ศึกเดือด มหากาฬ - บทที่ 91 คุณเฉิน คุณจะเป็นสมาชิกของสมาคมไหม
ใบหน้าของซ่งหลันแดงก่ำ
ตอนนั้นเธอเข้าใจแล้วว่าเมื่อก่อนตนเองนั้นโง่เขลาแค่ไหน
ตามคำโบราณกล่าวไว้ว่า ชีวิตที่สงบสุขไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในป่า ถึงแม้จะอยู่ในเมืองที่เจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าจิตใจสงบ ชีวิตก็ย่อมมีความสงบ
แม้ว่าโลกนี้จะมีคนเก่งที่ปิดบังชื่อเสียงเรียงนามของตนเองไม่ให้คนอื่นรู้อยู่ไม่มากนัก แต่มันก็มีไม่น้อย
ตัวอย่างเช่นเฉินอี มีฝีมือการเล่นเปียโนที่ยอดเยี่ยม ถ้าเขาอยู่ในเมืองจิงจะสามารถดึงดูดแฟนคลับได้มากมายอย่างแน่นอน แต่เขามิได้ทำเช่นนั้น และคำพูดก่อนหน้านั้นเป็นเพียงการพูดตามน้ำเท่านั้น ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด
เสียแรงที่ฉันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการรับสมัครมาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจเหตุผลพื้น ๆ เช่นนี้ด้วยซ้ำ มันช่างน่าขำสิ้นดี
ไม่มีใครสนใจการดูถูกตนเองของซ่งหลัน ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หัวหน้าเหอ
เหอ ตอนนี้คุณยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?
ผู้อำนวยการจิ่งเหลือบมองหัวหน้าเหอ ใบหน้าของคนอีกฝ่ายขาวซีด แต่ยังปากแข็งและกล่าวว่า แต่เขาบอกว่าการต่อสู้และหมากรุกเป็นถึงระดับโลก……
ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณต้องการให้ผมแสดงฝีมือใช่ไหม?
เฉินอีเดินไปและถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
ดวงตาของหัวหน้าเหอเป็นประกาย แต่ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงเยาะเย้ยของเฉินอี คุณคิดว่าตนเองเป็นใคร? ผมเฉินอีพูดอะไรหรือทำอะไร? ทำไมคุณต้องมาตัดสินด้วย?
ถูกต้อง ไม่ว่าคุณเฉินจะทำอะไร? และการที่มีคนมาตัดสินนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะใช้เหยียดหยามคุณเฉินและคุณฉิน คุณไม่คู่ควรที่จะเป็นอาจารย์
จิ่งหลิงกล่าวเช่นกัน และคำพูดประโยคนี้ของเธอนั้น ไม่ต่างไปจากการลงโทษประหารชีวิตหัวหน้าเหอ
ขณะเดียวกันเธอก็เหลือบมองประธานเกาแวบหนึ่ง แล้วประธานเกาก็รีบกล่าวว่า ประธานจิ่ง ผมเป็นคนของประธานโหล
เขาต้องการเตือนจิ่งหลิงเรื่องนี้ เพราะถึงอย่างไรจิ่งช่างก็ไม่ใช่คนที่เป็นใหญ่เพียงคนเดียวในตระกูลจิ่ง และมันจะไม่มีประโยชน์อย่างแน่นอนถ้าเขาทำให้ตระกูลโหลโกรธเคือง
แต่จิ่งหลิงกลับยิ้มเยาะเย้ย คุณคิดว่าฉันไม่ได้เตรียมหลักฐานอะไร แล้วก็มาตำหนิกล่าวโทษคุณหรือ?
เมื่อประธานเกาได้ยินคำพูดประโยคนั้น หัวใจของเขากระตุกหนึ่งครั้ง
เกา คุณทำงานหนักเพื่อบริษัทมาหลายปีแล้ว ผมเข้าใจความพยายามของคุณ แต่นี่มันไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะมาทุจริตรับสินบนและละเมิดกฎหมาย โดยอาศัยอำนาจรังแกผู้อื่น คุณเข้าไปอยู่ในคุกสามสี่ปีแล้วค่อยกลับมาเถอะ
นั่นคือเสียงของประธานโหล
ประธานเกาทรุดตัวลงบนพื้นทันที และมีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลออกมาจากหน้าผาก
คำพูดของประธานโหลที่ดังออกมาจากโทรศัพท์นั้นกล่าวได้น่าฟังมาก หลังจากที่เขาออกมาจากคุกแล้วยังสามารถกลับมาทำงานที่บริษัทนี้ได้อีก แต่ถึงอย่างนั้นก็เกรงว่าถึงแม้สภาพแวดล้อมจะเหมือนเดิม แต่คนนั้นเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหมือนเดิม โลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ ไหนเลยจะมีที่ให้ตนเองอยู่
หลังจากที่ผู้อำนวยการโจวเห็นบทสรุปของเรื่องนี้ หันหน้าไปทางเฉินอี และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า คุณเฉิน คุณวางใจเถอะ ผมจะจัดการเรื่องในโรงเรียนของฉินโต๋วโต๋ว ลูกสาวของคุณให้ดี…….
อึม หลังจากดำเนินการเสร็จแล้วค่อยแจ้งให้ผมทราบ ส่วนเรื่องที่เฉพาะเจาะจงนั้น คุณคิดเอาเองว่าจะดำเนินการอย่างไร
เฉินอีรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย หลังจากโบกมือและกำลังจะเดินจากไป และขณะที่เขากำลังจะเดินลงไปชั้นล่างก็ได้ยินเสียงคนตะโกนอยู่ข้างหลัง
และเมื่อหันไปมอง เห็นเป็นท่านซู
ท่านซู มีเรื่องอะไร?
เขาเหลือบมองท่านซูด้วยความสงสัย
อีกฝ่ายจ้องเขาราวกับว่าเห็นสมบัติล้ำค่าและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า คุณเฉิน คุณสนใจที่จะเป็นสมาชิกของสมาคมเปียโนหนานเจียงของพวกเราไหม?
ต้องขอโทษด้วย ผมไม่สนใจ
คุณเฉิน คุณลองคิดพิจารณาก่อน ขอแค่คุณเข้าเป็นสมาชิกแล้วคุณจะได้รับค่าตอบแทนที่ไม่เลว และคุณในฐานะนักเปียโน คุณไม่สามารถยึดเอาความคิดของตัวเองเป็นหลักโดยไม่สนความเป็นจริง……..
ผมไม่มีความสนใจใด ๆ ทั้งสิ้น อีกอย่างเรื่องเปียโนนั้นแน่นอนว่าไม่สามารถยึดเอาความคิดของตัวเองเป็นหลักโดยไม่สนความเป็นจริง แต่ก็ใช่ว่าสื่อสารกับผู้อื่นแล้วก็สามารถได้รับความรู้
เฉินอีกล่าวปฏิเสธอีกครั้ง
พูดล้อเล่นอะไรกัน ตนเองเป็นคนที่ทำอะไรเป็นมากมาย ถ้าตนเองเป็นสมาชิกกับทุกสมาคม ตนเองคงถูกคนรบกวนทั้งวันจนน่ารำคาญ
ท่านซูรู้สึกกังวลและกล่าวว่า คุณเฉิน คุณลองคิดพิจารณาอีกครั้ง…….
ลาก่อน
เฉินอีไม่อยากจะฟังเสียงบ่นของท่านซู เขาจึงจูงมือโต๋วโต๋วกับโนว่โน่วและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ท่านซูมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของเฉินอี และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
น่าเสียดาย น่าเสียดาย
นักเปียโนที่เก่งเช่นนี้ และยังอายุน้อย ซึ่งเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ แม้ว่าเขาจะเก่งไม่เท่าเบโธเฟน แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
เขากระทืบเท้าต่อเนื่อง รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก
ขณะนี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวว่า อาจารย์ ความจริงผมเข้าใจคุณเฉิน เขาเป็นคนที่ทำอะไรเป็นมากมายใช่ไหม? ถ้าทุกคนดึงเขาเข้าไปในสมาคมเหมือนคุณ มันคงจะน่ารำคาญ
ไม่! มันเทียบกันได้เหรอ?
เปียโนเป็นศิลปะ เป็นศิลปะที่สูงส่ง การเล่นหมากรุกและการต่อสู้นั้นสามารถเทียบได้อย่างไร?
คุณเคยได้ยินว่าการเล่นหมากรุกเก่งจนถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ไหม? ซึ่งมันอาจจะมี แต่มีไม่มากเท่ากับเปียโนของพวกเรา ส่วนเรื่องการต่อสู้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขอแค่คุณเข้าสู่วัยกลางคนแล้วมันก็จะไม่มีค่าอะไรเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
ท่านซูจ้องมองนักเรียนของตนเอง
ชายหนุ่มคนนั้นจับศีรษะของตนเองแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า แต่ผมยังคงคิดว่าคุณเฉินไม่ค่อยสนใจเปียโนสักเท่าไหร่นัก ในใจของเขานั้นคิดถึงแต่ภรรยาและลูกสาวเท่านั้น ผมชอบคนแบบนี้
ฉันก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
ผู้หญิงกล่าวเห็นด้วย ท่านซูที่กำลังโกรธจัดกำลังจะสูบบุหรี่ และตัดสินใจที่จะไม่ให้นักเรียนที่เป็นปฏิปักษ์สองคนนี้เข้ามาในบ้านของตนเองชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อเห็นท่าทางที่โกรธจัดของท่านซู ผู้อำนวยการโจวและผู้อำนวยการจิ่งก็ยิ้มอย่างขมขื่น พวกเขารู้ว่าต่อไปท่านซูจะขังตนเองอยู่ในห้องเพื่อคิดพิจารณาถึงชีวิตสักพัก
แต่ผมอยากรู้สถานะตัวตนของคุณเฉินคนนี้ ที่สามารถทำให้ประธานวังและประธานจิ่งออกหน้าแทนเขา?
อย่าคิดมากขนาดนั้น พวกเราเป็นเพียงคนที่อบรมสั่งสอนให้ความรู้เท่านั้น อย่างมากพวกเราก็ทำเพื่อต้องการหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว เรื่องในแวดวงเช่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะสามารถเข้าไปร่วมได้
ผู้อำนวยการจิ่งกล่าวกับผู้อำนวยการโจว และอีกฝ่ายก็พยักหน้าเห็นด้วย
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และทันใดนั้นเขาก็กล่าวว่า แต่มันเป็นคนล่ะเรื่อง ผมคิดว่าต่อไปนี้เมืองฉือจะไม่สงบสุขเหมือนเดิมอีกแล้ว
อ้อ โจว แล้วทำไมคุณถึงได้คิดเช่นนั้น?
ผู้อำนวยการจิ่งสงสัยเล็กน้อย
สายตาของผู้อำนวยการโจวมองออกไปไกลและกล่าวช้า ๆว่า กองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่ คุณน่าจะเคยได้ยินใช่ไหม?
เคยได้ยินแน่นอน
ถึงแม้ว่าผู้อำนวยการจิ่งจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ในฐานะเป็นสมาชิกของตระกูลจิ่งแล้วเขาย่อมจะรู้เรื่องนี้ดี เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
คุณหมายความว่า คุณเฉินน่าจะเกี่ยวข้องกับกองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่ใช่ไหม?
ฮ่า ๆ ๆ ผมไม่ได้เป็นคนพูด คุณเป็นคนพูดเองน่ะ ไม่พูดแล้ว ไปนอนเถอะ
ผู้อำนวยการจิ่งโกรธจนอกแทบจะระเบิด
โจว ไอ้เชี่ยเอ๊ย คุณไม่ต้องมาใช้คำพูดพิธีรีตองกับผม ไม่สิ คุณเพิ่งตื่นจากนอนกลางวันไม่ใช่หรือ? แล้วจะไปนอนอีกทำไมล่ะ?
เฮ้ ๆ ๆ โจวผมกำลังเรียกคุณอยู่น่ะ อย่าเพิ่งไป สรุปแล้วคุณเป็นผู้อำนวยการหรือว่าผมเป็นผู้อำนวยการกันแน่!
คุณก็เป็นผู้อำนวยการเช่นกัน
ผมเป็นรองผู้อำนวยการ คุณเลี่ยงหน้าที่นี้ไม่ได้น่ะ!
เฮ้!
เมื่อเห็นผู้อำนวยการโจวและผู้อำนวยการจิ่งทั้งสองคนที่แก่แล้วแต่ยังไม่รู้จักเคารพตนเองเดินจากไป จิ่งหลิงก็ยิ้มด้วยความขมขื่น