สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1055 ล่วงเกินเทพเจ้า
ตอนที่ 1055 ล่วงเกินเทพเจ้า
ไป๋ชิงอวี๋มองไปทางอ๋องหรงตี๋ที่กำลังเกรี้ยวกราดด้วยแววตาเย็นชา ในสมองปรากฏภาพของสหายในกองทัพไป๋ที่เสี่ยงชีวิตช่วยเขาออกมาจากกองเพลิง…พวกเขาถูกอ๋องแห่งหรงตี๋ยิงธนูปลิดชีพทีละคนด้วยความสะใจ ไป๋ชิงอวี๋ยังจดจำภาพก่อนสิ้นใจของคนเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี
ไป๋ชิงอวี๋นึกถึงซูมู่ที่มักยิ้มอย่างร่าเริงอยู่ท่ามกลางฝูงแกะ เขาจำภาพที่เด็กสาวใช้มีดปลิดชีพตัวเองจนเลือดท่วมตัวหลังถูกอ๋องแห่งหรงตี๋ขืนใจได้ติดตา
น้ำเสียงแหบพร่าของไป๋ชิงอวี๋กล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น “ความวุ่นวายในวันนี้เกิดขึ้นเพราะอ๋องแห่งหรงตี๋หวาดกลัวกองทัพช้างของแคว้นเทียนเฟิ่งจนคิดนำหรงตี๋เข้าร่วมกับต้าโจว อ๋องหน้ากากผียกทัพต่อต้านจนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของอ๋องแห่งหรงตี๋ หรงตี๋ผนวกดินแดนเข้ากับต้าโจว อ๋องแห่งหรงตี๋ได้รับเชิญจากจักรพรรดินีแห่งต้าโจวไปเป็นอ๋องที่เมืองหลวงของต้าโจว”
คำกล่าวของไป๋ชิงอวี๋เปรียบเสมือนการยัดเยียดความอัปยศให้อ๋องแห่งหรงตี๋ หากหรงตี๋สูญสลายด้วยน้ำมือของเขา เขาจะกลายเป็นคนบาปของหรงตี๋ไปตลอดกาล
อ๋องแห่งหรงตี๋โมโหจนหน้าแดงก่ำ ทว่า กลับกล่าวสิ่งใดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ได้แต่กล่าวเพียง “เจ้า…เจ้า…”
ไป๋ชิงอวี๋คุกเข่าลงตรงหน้าอ๋องแห่งหรงตี๋ กล่าวกับอ๋องแห่งหรงตี๋เสียงเบา “ส่วนท่าน ข้าจะให้ท่านมีชีวิตอยู่ต่อไปในเมืองหลวงของต้าโจว!”
ไป๋ชิงอวี๋ลุกขึ้นทันทีที่กล่าวจบ เขาหันไปกล่าวกับหลูผิง “ให้คนพาตัวไป อย่าให้เขาตายเด็ดขาด…”
หลูผิงรับคำ เมื่อหลูผิงพาตัวอ๋องแห่งหรงตี๋จากไปแล้ว ไป๋ชิงอวี๋ปลดชุดเกราะของตัวเองออก จากนั้นค่อยๆ ถอดหน้ากากบนใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าปกติครึ่งซีกและใบหน้าอีกครึ่งซีกที่เสียโฉมจากการถูกไฟเผา ไป๋ชิงอวี๋ยื่นหน้ากากและชุดเกราะให้หวังต้ง “ไปจัดการเถิด!”
นับจากนี้เป็นต้นไปอ๋องหน้ากากผีจะหายไปตลอดกาล
ไป๋ชิงอวี๋จะกลับไปพบหน้าครอบครัวในฐานะของคุณชายห้าแห่งตระกูลไป๋
หวังต้งเข้าใจความหมายของเจ้านาย เขาถือหน้ากากและชุดเกราะเดินจากไป…
ในขณะเดียวกัน ค่ายทหารแคว้นเทียนเฟิ่งที่ตั้งอยู่ระหว่างชายแดนซีเหลียงและหรงตี๋
คบเพลิงที่ตั้งอยู่ทางสี่ทิศของค่ายทหารสว่างจ้า ไฟลุกโชนให้ความสว่างราวกับเป็นเวลากลางวัน
อาเค่อเซี่ยที่เพิ่งสำรวจความเรียบร้อยของช้างในกองทัพเสร็จกำดาบที่เอวแน่น เขาเดินไปยังกระโจมที่พักของแม่ทัพใหญ่พลางเรียนรู้ภาษาของซีเหลียง ต้าโจวและต้าเยี่ยนจากผู้เชี่ยวชาญไปพลาง
ช่วงที่ชุยเฟิ่งเหนียนปรากฏตัวขึ้นที่แคว้นเทียนเฟิ่ง เจ้านายของพวกเขาและจอมเวทย์แห่งแคว้นเทียนเฟิ่งสนใจแคว้นต่างๆ ที่ชุยเฟิ่งเหนียนเล่าให้พวกเขาฟังเป็นอย่างมาก
พวกเขาส่งคนติดตามชุยเฟิ่งเหนียนมายังซีเหลียง เมื่อจับคนซีเหลียงกลับไปพวกเขาจึงได้รู้ว่าดินแดนเหล่านี้เคยเป็นดินแดนเดียวกันมาก่อน พวกเขาเคยใช้ภาษาและตำราเดียวกันมาก่อน แม้แต่ละพื้นที่จะมีภาษาถิ่นเป็นของตัวเอง ทว่า ภาษากลางของทุกคนคือภาษาเดียวกัน
นี่คือเหตุผลที่แคว้นเทียนเฟิ่งยอมทุ่มเทถึงเพียงนี้ ขอเพียงเข้าใจภาษาของแคว้นอื่น พวกเขาจะสามารถอ่านตำราของซีเหลียง ต้าเยี่ยนและต้าโจวได้อย่างเข้าใจ ขอเพียงรู้ภาษากลางของพวกเขา พวกเขาจะสามารถฟังภาษาถิ่นของแต่ละพื้นที่ออกทันที
อาเค่อเซี่ยเป็นแม่ทัพใจร้อน ทว่า รักในการเรียนรู้ ถึงแม้จะไปตรวจความเรียบร้อยของค่ายทหารก็ยังพาผู้เชี่ยวชาญเดินตามไปด้วยเพื่อเรียนรู้ภาษาของแต่ละแคว้นให้ได้เร็วที่สุด
“ท่านแม่ทัพ…” ลูกน้องของอาเค่อเซี่ยเดินวนไปมาหน้ากระโจมแม่ทัพใหญ่ด้วยความร้อนใจ เมื่อเห็นอาเค่อเซี่ยจึงรีบถลาเข้าไปหา “ท่านแม่ทัพ นายท่านและศิษย์คนโตของท่านจอมเวทย์มาขอรับ!”
อาเค่อเซี่ยชะงักฝีเท้าลงทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นทหารองครักษ์ของเจ้านายยืนอยู่หน้ากระโจม อาเค่อเซี่ยจึงรีบปลดดาบที่เอวส่งให้ลูกน้อง จากนั้นวิ่งเข้าไปในกระโจมใหญ่ทันที
เมื่อเข้าไปในกระโจม อาเค่อเซี่ยเห็นเจ้านายของตัวเองในชุดนักรบนั่งอยู่บนเก้าอี้พยัคฆ์ของเขา รองเท้าหนังประดับมุกของเจ้านายเหยียบอยู่บนหัวพยัคฆ์ เท้าศอกลงบนหัวเข่าด้วยท่าทีสบายๆ กำลังสนทนาสิ่งใดบางอย่างอยู่กับศิษย์คนโตของจอมเวทย์ซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งถัดจากเขา
เมื่ออาเค่อเซี่ยเห็นเจ้านายและศิษย์คนโตของจอมเวทย์จึงรีบก้าวเข้าไปคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น จากนั้นกำหมัดทุบไปที่หน้าอกเพื่อคำนับ “นายท่าน!”
ผู้นำแคว้นเทียนเฟิ่งมีดวงตาที่ล้ำลึกและงดงาม ขนตาของเขายาวโค้งเป็นแพ ใบหน้าคมคายและรูปงามกว่าคนซีเหลียง อาจเป็นเพราะคนเทียนเฟิ่งมีสันคิ้วและจมูกที่โด่งเกือบทุกคน คนแคว้นเทียนเฟิ่งจึงมีขนคิ้วที่หนาและดวงตาที่กลมโต เป็นความงดงามที่แฝงไปด้วยความหยาบกระด้างและดุดัน
“อาเค่อเซี่ยลุกขึ้นเถิด!” ผู้นำแคว้นเทียนเฟิ่งยกเท้าออกจากหัวพยัคฆ์ โบกมือสื่อให้อาเค่อเซี่ยลุกขึ้น เขาขมวดคิ้วแน่นราวกับมีเรื่องกังวลใจ
อาเค่อเซี่ยจงรักภักดีต่อเจ้านายของตัวเองมากที่สุด เมื่อเห็นว่าเจ้านายดูมีเรื่องกังวลเขาจึงรู้สึกกังวลตาม อาเค่อเซี่ยไม่ชอบเห็นเจ้านายของตัวเองมีเรื่องทุกข์ใจ เขายินดีทำทุกอย่างขอเพียงเจ้านายมีความสุข “นายท่านมาที่นี่เพื่อสังเกตการณ์รบหรือมีเรื่องอันใดไม่สบายใจต้องการให้อาเค่อเซี่ยช่วยเหลือขอรับ”
“ท่านจอมเวทย์ป่วยหนัก บัดนี้ยังไม่ฟื้นเลย” ผู้นำแคว้นเทียนเฟิ่งเงยหน้ามองอาเค่อเซี่ย
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ขอรับ!” อาเค่อเซี่ยคาดไม่ถึง
“ท่านอาจารย์กระอักเลือดออกมาตอนตรวจดูดวงชะตาขอรับ ท่านให้ข้ารีบไปเชิญนายท่านมาพบ…” ศิษย์คนโตของจอมเวทย์แห่งแคว้นเทียนเฟิ่งเล่าให้อาเค่อเซี่ยฟังอย่างละเอียด “ท่านจอมเวทย์กล่าวว่าองค์เทพมีบัญชาว่าพวกเรายังไม่ใช่เจ้าของแผ่นดินตรงนี้อย่างแท้จริง เจ้าของซึ่งนับถือภูเขาหิมะศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับเราที่อยู่อีกฝั่งของภูเขาหิมะยังมีชีวิตอยู่ หากพวกเรารุกรานดินแดนของเขา เทพเจ้าจะพิโรธ”
สีหน้าของอาเค่อเซี่ยเปลี่ยนไปทันที แม้อาเค่อเซี่ยจะไม่ชอบที่จอมเวทย์มักใช้เทพเจ้ามาควบคุมเจ้านายของเขา ยุ่งวุ่นวายแม้กระทั่งการแต่งงานของเจ้านาย ทว่า ต้องยอมรับว่าจอมเวทย์มีอิทธิพลมากในแคว้นเทียนเฟิ่งดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ชาวบ้านแคว้นเทียนเฟิ่งนับถือจอมเวทย์มากเพราะจอมเวทย์คือคนที่ใกล้ชิดกับเทพเจ้ามากที่สุด นับแต่โบราณจอมเวทย์มักสอนในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ให้แก่ชาวบ้าน ให้คนแคว้นเทียนเฟิ่งมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
ตอนแรกแคว้นเทียนเฟิ่งยังไม่ได้รุ่งเรืองและแข็งแกร่งเหมือนดั่งตอนนี้ การปรากฏตัวของจอมเวทย์ทำให้แคว้นเทียนเฟิ่งค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผงหมึกดำ การฝึกกองทัพช้าง การแนะนำวิธีการสร้างอุปกรณ์แบบใหม่ให้ชาวบ้านมีความสะดวกสบายมากขึ้นหรือแม้แต่การแนะนำให้ชาวบ้านรู้จักเกลือบริสุทธิ์ก็ล้วนเป็นฝีมือของจอมเวทย์ทั้งสิ้น ดังนั้นจอมเวทย์จึงมีอิทธิพลมากในแคว้นเทียนเฟิ่ง บางครั้งยังได้รับความเคารพนับถือจากชาวบ้านมากกว่าผู้นำแคว้นอีกต่างหาก
ผู้นำแคว้นของแคว้นเทียนเฟิ่งมาจากการคำนวณดวงชะตาของจอมเวทย์ทั้งสิ้น…
เมื่อศิษย์คนโตของจอมเวทย์เห็นท่าทีของอาเค่อเซี่ยจึงกล่าวขึ้น “ข้าทราบว่าท่านแม่ทัพอาเค่อเซี่ยอยากนำกองทัพช้างไปยึดดินแดนให้นายท่าน ให้นายท่านกลายเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าแห่งนี้ ทว่า ทุกสิ่งล้วนมีลำดับ ที่สำคัญเจ้าของดินแดนที่เคารพบูชาเทพเจ้าบนภูเขาหิมะศักดิ์สิทธิ์นี้ยังมีชีวิตอยู่ หากพวกเราฝืนรุกรานจะเป็นการล่วงเกินเทพเจ้าขอรับ”
เมื่อเอ่ยถึงเทพเจ้าบนภูเขาหิมะ ทุกคนในกระโจมรวมถึงผู้นำของแคว้นเทียนเฟิ่งต่างแสดงความเคารพบูชาอย่างเต็มที่
แคว้นเทียนเฟิ่งศรัทธาในเทพเจ้าเช่นเดียวกับที่ซีเหลียงเป็น กระทั่งเคารพและบูชายิ่งกว่าซีเหลียงเสียอีก
เดิมทีซีเหลียงคิดว่าสามารถใช้เทพเจ้าเป็นข้ออ้างในการขอร้องให้แคว้นเทียนเฟิ่งช่วยเหลือซีเหลียงได้ ผู้ใดจะคิดว่าเมื่อกองทัพช้างเดินทางมาถึงแคว้นซีเหลียง แคว้นซีเหลียงจะไม่ได้อยู่ในการควบคุมของจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงอีกต่อไป
ผู้นำแคว้นเทียนเฟิ่งลูบหยกจักจั่นที่กำอยู่ในมือตลอดเวลา จากนั้นถอนหายใจยาวออกมา “ช่างเถิด! ก่อนท่านจอมเวทย์จะกระอักเลือดหมดสติไป ท่านกล่าวไว้เพียงเท่านี้ ดูเหมือนว่าเทพเจ้าจะพิโรธแล้วจริงๆ !”