สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1036 คิดไม่ดี
ตอนที่ 1036 คิดไม่ดี
เด็กบางคนกล้าหาญถึงขนาดปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อแอบมองบรรยากาศภายในงานโดยไม่สนเสียงดุของมารดา จากนั้นบรรยายภาพในงานที่เห็นให้คนที่อยู่ด้านล่างต้นไม้ฟัง
คุณหนูสองฉินคำนวณเวลาได้อย่างพอดี นางรอให้ทุกคนมารวมตัวพร้อมหน้ากันที่นี่นางจะได้สร้างปัญหาให้ตระกูลไป๋ได้
บัดนี้คุณหนูสองฉินไม่ใช่คนหนูสองคนเดิมอีกต่อไปแล้ว นางเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่งแล้ว นางไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัวอีก
เป็นดั่งที่ใต้เท้าคนนั้นกล่าว ในเมื่อนางจะตายอยู่แล้ว เหตุใดก่อนตายจึงไม่สร้างปัญหาให้ตระกูลไป๋ก่อน หากทำให้ตระกูลไป๋เดือดร้อนได้ก็ถือว่านางได้แก้แค้นแทนมารดาของตัวเองแล้ว!
ไป๋จิ่นจื้อจูงมือหวงอาหรงเดินอ้อมสนามแข่งขันว่าวไปยังกระโจมของพี่หญิงใหญ่ เมื่อไปถึงก็ได้ยินคุณหนูสองตระกูลฉินกล่าวเสียงดังลั่น “รบกวนตระกูลไป๋ทำตัวเป็นแบบอย่างให้พวกเราด้วย เช่นนี้การปกครองระบอบใหม่จะได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น มิเช่นนั้นชาวบ้านอาจคิดว่าราชสำนักจงใจใช้กฎหมายนี้กับชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น พวกเขาอาจคิดว่าการแต่งงานใหม่ไม่ได้มีข้อดีเหมือนอย่างที่พวกท่านเคยกล่าวเอาไว้ มิเช่นนั้นเหตุใดสตรีหม้ายของราชวงศ์จึงไม่คิดแต่งงานใหม่กันบ้าง”
ทุกคนมองไปทางกระโจมของไป๋ชิงเหยียนเป็นตามเดียว พวกเขากำลังรอดูว่าผู้ใดคือผู้ชนะในการแข่งขันว่าวในครั้งนี้ ถึงไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินคุณหนูสองฉินกล่าวออกมาเช่นนี้
ทุกคนกลั้นลมหายใจมองไปทางไป๋ชิงเหยียน ต่งซื่อและบรรดาฮูหยินของตระกูลไป๋
ต่งซื่อไม่มีท่าทีร้อนใจแม้แต่น้อย นางพัดพัดกลมในมือพลางมองไปทางคุณหนูสองตระกูลฉินนิ่ง จากนั้นหันไปมองฮูหยินสองหลิวที่สีหน้าบึ้งตึง ฮูหยินสามหลี่ที่แสยะยิ้มเย็นออกมาเล็กน้อยและฮูหยินห้าฉีซื่อที่สีหน้าสงบราบเรียบ “ดูเหมือนว่าจงใจพุ่งเป้ามาที่พวกเรา อยากใช้พวกเราโจมตีการปกครองระบอบใหม่อย่างนั้นสินะ…”
ฮูหยินห้าฉีซื่อเอนกายพิงพำนักพิงพลางพัดพัดกลมในมือเป็นจังหวะ “คุณหนูสองตระกูลฉินช่างเป็นห่วงไม่เข้าเรื่องจริงๆ ไม่รู้ว่าผู้ใดคอยชักใยอยู่เบื้องหลังกันแน่”
คุณหนูสองตระกูลฉินก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนและต่งซื่อ จากนั้นกล่าวขึ้นอย่างพร้อมตายไปด้วยกัน “ไทเฮา ฝ่าบาทได้โปรดวินิจฉันด้วยเพคะ ไม่มีคนคอยชักใยอยู่เบื้องหลังหม่อมฉัน แม้หม่อมฉันจะไม่ใช่คนมีความสามารถ ทว่า หม่อมฉันอยากช่วยแบ่งเบาภาระฝ่าบาท ปกติหม่อมฉันไม่มีโอกาสเข้าเฝ้าฝ่าบาท หม่อมฉันจึงถือโอกาสนี้ทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาท ฝ่าบาทได้โปรดเห็นแก่ราชสำนักเป็นใหญ่ อนุญาตให้ฮูหยินของตระกูลไป๋แต่งงานใหม่ด้วยเถิดเพคะ”
“ข้าไม่เข้าใจคำกล่าวของเจ้า!” ฮูหยินห้าฉีซื่อหัวเราะเสียงเย็น “ขอให้ฝ่าบาทอนุญาตให้พวกข้าแต่งงานใหม่อย่างนั้นหรือ ทำอย่างกับว่าฝ่าบาทไม่อนุญาตให้พวกข้าแต่งงานใหม่อย่างนั้นแหละ”
หลิ่วหรูซื่อได้รับคำแนะนำจากหลู่จิ้นจึงรู้จุดประสงค์ของไป๋ชิงเหยียนแล้ว เขาเดินมุ่งหน้าไปยังกระโจมของไป๋ชิงเหยียน ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนและไทเฮา จากนั้นกล่าวขึ้น “รู้ข่าวมาว่าวันนี้มีคนจงใจจะนำเรื่องกฎหมายอนุญาตให้สตรีหม้ายแต่งงานใหม่มาก่อเรื่องในงานแข่งขันว่าวของเกาอี้จวิน ข้ายังนึกว่าผู้ใดกันที่อุกอาจเพียงนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคุณหนูสองตระกูลฉินที่เคยทำร้ายฝูกั๋วจวินจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดและยังกล้าอ้างว่าตัวเองคือน้องสะใภ้ของฝูกั๋วจวินผู้นี้”
คุณหนูสองตระกูลฉินคุกเข่าอยู่ที่เดิม หญิงสาวดูไม่ได้หวาดกลัวเสนาบดีกรมพิธีการหลิ่วหรูซื่อที่ขึ้นชื่อว่าปากร้ายที่สุดในเมืองหลวงแม้แต่น้อย หญิงสาวเงยหน้ามองหลิ่วหรูซื่อ
“ข้าก่อเรื่องที่ใดกัน บัดนี้ในเมืองหลวงลือกันไปทั่วว่าสตรีหม้ายจากตระกูลธรรมดาแต่งงานใหม่ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ทว่า ฮูหยินตระกูลไป๋ไม่ได้แต่งงานใหม่เลยสักคน เหตุใดพวกนางจึงไม่แต่งงานใหม่ พวกนางไม่กลัวผู้อื่นครหาหรืออย่างไร”
หลายวันก่อนไป๋ฉีเหอจัดการกับคนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่คิดอาจเอื้อมแต่งงานกับฮูหยินตระกูลไป๋อย่างเด็ดขาด ดังนั้นคนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่มาร่วมงานในวันนี้จึงไม่มีผู้ใดกล้ามีความคิดไม่ดีเช่นนั้นอีก นึกไม่ถึงเลยว่าคุณหนูสองตระกูลฉินจะกล้ากล่าวและทำในสิ่งที่พวกเขาเคยอยากทำเช่นนี้…
หากนางบีบจนฮูหยินตระกูลไป๋ยอมแต่งงานใหม่อย่างไม่มีทางเลือก พวกเขาก็อาจมีความหวังอยู่ อย่างน้อยพวกเขาก็คือคนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ ให้ฮูหยินไป๋เหล่านี้แต่งงานกับคนในตระกูลบรรพบุรุษย่อมดีกว่าปล่อยผลประโยชน์ให้คนนอกตระกูล
เมื่อคิดได้ดังนี้ คนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋จึงเริ่มคิดวางแผนในใจอีกครั้ง
“ด้านนอกล้วนลือกันเช่นนี้ ที่ฮูหยินตระกูลไป๋ไม่ยอมแต่งงานใหม่กันสักคนเพราะแท้จริงแล้วราชวงศ์รู้สึกว่าการที่สตรีแต่งงานใหม่ทำลายขนบธรรมเนียมเดิม ไม่มีผลดีต่อตระกูล ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้ฮูหยินตระกูลไป๋แต่งงานใหม่ใช่หรือไม่ จักรพรรดินีแห่งต้าโจวบังคับเพียงสตรีหม้ายจากครอบครัวธรรมดาแต่งงานใหม่! สนใจเพียงหน้าตาของราชวงศ์ ไม่สนใจเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวบ้านธรรมดา หม่อมฉันไม่เห็นด้วยเพคะ” คุณหนูสองตระกูลฉินกล่าวอย่างยุติธรรม
หลิ่วหรูซื่อที่เตรียมตัวมาพร้อมเตรียมเอ่ยขึ้น ทว่า ได้ยินฮูหยินห้าฉีซื่อกล่าวขึ้นเสียก่อน
“ใต้เท้าหลิ่ว…” ฮูหยินห้าฉีซื่อจับมือตี๋หมัวมัวลุกขึ้นยืน นางหันไปทำความเคารพต่งซื่อ จากนั้นกล่าวขึ้นยิ้มๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ ในเมื่อคุณหนูสองตระกูลฉินเอาแต่กล่าวถึงสตรีหม้ายของตระกูลไป๋ ในฐานะสตรีหม้ายของตระกูลไป๋ ข้าอยากกล่าวสิ่งใดสักหน่อยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินห้าฉีซื่อยืนขึ้นในฐานะของสตรีหม้ายของตระกูลไป๋ ใบหน้าของนางมีรอยยิ้มอ่อนๆ ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยความทระนง
ต่งซื่อรู้ดีว่าวาทศิลป์ของน้องสะใภ้ห้าผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าใต้เท้าหลิ่วจึงพยักหน้าให้ “เชิญน้องสะใภ้ห้า…”
“ท่านอาสะใภ้ห้า…” ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น นางรู้แล้วว่าท่านอาสะใภ้ห้าต้องการจะกล่าวสิ่งใด นางไม่อยากให้ชื่อเสียงของอาสะใภ้ห้าต้องเสื่อมเสียเพียงเพราะต้องการช่วยนางผลักดันระบอบการปกครองใหม่
ฮูหยินห้าฉีซื่อยิ้มให้ไป๋ชิงเหยียนน้อยๆ จากนั้นส่ายหน้าสื่อให้ไป๋ชิงเหยียนสบายใจ
ต่งซื่อตบมือของบุตรสาวเบาๆ ปลอบโยนไม่ให้บุตรสาวเป็นกังวล
หลิ่วหรูซื่อยืนรอฟังอยู่ด้านข้างนิ่งๆ หากฮูหยินห้ากล่าวไม่ตรงประเด็น เขาจะได้ช่วยเสริมได้ทัน
เว่ยจงเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เขาเข้าไปป้องปากกระซิบข้างหูไป๋ชิงเหยียน จากนั้นรอฟังคำสั่งอย่างนอบน้อม
“เจ้าไปตามประมุขไป๋ไปก่อน เดี๋ยวข้าตามไป…” ไป๋ชิงเหยียนสั่งเว่ยจง จากนั้นกำชับต่อ “ให้ท่านหมอหงตรวจดูอาการของท่านอาสะใภ้สี่ด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยจงรับคำ จากนั้นเดินไปตามไป๋ฉีเหอและหมอหงดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“ท่านอาสะใภ้สี่ของเจ้าเป็นอันใดไป” ต่งซื่อถาม
“มิเป็นอันใดเจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นกังวลเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
ฮูหยินห้าฉีซื่อโบกพัดกลมในมือ เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคุณหนูสองตระกูลฉินท่ามกลางสายตาของทุกคน จากนั้นกล่าวขึ้นยิ้มๆ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดบรรดาสะใภ้อย่างพวกข้าจึงไม่แต่งงานใหม่”
คุณหนูสองตระกูลฉินไม่รู้ว่าฮูหยินห้าฉีซื่อตั้งใจจะทำสิ่งใด นางจึงไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
ฮูหยินห้ากล่าวขึ้นยิ้มๆ “เพราะพวกเราไม่อยากแต่งงานใหม่อย่างไรเล่า…”
“ฮูหยินห้ากล่าวเช่นนี้ไม่กลัวว่าชาวบ้านจะสงสัยในกฎหมายข้อนี้หรือเจ้าคะ ราชวงศ์ไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างให้ชาวบ้าน ชาวบ้านจะเชื่อใจกฎหมายนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ” คุณหนูสองตระกูลฉินก้มคำนับครั้งหนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อ “เพื่อระบอบการปกครองใหม่ ข้าคิดว่าบรรดาฮูหยินควรแต่งงานใหม่เจ้าค่ะ…”
ฮูหยินสองหลิวซื่อได้ยินคุณหนูสองตระกูลฉินกล่าวเช่นนี้จึงเตรียมลุกขึ้นด่าคุณหนูสองตระกูลฉิน ทว่า ถูกฮูหยินสามหลี่ซื่อรั้งไว้พลางส่ายหน้าห้ามนางเสียก่อน