สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1061 บังคับฝืนใจ
ตอนที่ 1061 บังคับฝืนใจ
เมื่อวานคุณหนูใหญ่เรียกเขาไปพบในวังหลวง อีกทั้งมอบของขวัญให้เขามากมาย กำชับให้เขาดูแลชุนเถาให้ดี วันนี้คุณหนูใหญ่ออกจากวังหลวงมาส่งชุนเถาออกเรือน…
เฉินชิ่งเซิงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตอบแทนบุญคุณของคุณหนูใหญ่อย่างเต็มที่ให้สมกับที่คุณหนูใหญ่เมตตาเขาและชุนเถา
เมื่อส่งชุนเถาออกเรือนเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้รีบร้อนกลับวังหลวง หญิงสาวนั่งพักในเรือนชิงฮุย มองดูข้าวของภายในเรือนที่ได้รับการทำความสะอาดเป็นอย่างดี ไม่มีผู้ใดแตะต้องของภายในเรือนแม้แต่น้อย ของทุกชิ้นยังคงวางอยู่ตำแหน่งเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
บ่าวรับใช้จุดไฟในเตาผิงใต้ดินเพื่อให้ความอบอุ่นเหมือนตอนที่ไป๋ชิงเหยียนเคยอาศัยอยู่ ดอกไม้ที่อยู่บนแท่นสูงบานสะพรั่งเหมือนตอนที่นางเคยอยู่ก่อนหน้านี้
แม้วังหลวงจะโอ่อ่า ทว่า ไม่ทำให้ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้อยู่บ้านเหมือนเรือนชิงฮุย หญิงสาวรู้ดีว่าสักวันหนึ่งนางจะกลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง วันนั้นใต้หล้าอาจรวมเป็นหนึ่งแล้ว หรือไม่นางก็คงแก่ชรามากแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนอาวรณ์ความอบอุ่นที่ได้รับจากเรือนชิงฮุย ทว่า นางรู้ดีว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่นางจะพักผ่อนได้ หญิงสาวนั่งพักอยู่ในเรือนชิงฮุยสักพัก จากนั้นรวบรวมแรงกำลังทั้งหมดเพื่อเตรียมเผชิญหน้ากับแคว้นเทียนเฟิ่งที่ชาติที่แล้วนางไม่เคยพบมาก่อน
เสิ่นชิงจู๋ยืนอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นคุณหนูใหญ่หลับตาพลางเอามือลูบท้องของตัวเอง สายตาของเสิ่นชิงจู๋จึงหยุดอยู่ที่หน้าท้องของคุณหนูใหญ่ แววตาเย็นชาของนางส่อแววอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย
เสิ่นชิงจู๋มองเห็นเว่ยจงกำลังเดินวนไปมาอย่างร้อนใจอยู่กลางลานหญ้าผ่านผ้าม่านลายดอกไม้ผืนบาง ทว่า ไม่กล้าเดินเข้ามาหาคุณหนูใหญ่ เสิ่นชิงจู๋จึงเข้าไปกระซิบเสียงเบา “คุณหนูใหญ่กลับวังเถิดเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นฮูหยินใหญ่อาจกังวลได้เจ้าค่ะ”
“ได้…” ไป๋ชิงเหยียนลืมตาขึ้น จากนั้นรับคำเสียงเบา “กลับกันเถิด”
ระหว่างเดินทางกลับวังหลวงถงหมัวมัวรายงานไป๋ชิงเหยียนบนรถม้า “เฉินชิ่งเซิงกล่าวว่าเขาเห็นคุณหนูใหญ่ที่จวนไป๋เจ้าค่ะ ทว่า คุณหนูใหญ่แต่งกายชุดธรรมดาออกมาจากวังหลวง เขากลัวว่าหากเขามาทำความเคารพคุณหนูใหญ่จะสร้างปัญหาให้คุณหนูใหญ่จึงฝากบ่าวมาขอขมาเจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะดูแลชุนเถาให้ดี คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ”
สิ้นเสียงไป๋ชิงเหยียนที่นั่งเอนกายพิงหมอนอิงอยู่ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม “พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน เหมาะสมกันดั่งกิ่งทองใบหยก เฉินชิ่งเซิงเดินทางไปยังที่ต่างๆ มากมาย เขาพบเห็นโลกกว้างมามาก ทว่า กลับมั่นคงในความรักที่มีต่อชุนเถา ข้าไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีก”
ชุนเถาใสซื่อ เฉินชิ่งเซิงปราดเปรื่อง ทั้งคู่เหมาะสมกันมาก
การเจรจาเชื่อมไมตรีจะจัดขึ้นในวันที่ห้า เดือนสิบสอง หลิ่วหรูซื่อบอกให้ทูตของเทียนเฟิ่งเปลี่ยนเป็นจัดหลังวันที่สิบห้าแทน กล่าวว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเดินทางไปถึงผิงหยางได้เร็วที่สุดในวันที่สิบสอง จากนั้นส่งข่าวไปบอกยังต้าเยี่ยน ให้ต้าเยี่ยนไม่ต้องรีบร้อนเดินทาง
หลิ่วหรูซื่อรู้ว่าต้าโจวและต้าเยี่ยนจะจับมือเป็นพันธมิตรกันเพื่อต่อต้านเทียนเฟิ่ง จักรพรรดินีแห่งต้าโจวเสนอให้ผู้นำของสองแคว้นลงนามในสัญญาพันธมิตรในครั้งนี้ด้วยตัวเองเพื่อข่มขวัญเทียนเฟิ่ง ต้าเยี่ยนต้องเดินทางไปร่วมงานเช่นเดียวกันแน่นอน
หลิ่วหรูซื่อทำเช่นนี้เพื่อบอกเทียนเฟิ่งว่าอย่าคิดว่าแคว้นเทียนเฟิ่งมีกองทัพช้างแล้วจะกลายเป็นแคว้นอันดับหนึ่ง ต้องการเชื่อมไมตรีไม่ใช่ปัญหา ทว่า ต้าโจวจะเป็นคนกำหนดทุกอย่างเอง
ทูตของเทียนเฟิ่งจนปัญญาจึงได้แต่สั่งให้คนขี่ม้าเร็วกลับไปรายงานให้ผู้นำแคว้นเทียนเฟิ่งรับรู้
ผู้ที่จะติดตามไป๋ชิงเหยียนไปยังผิงหยางในครั้งนี้มีเสิ่นซือคง หลิ่วหรูซื่อ เสิ่นเทียนจือ เซี่ยอวี่จั่งและหยางอู่เช่อ หลู่ไท่เว่ยส่งจดหมายไปยังกองทัพไป๋ที่ชิวซานให้จัดกำลังทหารไปคุ้มครองไป๋ชิงเหยียนที่เมืองผิงหยางให้ปลอดภัย
เมื่อเตรียมการเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยไป๋ชิงเหยียนจึงออกเดินทางไปยังเมืองผิงหยาง ขณะเดียวกันจักรพรรดิต้าเยี่ยนและอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนเริ่มเดินทางไปยังชายแดนซีเหลียงเช่นเดียวกัน
หนทางค่อนข้างขรุขระ ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เดินทางเร็วนัก หญิงสาวให้ขบวนเดินทางอ้อมไปเยี่ยนว่อเพื่อดูว่าฉินซ่างจื้อดูแลเรื่องการซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอไปถึงขั้นใดแล้ว
การซ่อมแซมเขื่อนคืองานใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อย่างเข้าฤดูหนาวพื้นดินจะแข็งจนเสียเวลาไปอีกพักใหญ่…
ทว่า หากไม่ซ่อมแซมให้เรียบร้อย ปีหน้าอาจเกิดอุทกภัยขึ้นอีก ชาวบ้านและทหารจึงกัดฟันทำงานต่อในช่วงฤดูหนาวดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ไป๋ชิงเหยียนไม่วางใจจึงอยากไปสำรวจด้วยตัวเอง เซี่ยอวี่จั่งตกใจจนรีบพาคนตามไปคุ้มกันข้างกายไป๋ชิงเหยียน เขากลัวว่าอาจเกิดสิ่งใดขึ้นกับหญิงสาว โชคดีที่เสิ่นชิงจู๋และองครักษ์ไป๋คุ้มครองไป๋ชิงเหยียนได้เป็นอย่างดี เซี่ยอวี่จั่งจึงวางใจลงไม่น้อย
เมื่อเข้าฤดูหนาวร่างกายของมนุษย์ไม่ได้คล่องแคล่วเท่าฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง ทว่า ชาวบ้านและทหารที่มีหน้าที่ซ่อมแซมเขื่อนไม่คิดหยุดพักแม้แต่คนเดียว
เหล่าทหารทำตามคำสั่งของเจ้านาย ชาวบ้านไม่อยากอพยพหนีจากบ้านเกิดไปเพราะน้ำท่วม
ไป๋ชิงเหยียนสวมเสื้อคลุมกันลมขนจิ้งจอกตัวหนาเดินไปบนเนินเขาที่สูงต่ำไม่สม่ำเสมอพร้อมกับฉินซ่างจื้อช้าๆ หญิงสาวมองดูบรรดาชาวบ้านและทหารที่ทำงานกันอย่างขันแข็ง นางให้ฉินซ่างจื้อเดินไปเป็นเพื่อนนางสักระยะ
หญิงสาวกล่าวกับฉินซ่างจื้อ “สั่งให้คนเตรียมน้ำขิงให้ชาวบ้านและทหารทุกวัน สิ่งสำคัญคือให้ทุกคนกินอิ่ม เดิมทีอากาศหนาวมากอยู่แล้ว ทุกคนยังต้องทำงานใช้แรงงานกันเช่นนี้อีก อย่าปล่อยให้ทุกคนหิวโซเด็ดขาด เดี๋ยวข้าจะให้กรมการคลังส่งเงินมาให้ทางนี้อีก พยายามสร้างเขื่อนให้เสร็จก่อนฤดูน้ำหลากในปีหน้าให้ได้ไม่ว่าจะเสียเงินเท่าใดก็ตาม”
ฤดูหนาวในเยี่ยนว่อหนาวมาก ขณะกล่าวไอหนาวออกมาจากปากไป๋ชิงเหยียนด้วย ลมหนาวพัดผ่านจนใบหูของหญิงสาวเจ็บจนชา “เตรียมที่ครอบหูให้ชาวบ้านและทหารด้วย…”
“ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบขอบเขตดีพ่ะย่ะค่ะ” ฉินซ่างจื้อยกมือคารวะไป๋ชิงเหยียน “ชาวบ้านบอกว่าหลังจากเกิดภัยน้ำท่วมขึ้นพื้นดินของเยี่ยนว่ออุดมสมบูรณ์มากกว่าเดิมมากพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอเสร็จก่อนฤดูน้ำหลาก ปีหน้าต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“อีกเรื่อง…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางชาวบ้านที่กำลังทำงานอยู่พลางเดินไปบนก้อนหินขรุขระ จากนั้นกล่าวขึ้น “ตอนนี้เข้าฤดูหนาวแล้ว ท้องฟ้ามืดเร็ว ข้าคิดว่าสามารถลดเวลาการทำงานของชาวบ้านและทหารลงได้สักครึ่งถึงหนึ่งชั่วยาม จากนั้นเอาเวลาเหล่านั้นมาศึกษาตำราแทน! ทำเช่นเดียวกับที่ทหารค่ายซั่วหยางเคยทำ ผู้ใดเรียนรู้ได้เร็วจะได้เนื้อเป็นของรางวัล หากทำได้ดีกว่านั้นจะตบเงินรางวัลให้!”
ฉินซ่างจื้อรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการสร้างความรู้ให้ชาวบ้าน เขาบอกให้ไป๋ชิงเหยียนไม่ต้องเป็นห่วง จากนั้นถามถึงอดีตองค์รัชทายาท กล่าวว่าหากซ่อมแซมเขื่อนเสร็จจะไปอยู่กับอดีตองค์รัชทายาท
ฉินซ่างจื้อบอกกับไป๋ชิงเหยียนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แม้เสียดายความสามารถของฉินซ่างจื้อ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดบังคับฝืนใจผู้ใด
รอบกายเต็มไปด้วยเสียงจอบและพลั่ว เสียงร้องเรียกรับประทานอาหารดังขึ้นแต่ไกล หัวหน้าหน่วยปักจอบลงบนดินเป็นคนแรก จากนั้นตะโกนขึ้น “กินข้าวได้แล้ว!”
ชาวบ้านที่กำลังทำงานอยู่ได้ยินจึงพากันวางอุปกรณ์ในมือลง ใช้ผ้าขนหนูที่พาดอยู่ที่คอเช็ดเหงื่อ ปัดฝุ่นตามเสื้อผ้าของตัวเอง จากนั้นเดินไปยังกระโจมทานอาหาร
เมื่อรับอาหารเสร็จ ชาวบ้านและทหารซึ่งนั่งอยู่ในกระโจมที่ตั้งขึ้นชั่วคราวมองเห็นหญิงสาวในชุดนักรบสวมทับด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์หนาเดินเข้าไปในกระโจมทานอาหารพร้อมกับฉินซ่างจื้อจึงพากันคาดเดาฐานะของไป๋ชิงเหยียนไปต่างต่างนานา