ไม่เต็มใจแล้วทำอะไรได้ล่ะ ไม้กลายเป็นเรือไปแล้วเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก ไม่แน่ว่าฉินหวยจือคงจัดงานเฉลิมฉลองแล้วก็เป็นได้ แล้วฉันล่ะ เหอะเหอะ
ปิงหลัน งั้นเรามาเดิมพันกันไหม?
เมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เดิมพันไปเมื่อคืน ในตอนแรกเธอก็รู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่แต่ผลลัพธ์กลับทำให้เธอประหลาดใจยิ่งนัก อีกทั้งยังรู้สึกเฉินอีนั้นน่าทึ่งขึ้นเรื่อยๆและเธอก็เดาถูกเสียด้วยสิ
แต่การทำได้หนึ่งครั้งไม่ได้หมายความว่าจะทำได้อีกเป็นครั้งที่สองเสียหน่อย
แต่เธอก็ยังพูดว่า นายลองบอกมาสิว่าจะเดิมพันอะไร?
ฉันเดิมพันว่าคุณย่าของเธอจะต้องกลับมาขอร้องอ้อนวอนให้เธอกลับไปเพราะว่ามีแต่เธอเท่านั้นที่สามารถทำโครงการนี้ได้ การเปลี่ยนให้คนอื่นมาทำเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพราะว่าวังจ่างหลินจะไม่ยอมอย่างแน่นอน
นายกำลังล้อเล่นอยู่เหรอ?
ฉินปิงหลันกลอกตามองบนใส่เขาพร้อมกับพูดว่า แผนงานออกแบบก็ออกมาแล้วต่อให้ฉินหวยจือไม่มีทักษะอะไรก็สามารถดำเนินโครงการตามแผนงานออกแบบได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร พวกเราไม่มีหวังกันอยู่แล้ว
นี่คือผลการวิเคราะห์ของเธอ ต่อให้จะสิ้นหวังมากแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก
เฉินอีไม่ได้สนใจในสิ่งนี้พร้อมกับพูดต่อว่า ขอเพียงเธอเชื่อฉันก็พอแล้ว โอเคไหม?
นี่!
ฉินปิงหลันตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะกัดฟันไว้
ยังไงซะเรื่องนี้ก็ดำเนินมาถึงตรงนี้แล้ว ต่อให้เดิมพันกับเฉินอีแล้วมันจะทำไมกัน
นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะให้เฉินอีได้เข้าใจว่าสังคมนี้มันเลวร้ายมากแค่ไหนเพื่อที่เฉินอีจะได้ระวังตัวไม่ไปทำผิดซ้ำซากอีก
แต่ที่ไม่รู้ก็คือในตอนนี้เฉินอีนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เพราะว่าเขานั้นคือบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของวังซื่อกรุ๊ปนั่นเอง!