ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 83 ถูกหอมแก้มทีหนึ่ง
ดูเหมือนจะใช่นะ
ฉินต้าซานนึกถึงก่อนหน้านี้พูดเรื่องเงินก้อนใหญ่ อดไม่ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฉินโร่ซีคุยโวอวดรู้ขึ้นมาก่อนเพื่อน เป็นได้ยังไง?ที่ฉันรู้มาว่าชั้นบนสุดของตึกจิ่งซ่าง เดิมนั้นให้ไว้เป็นที่พักของประธานของจิ่งซ่างกรุ๊ป และเป็นสองชั้นโดยเฉพาะ ราคาอย่างน้อยก็ต้องสี่ห้าร้อยล้านขึ้นไป ลำพังฉินปิงหลันจะมีปัญญาอยู่ได้หรือ?
จิ่งซ่างกรุ๊ป ในเวลานี้เป็นบริษัทระดับใหญ่เพียงรองจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และวังซื่อกรุ๊ปเท่านั้น ระดับประธานของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดาแล้ว ไม่พูดถึงมูลค่าเป็นตัวเงิน แค่เพียงได้ห้องนี้มาจากประธานบริษัทนี้ได้ก็ต้องเป็นคนกว้างขวางเอาการ
ฉินหวยจือพยักหน้ายอมรับว่าจริง เขาคิดไม่ตกจริง ๆ ว่าฉินปิงหลันเข้าไปอยู่ในห้องชั้นบนสุดนี้ได้ยังไง
หรือว่านังฉินปิงหลันเป็นคู่ขาของของประธานจิ่งซ่างกรุ๊ปนี้?
ซูฟางปริปากพูด เลยถูกตาทุกคู่จ้องมองใส่จนขนหัวลุก ฉันพูดอะไรผิดหรือ?
อาหญิงสอง ประธานจิ่งซ่างกรุ๊ปนั่นเป็นผู้หญิงนะ และก็มีครอบครัวอยู่แล้ว
ฉินโร่ซีให้รู้สึกขำ
หญิงซูฟางคนนี้ดูเหมือนเก่งอยู่ แต่แท้จริงแล้วเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ซูฟางพอได้ยินเข้า อายม้วนหน้าแดงไปอยู่พัก ค่อยพูดออกมาลอย ๆ เป็นงั้นไปเสียอีก
หล่อนให้รู้สึกว่าได้ปล่อยไก่ไปตัวเบ้อเร่อ
และแล้วก็ต้องป้ายความผิดไปให้ฉินปิงหลันอีกจนได้ เฮ้อแย่จัง เพราะยัยฉินปิงหลันแท้เชียว ทำให้หัวฉันจะระเบิดแล้ว ถ้าเป็นฉันเมื่อก่อนนี้ละก้อไม่มีทางจะต้องมาผิดกับไอ้เรื่องกระจอกๆอย่างนี้หรอก
ก็เป็นที่รู้กันของแต่ละคนว่าซูฟางแก้ตัวแบบเอาข้างเข้าถู แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจ เพราะเป็นการพุ่งความแค้นใส่ให้ฉินปิงหลัน
สรุปคำเดียวง่าย ๆ ได้ว่า ขอให้เป็นเรื่องอาฆาตใส่ฉินปิงหลัน ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเราก็เพื่อนกัน
แม่งเอ๊ย ข้าจะขึ้นไปข้างบนแล้ว
อากาศกำลังหนาว ร่างกายที่ถูกทะนุถนอมมาอย่างฉินหวยจือจึงทนไม่ได้ คิดจะขึ้นไปบนตึก แต่ถูกขวางไว้
คุณคะ พวกคุณขึ้นไปไม่ได้
ทุเรศ
ฉินหวยจือถลึงตามองใส่ประชาสัมพันธ์อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พูดว่า เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?ข้านี่แหละประธานฉินซื่อกรุ๊ปฉินหวยจือ เพียงไอ้แค่ประชาสัมพันธ์กระจอกอย่างเธอนี่กล้าจะมาขวางข้าเลยเรอะ?
เขาพูดอย่างคนที่อยู่เหนือชั้นกว่า
แต่คนที่เป็นประชาสัมพันธ์ท่าทีไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
ขอประทานโทษคะ ท่านประธานของเราสั่งไว้แล้วว่า ถ้าใครกล้าที่จะไปรบกวนหลายท่านที่อยู่บนชั้นบนสุดนั้น จะต้องได้รับการตอบแทนจากจิ่งซ่างกรุ๊ปแน่นอน
เธอได้เน้นคำว่าตอบแทนไว้อย่างหนัก
ซึ่งนั่นก็หมายถึงการตอบโต้นั่นเอง
ฉินหวยจือพอได้ยิน ต้องชะงักหยุดขาที่กำลังก้าวออกไปในทันที
ลำพังถ้าแค่คำพูดของประชาสัมพันธ์หน้าเคาน์เตอร์ เขาคงไม่แยแสได้ แต่ใช้คำว่าเป็นคำสั่งโดยตรงของประธานจิ่งซ่างกรุ๊ป เขาก็จึงไม่กล้าสร้างประวัติซ้ำรอย
อย่าว่าแต่เพียงปะเหลาะเข้าหาวังจ่างหลินยังไม่ติดเลย ถึงจะเข้าถึง แต่เทียบกับประธานจิ่งซ่างกรุ๊ปนี้ ฉินหวยจืออย่างเขาก็เทียบได้เพียงแค่ลมตด
อย่ามัวอยู่นี่กันให้ขายหน้าชาวบ้านเลย พวกเราไปพักที่เกสต์เฮาส์ฝั่งตรงข้ามก่อน ข้าไม่เชื่อว่าพวกมันจะไม่ลงมากัน
ฉินต้าซานให้การตัดสินใจ
ทุกคนทั้งหมดต่างก็เห็นด้วย
แต่ สามวันผ่านไป
ฉินต้าซานผิดหวังโดยเด็ดขาด
เป็นเวลาสามวันเต็ม ๆ พวกเขาแบ่งสองคนเป็นหนึ่งกะผลัดกันคอยเฝ้ามอง แต่ก็ไม่มีให้ได้เห็นวี่แววพวกฉินปิงหลันจะลงมา
กลับเห็นฉินปิงหลันยืนพิงริมหน้าต่างที่เปิดสูงจรดพื้นบนชั้นที่ยี่สิบห้า คิ้วขมวดดูไอ้สี่คนที่ด้อม ๆ มอง ๆ พวกหล่อน
พวกมันคิดจะทำอะไรกันนะ?
ถ้าว่าจะโชว์ฟอร์มก็ไม่เห็นจะมีอะไรจำเป็นอะไรนี่นา
หล่อนคิดยังไงก็คิดไม่ตกจริง ๆ
เฉินอีเดินเข้ามาในตอนนี้ ยื่นโทรศัพท์มือถือให้
ในเมื่ออยากรู้ก็โทรฯ.ไปถามดูสิ
เขาอมยิ้ม ฉินปิงหลันมองหน้าไปนิดหนึ่ง แล้วต่อโทรศัพท์ออกไป
ฟากตรงข้ามแทบจะรับในวินาทีเดียวกันนั้น
ปิงหลัน ใช่ปิงหลันมั้ย?
ฉันเอง พวกคุณทำอะไรกันนั่น ดักเฝ้ากันอยู่หน้าประตูบ้านฉันมันหมายถึงอะไรกัน?
ฉินปิงหลันถามไปด้วยเสียงเย็นชา
ฉินหวยจือนึกกำลังจะด่าออกไปสักหลายคำ เลยโดนฉินต้าซานตบปากไปฉาดหนึ่ง คิดว่าฉินปิงหลันคงได้ยิน
ปิงหลัน เรื่องมันอย่างนี้นะ บริษัทกับวังซื่อกรุ๊ปมีทำสัญญากันฉบับหนึ่ง จะต้องให้เธอเป็นคนไปตกลงในรายละเอียดด้วยตัวเอง คุณย่าก็ได้ออกปากให้เธอนั่งในตำแหน่งประธาน
ปิงหลัน เธอรีบกลับมาหน่อย ถ้าขืนยังไม่กลับ เดี๋ยวคุณย่าจะโกรธเอา
ฉินต้าซานก็โดนสถานการณ์หลายวันนี้กดดันจนอารมณ์โกรธหายหมดแล้ว มีแต่ต้องพูดขอร้องไป
ฉินปิงหลันฟังจบ งงอึ้งไปพลัน
หล่อนหันไปมองเฉินอีอย่างงง ๆ คิดถึงเรื่องท้าพนันของเฉินอีเมื่อวันก่อน
กลุ่มพวกฉินต้าซานมาขอร้องตนจริง ๆ หรือนี่?
ไม่มั้ง พวกคุณไปคุยกันเองก็ได้แล้วนี่นา?
หล่อนถามไปเสียงเอื่อย ๆ คงคิดว่าพวกฉินต้าซานมาแกล้งล้อตน
ไม่ ไม่ ไม่อะ พวกเราไม่มีปัญญาขนาดนั้น และในเอกสารสัญญามีตัวหนังสือระบุชัด ต้องเธอเท่านั้นที่มีสิทธิ์ทำการตกลงกับวังซื่อกรุ๊ปได้ ให้พวกเราไปกันเองเอกสารสัญญาพวกนั้นก็แค่เพียงเศษกระดาษ
……
ฉินปิงหลันหวนคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา รีบไปรื้อเอาสำเนาเอกสารสัญญานี้ออกมา พออ่านถึงสัญญาในข้อที่หก หน้าที่แปด ที่ให้สะกิดใจเป็นเฉพาะคือมีการเน้นที่ผู้รับผิดชอบใช้ชื่อว่าฉินปิงหลัน
อะไรกัน นี่มันเรื่องจริง ๆ ด้วย
หล่อนให้รู้สึกคิดอะไรไม่ถูกขึ้นมาพลัน
ด้วยฉินต้าซานที่ใช้โทรศัพท์อยู่ฟากตรงข้ามเซ้าซี้ขอร้องมา ฉินปิงหลันเป็นคนใจอ่อนอยู่แล้ว เห็นผู้อาวุโสแสดงออกในความจริงใจขนาดนี้แล้วก็ต้องจำยอมรับปากไป นั้นทำให้กลุ่มฉินต้าซานดีใจกันแทบคลั่ง
เฉินอีเห็นฉินปิงหลันตัดโทรศัพท์แล้ว ก็พูดตัดพ้อไปว่า เธอทำไมไปยกโทษให้พวกเขาง่าย ๆ แบบนี้?
คุณอาสองยังไงก็เป็นผู้อาวุโส……..
ถ้าไม่ใช่คุณย่าเอาเรื่องทรัพย์สมบัติมาข่มขู่พวกนั้น เธอคิดว่าพวกเขาจะมาหรือ?
ฉินปิงหลันใบ้พูดไม่ออก
เห็นสภาพแล้ว เฉินอีลูบหัวฉินปิงหลันด้วยความเอ็นดู เขาชอบฉินปิงหลันก็ตรงความเป็นคนดีแบบนี้แหละ
หวนคิดอะไรขึ้นมาได้ หัวเราะแบบตัวโกงในละครว่า เห็นมั้ย เธอแพ้พนันแก่ฉันถึงสองเรื่องเลยนะ
หนังตาของฉินปิงหลันกระตุกเล็กน้อย
แล้วคุณจะเอาอะไร ว่ามา!
หล่อนยังห่วงอยู่ว่าเฉินอีจะขออะไรที่หล่อนยังไม่พร้อมจะให้ได้ แต่สุดท้ายเฉินอีหอมที่แก้มหล่อนไปทีหนึ่ง แล้วถอยออกไป
คุณ คุณ คุณ
ฉินปิงหลันหน้าแดงตลอดไปถึงหู
ถึงแม้หล่อนจะเคยมีอะไรกันกับเฉินอีแล้ว และมีลูกด้วยกันอีก แต่ที่เกิดขึ้นกะทันหันแบบนี้ก็ทำเอาหล่อนตั้งรับไม่ทัน
อันนี้คือหนึ่งในข้อตกลงที่พนันกัน ยังมีอีกหนึ่งไว้ถึงเวลาค่อยว่ากัน
ไปกันเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวอาสองของเธอจะหัวใจวายไปเสียก่อนนะ
เฉินอีพูดเสียงหัวเราะ
ฉินปิงหลันจึงได้ฝืนใจทำตัวให้อยู่ในอาการสงบ ตามเฉินอีลงไปข้างล่างไปยังเกสต์เฮ้าส์ฝั่งตรงข้าม
ปิงหลัน ในที่สุดก็รอจนเธอมาได้
แม้ว่าการคุยโทรศัพท์กันจบลงไม่กี่นาทีที่ผ่านมา แต่ฉินต้าซานให้รู้สึกเหมือนผ่านไปเป็นวัน รีบเข้ามาอย่างอดรนทนไม่ไหวพูดว่า ไป ไป รีบไปกัน ฉันขับรถไปส่งเธอที่วังซื่อกรุ๊ปเอง
เดี๋ยวก่อน
เหนือความคาดหมาย เฉินอีขวางฉินต้าซานไว้
จะทำอะไรของแก?
ฉินหวยจือที่อยู่ข้างหลังฉินต้าซาน เห็นเจ้าคนนี้ขวางออกมาก็ให้หงุดหงิดขึ้นมาในทันที
เพราะเห็นตั้งแต่แรกแล้ว ฉินปิงหลันไม่เคยแสดงออกถึงการมีความเห็นใด ๆ มีแต่ไอ้เจ้าเฉินอีคนนี้เล่นกลอยู่เบื้องหลัง ปัญหาก็คือเขาจะรู้ทันก่อนทุกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องท้าพนันในตำแหน่งประธานฯ.