สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1031 ทำตัวเป็นแบบอย่าง
ตอนที่ 1031 ทำตัวเป็นแบบอย่าง
ถึงเวลานั้นเมื่อเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นท่ามกลางสายตาของผู้คนแล้ว เพื่อรักษาชื่อเสียงของบรรดาอาสะใภ้และมารดาของตัวเองแล้ว ไป๋ชิงเหยียนคงไม่มีทางขัดขวางการแต่งงานใหม่ของพวกนางแน่
ฟางซื่อคิดวางแผนทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี ถึงเวลานั้นทุ่มเงินให้มากหน่อย ถึงแม้จะเอื้อมไม่ถึงมารดาของไป๋ชิงเหยียน ทว่า ได้แต่งงานกับอาสะใภ้คนใดคนหนึ่งของไป๋ชิงเหยียนก็ยังดี ไม่อย่างนั้นคนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋คงแย่งตัวพวกนางไปก่อนแน่
เมื่อเห็นว่าฟางซื่อไม่อยากเอ่ยออกมา ผูหลิ่วจึงไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ นางทำความเคารพฟางซื่อ “บ่าวกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนนะเจ้าคะ อีกสักครู่จะมาปรนนิบัติฮูหยินเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นเหงื่อบริเวณไรผมของผูหลิ่ว ฟางซื่อจึงพยักหน้า “เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด ลำบากเจ้าแล้ว!”
ตระกูลบรรพบุรุษไป๋หมายปองอาสะใภ้ของไป๋ชิงเหยียนและไทเฮาต่งซื่ออย่างที่ไป๋ฉีเหอได้รับข่าวมาจริงๆ
พวกเขาได้ยินข่าวว่าบรรดาฮูหยินของตระกูลไป๋จะไปร่วมงามแข่งขันว่าวที่เกาอี้จวิ้นจู่จัดขึ้นในวันเกิดของนางเช่นเดียวกับที่ฟางซื่อได้ยิน พวกเขากำลังคิดวางแผนกันอยู่ อย่างน้อยได้มาแต่งงานสักคนก็ยังดี…
บางคนที่เกิดความคิดชั่วร้ายเช่นเดียวกับฟางซื่อปิดจวนของตัวเองเพื่อปรึกษาเรื่องนี้กับคนในครอบครัว บางคนส่งคนไปเตรียมแผนการแล้ว
วังหลวง
เมื่อได้ยินไป๋ฉีเหอรายงานเรื่องแผนการของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ ไป๋จิ่นจื้อโมโหจนแทบอยากถือแส้มุ่งหน้าไปจัดการคนตระกูลบรรพบุรุษไป๋สักยก
“ก่อนหน้านี้กระหม่อมไม่ได้เตรียมแผนรับมือใดๆ เพราะกลัวว่าฝ่าบาทจะเตรียมไว้แล้ว หากกระหม่อมเตรียมอีกอาจทำเสียเรื่องได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจึงตัดสินใจเข้าวังมาปรึกษากับฝ่าบาท หากฝ่าบาทไม่ได้มีแผนการใดๆ กลับไปกระหม่อมจะลงโทษพวกเขาในฐานะประมุขของตระกูลไป๋พ่ะย่ะค่ะ!” ไป๋ฉีเหอกล่าว
“ยังต้องปรึกษาอันใด จัดการพวกที่คิดเช่นนี้ด้วยกฎของตระกูลไปเลย!” ไป๋จิ่นจื้อโมโหจนหน้าอกสั่น กล่าวเสียงสูงอย่างควบคุมไม่ได้
“ข้าไม่อยากให้ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ก่อความวุ่นวายในวันเกิดของเสี่ยวซื่อ ท่านประมุขไป๋กลับไปจัดการพวกเขาทั้งหมดให้ข้าด้วย มิเช่นนั้นไม่รู้ว่าคนตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่โลภมากเหล่านั้นจะคิดแผนการชั่วช้าอันใดออกมา เราไม่ควรให้ชาวบ้านเห็นความเสื่อมโทรมของตระกูลบรรพบุรุษไป๋” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ประมุขไป๋บอกคนเหล่านั้นว่าทางที่ดีพวกเขาควรอยู่อย่างสงบ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่า ข้าไม่เพียงจะลงโทษด้วยกฎของตระกูล ข้าจะลงโทษด้วยกฎหมายของบ้านเมืองด้วย!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ไป๋ฉีเหอทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนตกอยู่ในภวังค์ความคิด…
แต่ไรมาวิธีสกปรกที่สุดที่สามารถทำลายสตรีคนหนึ่งได้…คือการทำลายชื่อเสียงของสตรีคนนั้น
ไป๋ชิงเหยียนสนับสนุนให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่ หากสตรีหม้ายไม่อยากแต่งงานใหม่ ทว่า หากมีคนหลงใหลในความงามและทรัพย์สมบัติของนางจนวางแผนบีบให้นางต้องแต่งงานใหม่ สตรีผู้นั้นย่อมต้องแต่งงานใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!
เช่นนี้ไป๋ชิงเหยียนต้องเพิ่มโทษขืนใจให้หนักมากยิ่งขึ้น เหมือนกับที่จีโฮ่วบันทึกไว้ในช่วงท้ายของตำราว่าหากต้องการทำลายระบบบุรุษสูงศักดิ์ สตรีต่ำต้อยที่มีมาหลายร้อยปี จำเป็นต้องสอนให้เหล่าสตรีรู้จักปกป้องตัวเอง
เรื่องนี้…รีบร้อนไม่ได้
“ช่างน่าโมโหจริงๆ !” ไป๋จิ่นจื้อนั่งลงข้างกายไป๋ชิงเหยียน “ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ทำสิ่งใดไม่เคยได้เรื่อง ดีแต่ทำเรื่องงามหน้า! ยังคิดใช้วิธีสกปรกเช่นนี้อีก พี่หญิงใหญ่ พวกเราคือคนตระกูลเดียวกับตระกูลบรรพบุรุษไป๋จริงๆ หรือเจ้าคะ”
“ประมุขคนก่อนอยู่ในตำแหน่งมาเป็นสิบปี เขาไร้คุณธรรม คนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋จึงยากที่จะมีคุณธรรม ผู้อาวุโสได้รับผลกระทบมากที่สุด ยากจะเปลี่ยนแปลงสันดานของพวกเขาแล้ว บัดนี้เปลี่ยนตัวประมุขเป็นไป๋ฉีเหอ นิสัยของรุ่นเล็กในตระกูลยังพอดัดได้ ทว่า ต้องใช้ความอดทนมากสักหน่อย” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้า สายตาหยุดอยู่ที่ท้องของไป๋ชิงเหยียน “เด็กในท้องของพี่หญิงใหญ่รู้ความจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าจำได้ว่าตอนท่านอาสะใภ้ห้าท้องเสี่ยวปา ท่านอาสะใภ้ห้าอาเจียนจนลุกจากเตียงไม่ได้หลายเดือนเลยเจ้าค่ะ”
เมื่อเอ่ยถึงเด็กในท้อง ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวก้มหน้าลูบท้องตัวเองเบาๆ พลางกล่าวขึ้นยิ้มๆ “นั่นนะสิ ขนาดท่านหมอหงยังกล่าวว่าเด็กคนนี้รู้จักเห็นใจผู้อื่น วันหน้าต้องเป็นเด็กที่เชื่อฟังแน่นอน!”
ไป๋จิ่นจื้อเห็นพี่หญิงใหญ่ยิ้มออกมาจึงเม้มปากแน่น…
ไป๋จิ่นจื้อไม่เคยเอ่ยถึงเซียวหรงเหยี่ยนต่อหน้าไป๋ชิงเหยียนเลยตั้งแต่กลับมา นางกลัวว่าหากเอ่ยถึงจะทำให้ไป๋ชิงเหยียนเสียใจ ทว่า เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ดูมีท่าทีเสียใจ ไป๋จิ่นจื้อจึงกังวลว่าพี่หญิงใหญ่เก็บซ่อนความรู้สึกไว้ภายในใจดีเกินไป วันหน้าอาจส่งผลร้ายต่อพี่หญิงใหญ่ได้
“พี่หญิงใหญ่ เซียวเซียนเซิง…” ไป๋จิ่นจื้อมองไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่ง “หากพี่หญิงใหญ่อยากร้องไห้ เสี่ยวซื่อจะอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงใหญ่เองเจ้าค่ะ วันหน้าเมื่อหลานสาวหรือหลานชายคลอดออกมา เสี่ยวซื่อจะรักและดูแลเขาอย่างดี ไม่มีทางให้เขารู้สึกว่าขาดบิดาเจ้าค่ะ”
เมื่อไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าเห็นใบหน้าที่เป็นกังวลของไป๋จิ่นจื้อจึงหัวเราะออกมาเบาๆ “เด็กโง่ พี่ไม่เป็นอันใด เซียวหรงเหยี่ยนเขา…ยังไม่ตาย”
“ยังไม่ตายหรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อเบิกตาโพลง “เช่นนั้นเขา…”
“เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน วันหน้าพี่ค่อยเล่าให้เจ้าฟังอย่างละเอียด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ดูเหมือนโกหก ไป๋จิ่นจื้อจึงวางใจ
“จริงสิเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวเสียงเบาหวิว “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ได้พบหน้าพี่ชายห้าแล้วหรือไม่เจ้าคะ”
ตอนที่ไป๋จิ่นจื้อยู่ที่เมืองหาน นางรู้ดีว่าพี่ชายห้าต้องไปร่วมงานราชาภิเษกของพี่หญิงใหญ่แน่
ต่อมาเมื่อไป๋จิ่นซิ่วไปถึงเมืองหาน ไป๋จิ่นจื้อได้ยินพี่หญิงรองบอกว่าอ๋องหน้ากากผีแห่งหรงตี๋เดินทางไปร่วมงานราชาภิเษก ไป๋จิ่นจื้อจึงดีใจมาก หากท่านป้าสะใภ้ใหญ่เห็นว่าพี่ชายห้ายังมีชีวิตอยู่ ไม่รู้ว่าท่านจะดีใจมากเพียงใด
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
ไป๋จิ่นจื้อยกยิ้มมุมปาก “แม้พี่ชายห้าจะอยู่ไกลถึงหรงตี๋ ทว่า วันหนึ่งพวกเราต้องได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแน่เจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนมองน้องสาวที่ตาแดงก่ำยิ้มๆ “แน่นอน ครอบครัวเดียวกันควรได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน วันนั้นคงอีกไม่ไกล…”
ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้า
“เจ้านำเรื่องที่ประมุขไป๋มารายงานไปบอกให้บรรดาท่านอาสะใภ้ทราบด้วย ให้พวกนางระวังตัวให้มาก แม้จะมีทหารรักษาพระองค์คอยคุ้มกันข้างกาย ทว่า พวกเราไม่ควรประมาท อย่าหลงกลคนเหล่านั้น วันนั้นห้ามอยู่ตามลำพังกับคนตระกูลบรรพบุรุษไป๋เด็ดขาด!”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“เจ้าค่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อลุกขึ้นยืนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
วันที่สิบเจ็ด เดือนสิบ รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่งคือวันเกิดของเกาอี้จวิ้นจู่ มีการจัดการแข่งขันว่าวขึ้นที่นอกเมืองหลวง รถม้าไม้ทยอยออกจากประตูทิศใต้ของเมืองหลวง มุ่งหน้าไปยังภูเขาจินฮุย
ภูเขาจินฮุยเต็มไปด้วยต้นแปะก๊วย เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง ทั่วทั้งภูเขาเต็มไปด้วยสีทองอร่าม ช่างดูงดงามยิ่งนัก
ระหว่างทางมีพ่อค้าหาบเร่สวมชุดสีฟ้าตะโกนขายของ มีเด็กน้อยวิ่งไล่ตามรถเข็นขายขนมหวานของชายชราซึ่งสวมเสื้อผ้าหยาบ รอให้รถเข็นหยุดลง เด็กน้อยจะได้ซื้อขนมหวานมากินแก้อยาก
ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าสว่างสดใสไร้เมฆหมอก เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นว่าว
ตระกูลสูงศักดิ์ที่เข้าร่วมการแข่งขันว่าวมาฝึกซ้อมอยู่ก่อนแล้ว บางคนเดินไปทักทายกับกรรมการอย่างหลิ่วหรูซื่อ เดิมทีสตรีหม้ายซึ่งแต่งงานใหม่ที่ได้รับเชิญมาร่วมแข่งขันพร้อมที่จะลงสนามแข่งมาก ทว่า เมื่อเห็นบรรดาคนจากตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหลาย พวกนางเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาทันที
“ได้ยินว่าวันนี้ฝ่าบาทจะเสด็จมาด้วย!” คนหนึ่งกล่าวขึ้นเสียงเบา
“นั่นนะสิ ได้ยินว่าวันนี้จะมีคนทูลถามฝ่าบาทว่าฝ่าบาทสนับสนุนให้ชาวบ้านแต่งงานใหม่ ทว่า เหตุใดราชวงศ์ไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างก่อน”
————————–