สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1014 สูงศักดิ์
ตอนที่ 1014 สูงศักดิ์
เรื่องทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นในทางที่ดี ต่งซื่อจึงวางใจลงไม่น้อย ทั่วทั้งเมืองหลวงวุ่นวายกับงานอภิเษกสมรสที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสามวันของจักรพรรดินีแห่งต้าโจว
เมื่อหลู่เป่าหวาที่ศึกษาอยู่ในสำนักศึกษาสตรีได้ยินว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะแต่งงานในอีกสามวันข้างหน้าเพราะเซียวหรงเหยี่ยนป่วยหนักจึงตกใจมาก
บัณฑิตสาวที่อยู่ด้านข้างต่างพากันกล่าวว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเป็นคนให้ความสำคัญกับความรัก หลู่เป่าหวานึกถึงภาพที่นางเคยเห็นที่ไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนเดินเคียงข้างกันบนถนนสายยาว ตอนนั้นนางก็รู้สึกแล้วว่าไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก
ต่อมาไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์ หลู่เป่าหวายังเดาอยู่เลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะแต่งงานกับพ่อค้าอย่างเซียวหรงเหยี่ยนอยู่หรือไม่ เซียวหรงเหยี่ยนเป็นแค่พ่อค้าธรรมดา ตำแหน่งภัสดาเปรียบเสมือนฮองเฮา ราชวงศ์ส่วนใหญ่มักแต่งงานเพื่อเชื่อมไมตรีหรือแต่งงานเพื่อทำให้ราชสำนักมั่นคง ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางใหญ่ ราชวงศ์ไม่ต้องการความรักแท้…
นึกไม่ถึงเลยว่าแม้เซียวหรงเหยี่ยนป่วยหนักเช่นนี้ ไป๋ชิงเหยียนยังยินดีแต่งงานกับชายหนุ่มอยู่ อีกทั้งให้ตำแหน่งสูงส่งอย่างภัสดาของจักรพรรดินีกับเขาเช่นนี้
หลู่เป่าหวาเคยโมโหไป๋ชิงเหยียนเพราะเรื่องหลิ่วรั่วฟู เมื่อได้ยินเรื่องนี้หญิงสาวจึงมองไป๋ชิงเหยียนใหม่อีกครั้ง
วันที่สิบสาม เดือนแปด รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่ง ต่งเหล่าไท่จวินมารดาของผู้ตรวจการเมืองต่งชิงเยว่และชุยซื่อฮูหยินของชิงเยว่เดินทางมาถึงเมืองหลวง จักรพรรดินีแห่งต้าโจวและไทเฮาออกมายืนรอต้อนรับที่หน้าวังหลวง
เมื่อไทเฮาเห็นต่งเหล่าไท่จวิน ดวงตาของนางร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เมื่อรับรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนจะแต่งงานในวันที่สิบห้า เดือนแปด ต่งเหล่าไท่จวินตกใจมาก เพราะตอนออกเดินทางจากเติงโจวมายังเมืองหลวงนางไม่ได้รับรู้ข่าวนี้แม้แต่น้อย นึกไม่ถึงเลยว่านางเพิ่งมาถึงเมืองหลวง หลานสาวของนางจะแต่งงานในวันมะรืนนี้แล้ว หากนางมาช้ากว่านี้อีกวันสองวัน นางคงมาไม่ทันงานแต่งของหลานสาวแน่
ต่งซื่ออธิบายให้ต่งเหล่าไท่จวินฟังว่าเป็นเพราะเซียวหรงเหยี่ยนป่วยหนัก ต่งซ่อประคองต่งเหล่าไท่จวินเข้าไปในวังหลวง ต่งเหล่าไท่จวินเล่าถึงอันเกอและโหยวเจี๋ยบุตรฝาแฝดชายหญิงอายุหนึ่งขวบครึ่งของต่งฉางหลานให้ต่งซื่อฟังอย่างอดไม่ได้
เมื่อเอ่ยถึงเด็กทั้งสอง ชุยซื่อน้าสะใภ้ของไป๋ชิงเหยียนยิ้มแก้มไม่หุบ ตอนที่เสี่ยวชุยซื่อยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ชุยซื่อเป็นกังวลแทบแย่ นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อตั้งครรภ์จะมีทีเดียวสองคน อีกทั้งได้ทั้งชายและหญิงเช่นนี้ นางจะไม่ดีใจได้อย่างไรกัน
“หากไม่ใช่เพราะหนทางไกลเกินไป ข้าอยากพาเด็กสองคนนั่นเดินทางมาด้วยเลยเจ้าค่ะ” ชุยซื่อกล่าวกับต่งซื่อด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ต่งฉางหยวนเดินอยู่ข้างกายชุยซื่อ สายตาของเขามองไปยังร่างของไป๋ชิงเหยียนที่เดินประคองต่งเหล่าไท่จวินและชุยซื่อไปยังตำหนักในวังหลวงด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก เขารู้ว่าบัดนี้ญาติผู้พี่ของเขาคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว ฐานะของเขาและญาติผู้พี่ต่างกัน เรื่องบางเรื่องเขาไม่จำเป็นต้องเป็นกังวล ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนป่วยหนัก ญาติผู้พี่ยืนกรานจะแต่งงานกับเซียวหรงเหยี่ยนให้ได้ แสดงว่าอาการของเซียวหรงเหยี่ยนคงแย่เกินกว่าที่หมอหงและหมอหลวงในสำนักหมอหลวงจะรักษาได้แล้ว
แม้ญาติผู้พี่จะให้ความสำคัญกับความรัก ทว่า หากวันหน้าเซียวหรงเหยี่ยนจากไปแล้ว ไม่รู้ว่าญาติผู้พี่จะเสียใจมากเพียงใด
วันที่สิบห้า เดือนแปด รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่ง จักรพรรดินีแห่งต้าโจเข้าพิธีสมรมกับเซียวหรงเหยี่ยนพ่อค้าที่รวยอันดับหนึ่งในใต้หล้า แต่งตั้งชายหนุ่มเป็นภัสดา
เซียวหรงเหยี่ยนร่างกายอ่อนแอ เสนาบดีกรมพิธีการจึงตัดพิธีการที่ซับซ้อนของงานอภิเษกสมรสออกไป งานอภิเษกถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย
ไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนออกไปรับคำอวยพรแสดงความยินดีจากขุนนาง ต่อมาคืองานเลี้ยงฉลอง
นี่คือครั้งแรกที่เซียวหรงเหยี่ยนได้พบหน้าไป๋ชิงเหยียนหลังจากย้ายเข้ามาอยู่ในวังหลวง
ไทเฮาออกคำสั่งให้เซียวหรงเหยี่ยนพักรักษาตัวให้ดี ห้ามเซียวหรงเหยี่ยนพบหน้าไป๋ชิงเหยียนก่อนวันแต่งงานเด็ดขาด เซียวหรงเหยี่ยนและไป๋ชิงเหยียนมีความผิดติดตัวจึงไม่กล้าทำให้ต่งซื่อไม่พอใจ สามวันที่ผ่านมาเซียวหรงเหยี่ยนจึงได้แต่พักรักษาตัวในวังหลวง ส่วนไป๋ชิงเหยียนทำงานในราชสำนักอย่างตั้งใจ
เซียวหรงเหยี่ยนแกล้งป่วยได้สมจริงมาก ใบหน้าของเขาซีดเผือดจนไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย เยว่สือต้องคอยประคองไว้ถึงจะทรงตัวได้ ทว่า บารมีที่แผ่ออกมาจากร่างของชายหนุ่มไม่ได้ลดลงเพราะอาการป่วยอ่อนแอของเขาแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยังดูสูงส่งประหนึ่งเทพเซียนเหมือนเดิม
ไป๋ชิงเหยียนสวมชุดจักรพรรดิเต็มยศ เซียวหรงเหยี่ยนสวมจิ้นเสียนกวาน[1] แต่งกายด้วยชุดสีทองลายมังกร คาดเอวด้วยเข็มขัดหยก เมื่อทั้งสองคนคำนับฟ้าดินเสร็จเรียบร้อยจึงเดินไปตามพรมแดงที่ปูยาวเพื่อรับการคารวะจากบรรดาขุนนาง
แสงสีทองของดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับไปจากท้องฟ้าทางทิศตะวันตก ความมืดค่อยๆ คืบคลาน แสงสุดท้ายของวันส่องสะท้อนไปทั่วทั้งวังหลวง กลุ่มเมฆค่อยๆ จางหายไปจากขอบฟ้า หลังคาตำหนักใหญ่ทางทิศตะวันตกทอแสงนวลอบอุ่น บันไดหยกขาว เสาต้นใหญ่สีทองกลายเป็นสีทองนวลลออตา ร่างบุรุษและสตรีในชุดพิธีการที่สมกันราวกับกิ่งทองใบหยกคู่หนึ่งเด่นชัดท่ามกลางพรมแดงที่ทอดยาว
เหล่าขุนนางก้มศีรษะคำนับพลางกล่าวสรรเสริญสามครั้ง
ทั้งสองคนยืนเคียงข้างรับคำอวยพรจากเหล่าขุนนางและครอบครัวของขุนนาง เซียวหรงเหยี่ยนเอื้อมมือไปกุมนิ้วมือของไป๋ชิงเหยียนไว้หลวมๆ เอ่ยถามเสียงเบาหวิว “เหนื่อยหรือไม่”
“ไม่เท่าใด…” ไป๋ชิงเหยียนยังดูแข็งแกร่งเช่นเดิม หญิงสาวกล่าวเสียงเบาหวิว “เพียงแต่เว้นว่างจากงานในราชสำนักไปวันหนึ่ง ไม่รู้ว่าฎีกาจะกองท่วมเพียงใด”
เซียวหรงเหยี่ยนก้มหน้าลูบนิ้วของไป๋ชิงเหยียนอย่างสงสาร เดิมทีเขาตั้งใจจะบอกว่าเดี๋ยวเขาจะกลับไปช่วยหญิงสาวจัดระเบียบฎีกา ทว่า เขานึกได้ว่าไทเฮาไม่ให้เขาวุ่นวายเรื่องในราชสำนัก เซียวหรงเหยี่ยนไม่อยากให้ไทเฮาไม่พอใจจึงกล่าวขึ้น “แม้ครั้งนี้ข้าจะช่วยแบ่งเบาภาระของอาเป่าไม่ได้ ทว่า อาเป่าสามารถให้หลู่ไท่เว่ย ซือคงและซือถูช่วยจัดการฎีกาเหล่านั้นได้”
“เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้…” ไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ ขยับกายหันไปทางเซียวหรงเหยี่ยนเล็กน้อย จากนั้นกล่าวเสียงเบา “ต้าเยี่ยนมีบันทึกของจีโฮ่วหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ ข้ายังอยากอ่านอีก ข้ารู้สึกว่าบันทึกสุดท้ายที่ท่านส่งมาให้ข้า จีโฮ่วยังเขียนไม่เสร็จ”
“มีอีก ทว่า บันทึกที่ท่านแม่ของข้าบันทึกต่อล้วนล้ำหน้ากว่ายุคสมัยในตอนนี้มาก ไม่มีทางได้รับการยอมรับจากราชสำนักแน่ ดังนั้นข้าจึงปิดผนึกไว้ทั้งหมด หากอาเป่าอยากอ่าน เดี๋ยวข้าจะให้เยว่สือส่งมาให้”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ได้”
ขุนนางบางคนเห็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวและเซียวหรงเหยี่ยนยืนสนทนากันตามลำพังจึงรับรู้ได้ว่าทั้งสองคนรักกันมาก เขาอดเสียดายแทนเซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะทนได้อีกนานเท่าใด
สตรีของตระกูลสูงศักดิ์บางตระกูลเหลือบมองไปทางจักรพรรดินีแห่งต้าโจวและเซียวหรงเหยี่ยน ตอนที่เซียวหรงเหยี่ยนเป็นพ่อค้า ชายหนุ่มดูสุขุมและเหมือนบัณฑิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้ ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มทำให้สตรีสูงศักดิ์หลายคนเริ่มหวั่นไหว หากไม่ใช่เพราะฐานะพ่อค้าที่ต่ำต้อย ชายหนุ่มคงเป็นสามีที่ดีแน่
ผู้ใดจะคิดว่าเซียวหรงเหยี่ยนที่ฐานะของเขาทำให้สตรีสูงศักดิ์เหล่านั้นต้องตัดใจ บัดนี้กลับกลายเป็นภัสดาผู้สูงศักดิ์ของราชวงศ์
คืนนั้นโคมไฟมังกรและหงส์ส่องสว่างทั้งคืน
ไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนนั่งอยู่บนเตียงมังกรหงส์ เมื่อสิ้นสุดพิธีการต่างๆ ถงหมัวมัวเดินไปด้านหน้าพลางกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่และนายท่านเขยคงเหนื่อยมากแล้ว บ่าวจะพาสาวใช้ไปเตรียมน้ำให้คุณหนูใหญ่และนายท่านเขยอาบนะเจ้าคะ…”
ถงหมัวมัวทำความเคารพอีกครั้ง จากนั้นหันไปมองบรรดานางกำนัลที่ยืนอยู่กลางตำหนัก นางกระแอมไอเล็กน้อย บรรดานางกำนัลรู้ความจึงรีบทำความเคารพและจากไปทันที
ใบหน้าของชุนเถาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ปกปิดไม่มิด นางปลดผ้าม่านที่แขวนอยู่บนคานเคียงลง จากนั้นเดินออกไปจากตำหนักอย่างเงียบเชียบ
[1] จิ้นเสียนกวาน หมวกขุนนางประเภทหนึ่งทำจากผ้าสีดำ เป็นหมวกที่ขุนนางบัณฑิตสวมยามเข้าเฝ้าจักรพรรดิ
*********************************