สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1095 ไม่สนใจว่าจะเป็นที่รักหรือถูกชัง
ตอนที่ 1095 ไม่สนใจว่าจะเป็นที่รักหรือถูกชัง
พี่สาวไป๋เป็นคนรักษาสัญญามาโดยตลอด พี่สาวไป๋เคยรับปากเขาที่หน้าเมืองหลวงว่าหากเขาสร้างความดีความชอบได้เมื่อใดจะมอบหอกเงินหงอิงให้แก่เขา
ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ทันบอกว่าจะมอบหอกเงินหงอิงให้หลู่หยวนเผิง หลู่หยวนเผิงก็เดาได้แล้วว่าเขากำลังจะได้ครอบครองหอกเงินหงอิงเป็นคนต่อไป เขารีบเช็ดฝ่ามือที่ซึมไปด้วยเหงื่อลงบนเสื้อผ้าของตัวเองทันที
“ดูเหมือนว่าหยวนเผิงจะรู้แล้วว่าข้าตามพวกเจ้ามาเพราะเหตุใด” ไป๋ชิงเหยียนเห็นสีหน้าของหลู่หยวนเผิงจึงยิ้มออกมา
หลู่หยวนเผิงหัวเราะแห้ง เขาเห็นพี่สาวไป๋รับหอกเงินหงอิงไปจากมือของเว่ยจง เขารีบหยัดกายตรงทันที
“ข้าเคยรับปากเจ้าว่าหากเจ้าเข้าร่วมกองทัพข้าจะมอบหอกเงินหงอิงนี่ให้เจ้า บัดนี้เจ้าทำได้ดีกว่าที่ข้าคิดไว้มาก แม้แต่แม่ทัพเสิ่นและแม่ทัพเฉิงยังชมเจ้าไม่หยุดปาก!” ไป๋ชิงเหยียนจับพู่สีแดงซึ่งห้อยอยู่ปลายหอกยาวด้วยความทะนุถนอม จากนั้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลู่หยวนเผิง กล่าวขึ้นยิ้มๆ “แม่ทัพเสิ่นเป็นคนหลอมหอกเล่มนี้ให้ข้าใช้ในสนามรบ…”
เสิ่นคุนหยางได้ยินจึงยิ้มกว้างขึ้นทันที เขามองไปทางหลู่หยวนเผิง
“แม่ทัพเสิ่นเคยบอกว่าอยากให้ข้าใช้หอกเล่มนี้สังหารศัตรูที่มารุกรานพวกเราให้ได้มากที่สุด” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหลู่หยวนเผิงที่ตั้งใจฟังนางยิ้มๆ “วันนี้ข้าขอมอบมันต่อให้เจ้า หวังว่าเจ้าจะใช้มันสังหารศัตรูและสร้างความดีความชอบให้ได้มากที่สุด”
หลู่หยวนเผิงมองไปทางเสิ่นคุนหยางด้วยแววตาเป็นประกาย เขาเช็ดมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อลงบนเสื้อผ้าอีกครั้ง จากนั้นยื่นมือทั้งสองข้างไปรับหอกเงินหงอิงมาจากไป๋ชิงเหยียน เขากำหอกไว้ในมือแน่น จากนั้นกล่าวเสียงหนักแน่น “พี่สาว…ฝ่าบาทวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ หยวนเผิงจะสังหารศัตรูให้ได้มากๆ จะกลายเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจอย่างฝ่าบาทให้ได้ ไม่ทำให้หอกเงินเล่มนี้ขายหน้า ไม่ทำให้ท่านปู่ของกระหม่อมขายหน้าพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นสีหน้าแน่วแน่ของหลู่หยวนเผิงจึงพยักหน้าให้ยิ้มๆ “เจ้าต้องกลายเป็นแม่ทัพที่ดีได้ในสักวันหนึ่ง ตั้งใจเรียนรู้จากแม่ทัพเฉิงให้ดี”
“พ่ะย่ะค่ะ!” หลู่หยวนเผิงกอดหอกเงินหงอิงไว้แนบอก ก้มคารวะไป๋ชิงเหยียน จากนั้นหัวเราะออกมาอย่างคุมไม่อยู่
ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางซือหม่าผิงที่มีท่าทีนอบน้อมแตกต่างจากตอนอยู่ในเมืองหลวงลิบลับ จากนั้นกล่าวขึ้น “แม่ทัพเสิ่นบอกกับข้าว่าเจ้าคือคนมีความสามารถ เมื่อวานตอนอยู่บนกำแพงเมืองข้าเห็นเจ้าใช้ดาบได้ดีมาก”
เมื่อวานหลู่หยวนเผิงกล้าหาญเกินไปจนขี่ม้าแซงหน้าเฉิงหย่วนจื้อบุกเข้าไปสู้รบกับศัตรูเป็นคนแรก
ซือหม่าผิงไม่วางใจจึงรีบขี่ม้าตามไปติดๆ
เมื่อซือหม่าผิงได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนมองเห็นเขาจากบนกำแพงจึงกำหมัดแน่น เขารู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ ทว่า สิ่งที่แสดงออกทางสายตามีเพียงความเคารพนอบน้อมราวกับไม่สนใจว่าจะเป็นที่รักหรือที่ชังเท่านั้น
เว่ยจงถือดาบยาวเล่มหนึ่งเดินไปด้านหน้า จากนั้นส่งดาบยาวให้ซือหม่าผิง
“ข้าได้ดาบเล่มนี้มาจากสงครามเมื่อวาน ดาบเล่มนี้ถูกหลอมขึ้นด้วยผงหมึกของเทียนเฟิ่ง มันแหลมคมจนสามารถตัดขนเพียงเส้นเดียวจนขาดวิ่นได้ วันนี้ข้ามอบมันให้แก่เจ้า” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
ซือหม่าผิงเงยหน้ารับดาบยาวมาด้วยมือทั้งสองข้าง เขาใช้นิ้วสัมผัสไปที่ฝักดาบเบาๆ ยังไม่ได้ชักดาบออกก็สัมผัสถึงแสนยานุภาพของมันแล้ว เป็นดาบล้ำค่าหายากจริงๆ ด้วย
ซือหม่าผิงรีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น “ซือหม่าผิงขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้ายังได้รับบาดเจ็บอยู่ รีบลุกขึ้นเถิด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับคนทั้งสอง “กลับไปพักรักษาตัวให้ดี อีกไม่นานพวกเราจะทำสงครามกับเทียนเฟิ่งและซีเหลียง ถึงเวลานั้นพวกเจ้าต้องช่วยสังหารศัตรูให้ได้มากที่สุด”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ซือหม่าผิงและหลู่หยวนเผิงรับคำด้วยความดีใจ จากนั้นเดินถือของรางวัลของตัวเองจากไป ไป๋ชิงอวี๋ซึ่งยืนเอามือไขว้หลังอยู่ด้านหลังก้าวไปด้านหน้าเล็กน้อย “พี่หญิง ในเมื่อพวกเราจะเริ่มทำศึกกับเทียนเฟิ่งและซีเหลียงในวันมะรืนนี้แล้ว ข้าคิดว่าเมื่อวางแผนทั้งหมดเสร็จแล้วพี่หญิงควรกลับไปรอที่เมืองหลวงก่อนนะขอรับ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“เมืองหลวงมีพวกหลู่ไท่เว่ยและท่านแม่อยู่ พี่ไม่มีสิ่งใดต้องเป็นห่วง” ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าไป๋ชิงอวี๋เป็นห่วงความปลอดภัยของนาง นางกล่าวกับไป๋ชิงอวี๋เสียงหนักแน่น “พี่อยู่ที่นี่เพื่อให้พวกเจ้าทุกคนรู้ว่าต้าโจวจะพ่ายแพ้ในสงครามครั้งนี้ไม่ได้เด็ดขาด เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึงพวกเราจะเสียเปรียบทันที ดังนั้นพวกเราต้องขับไล่เทียนเฟิ่งกลับแคว้นของพวกเขาไปก่อนที่ฤดูหนาวจะสิ้นสุดลงให้ได้!”
เมื่อไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนซึ่งเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองเหมิงได้ยินว่ามู่หรงลี่ได้รับบาดเจ็บจากการนำทัพไปช่วยเหลือต้าโจวเมื่อคืนจึงหวาดกลัวขึ้นมาทันที ตอนลงจากรถม้านางขาอ่อนจนแทบล้มไปกองบนพื้น โชคดีที่เหล่านางกำนัลถลาเข้าไปช่วยประคองไว้ได้ทัน
เมื่อมู่หรงเหยี่ยนรู้ว่าพี่สะใภ้ของตนเดินทางมาถึงเมืองเหมิงแล้วจึงแปลกใจมาก เขานึกไม่ถึงเลยว่าพี่สะใภ้จะมาถึงทั้งๆ ที่เขาไม่ได้รับรายงานใดๆ ล่วงหน้าทั้งสิ้น
ในฐานะของผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยน มู่หรงเหยี่ยนควรไม่ถูกกับจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนและไทเฮา ดังนั้นมู่หรงเหยี่ยนจึงไม่ได้ออกไปต้อนรับพี่สะใภ้ มู่หรงลี่รับรู้ข่าวตอนกำลังดื่มยาอยู่จึงรีบสวมเสื้อคลุมออกไปต้อนรับมารดาของตัวเอง เมื่อก้าวเท้าออกไปจากประตูหลัก รถม้าของไทเฮาหยุดลงที่หน้าประตูสีดำบานใหญ่เรียบร้อยแล้ว
มู่หรงลี่รีบเดินลงบันไดไปต้อนรับ เมื่อไทเฮาเห็นมู่หรงลี่จึงรีบถลาเข้าไปจับแขนบุตรชายพลางมองสำรวจร่างกายของเขาทันที
ไทเฮาลูบใบหน้าของมู่หรงลี่เบาๆ ทว่า ไม่กล้าสัมผัสร่างกายของบุตรชายแรงๆ เพราะกลัวว่าจะสัมผัสโดนบาดแผลของบุตรชาย นางไม่รู้จะทำเช่นไรดีจึงได้แต่กล่าวเสียงสะอื้น “ได้รับบาดเจ็บตรงที่ใด บอกแม่มาว่าได้รับบาดเจ็บตรงที่ใด!”
“เสด็จแม่ ลูกมิเป็นอันใดขอรับ” มู่หรงลี่จับมือมารดาแน่น “ข้าได้รับบาดเจ็บที่แขนเพียงผิวเผินเท่านั้น ท่านหมอหงตรวจอาการให้ข้าแล้ว แค่กินยาให้ตรงเวลาและไม่ให้แผลโดนน้ำ ไม่เกินสามถึงห้าวันก็หายดีแล้วขอรับ”
มู่หรงลี่กล่าวจบจึงขยับแขนให้มารดาดู “เสด็จแม่ดูสิขอรับ มิเป็นอันใดสักนิด”
น้ำตาของไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนไหลพรากทันที นางเอื้อมมือลูบศีรษะของบุตรชายอย่างแผ่วเบา กุมมือของบุตรชายแน่น จากนั้นเดินเข้าไปด้านในพร้อมบุตรชายพลางสั่งสอนไปพลาง “เหตุใดเจ้าถึงใจกล้าเช่นนี้ เจ้าคือจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนนะ หากเจ้าเป็นอันใดไปขึ้นมา ต้าเยี่ยนจะทำเช่นไร แม่จะทำเช่นไร!”
“เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ เยว่สือคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายข้า ท่านอาเก้าและแม่ทัพเซี่ยสวินก็อยู่ขอรับ!”
เอ่ยถึงเรื่องนี้ไทเฮาจึงเดือดดาลขึ้นมาทันที นางไม่พอใจที่มู่หรงเหยี่ยนให้อาลี่ติดตามไปยังสนามรบด้วย ทว่า นางกำนัลและขันทีล้วนอยู่ที่นี่ นางจึงยังไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมา
“เหตุใดเสด็จแม่จึงมาที่เมืองเหมิงได้ขอรับ ข้ากับท่านอาเก้าไม่ได้รับรายงานเลยสักนิด” มู่หรงลี่ถามมารดาของตัวเองยิ้มๆ
ไทเฮายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว แม่เป็นห่วงไม่อยากให้เจ้าฉลองวันสิ้นปีอยู่ภายนอกตามลำพัง ท่านตาของเจ้ารู้ว่าแม่เป็นห่วงเจ้าจึงหาทางพาแม่หนีออกมาจากวัง จากนั้นให้คนส่งแม่มาหาเจ้าที่นี่”
ข่าวการเดินทางมายังเมืองเหมิงของไทเฮาถูกเก็บเป็นความลับ บัดนี้คนในเมืองหลวงของต้าเยี่ยนต่างรับรู้ว่าไทเฮานอนประชวรหนักอยู่ในตำหนักของตัวเอง
เมื่อได้ยินคำว่าท่านตา มู่หรงลี่ขมวดคิ้วแน่นทันที