สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1128 ได้เปรียบ
ตอนที่ 1128 ได้เปรียบ
“ฝ่าบาท ทรงทำเช่นนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!” หัวหน้าทหารต้าโจวที่เริ่มก่อเรื่องรีบตะโกนขึ้นเสียงดัง
“ฝ่าบาท! พวกกระหม่อมไม่เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ หากตัดสินว่าสุดท้ายทหารฝ่ายได้เสียชีวิตมากกว่าเช่นนี้ เช่นนั้นวันหน้าพวกกระหม่อมจะไม่ออกไปต่อสู้ จะส่งทหารไปตายอย่างเดียวพ่ะย่ะค่ะ! เพราะแคว้นใดสูญเสียมากกว่าแคว้นนั้นจะได้ผลประโยชน์มากกว่า”
ทหารต้าโจวพากันสนับสนุน จากนั้นขอร้องให้ไป๋ชิงเหยียนพิจารณาเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง
“สหายต้าโจวของพวกเราเสียชีวิตในสงครามครั้งนี้เช่นกัน ฝ่าบาททรงแบ่งผลประโยชน์เช่นนี้ สหายที่เสียชีวิตไปแล้วของต้าโจวจะนอนตายตาหลับได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ!”
หัวหน้าของทหารต้าโจวโบกมือให้ทหารต้าโจวทุกคนอยู่ในความสงบ จากนั้นหันไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนต่อ “หากฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยเช่นนี้ ทหารต้าโจวของพวกเราจะมีกำลังใจสู้รบต่อเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ ผู้นำของพวกเราวางแผนดี พวกเราสู้รบเก่ง สหายของพวกเราจึงเสียไม่มาก นี่คือความผิดของพวกเราหรือพ่ะย่ะค่ะ! นี่มันตรรกะอันใดกันพ่ะย่ะค่ะ กองทัพของพวกเราไม่เคยหวาดกลัวการสู้รบ พวกเราทำสงครามเพื่อผลประโยชน์ของแคว้น วันนี้อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนอยู่ที่นี่ด้วย หากอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนกล้าตรัสว่าวันหน้าแคว้นใดสูญเสียทหารมากกว่า แคว้นนั้นจะได้ผลประโยชน์มากกว่า วันหน้าพวกเราพร้อมจะสละชีวิตเพื่อต้าโจวพ่ะย่ะค่ะ!”
ทหารผู้นั้นมองไปทางมู่หรงเหยี่ยนด้วยสายตาอ้อนวอน
“ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท! กระหม่อมโชคดีมีโอกาสเรียนวิชากับจื่อหยวนเซียนเซิงตอนอยู่ที่ซั่วหยาง กระหม่อมทราบดีว่าสองแคว้นทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันเพื่อผลประโยชน์ของแคว้น ทว่า พวกเราทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับต้าเยี่ยนเพื่อให้พวกเราเสียเปรียบหรือพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
“กระหม่อมไม่เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
“กระหม่อมก็ไม่เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
แม้แต่ทหารยศต่ำที่สุดของกองทัพต้าโจวก็ยังตะโกนประท้วงเช่นเดียวกัน “สองแคว้นทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันเพื่อทดสอบว่าแคว้นใดใจกว้างกว่าอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นกระหม่อมขอเป็นคนใจแคบ กระหม่อมไม่เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ อย่างมากก็แค่ยกเลิกสัญญาพันธมิตร กระหม่อมไม่เชื่อว่าพวกเราจะจัดการกับแคว้นเล็กๆ อย่างเทียนเฟิ่งนั่นไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
ทหารต้าโจวอีกคนกล่าวขึ้น “หากครั้งนี้พวกเรายอมแบ่งจำนวนช้างให้ต้าเยี่ยนมากกว่า วันหน้าหากร่วมมือทำสงครามกันอีกการยอมถอยของพวกเราในวันนี้จะยิ่งทำให้ต้าเยี่ยนได้ใจพ่ะย่ะค่ะ พวกเราจะยอมไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”
“ครั้งนี้ทหารต้าเยี่ยนกล้าขอแบ่งช้างจำนวนเท่ากันกับพวกเราไม่ใช่เพราะพวกเขาได้ส่วนแบ่งช้างครึ่งหนึ่งจากการยกทัพมาช่วยโจมตีกองทัพเทียนเฟิ่งตอนที่เทียนเฟิ่งบุกล้อมเมืองผิงหยางในตอนนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาเกิดความโลภ ครั้งนี้จึงคิดอยากได้ส่วนแบ่งที่เท่าเทียมกันอีกพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใช่แล้ว! ออกแรงไม่เท่ากันก็ไม่ควรได้ผลตอบแทนที่เท่ากัน หากเป็นเช่นนี้ผู้ใดจะยินดีสู้กับศัตรูอย่างเต็มที่อีกพ่ะย่ะค่ะ เช่นนี้ไม่สู้ยกเลิกการเป็นพันธมิตรดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่เป็นพันธมิตรก็ไม่เป็นพันธมิตร” ทหารต้าเยี่ยนกล่าวขึ้นอย่างทนไม่ไหว
เซี่ยสวินกำบังเหียนม้าแน่น หากลองคิดในมุมของต้าโจว…หากเซี่ยสวินคือทหารต้าโจวก็คงไม่ยอมรับการแบ่งเช่นนี้ เขาตะโกนขึ้นเสียงดัง “ทหารต้าเยี่ยนจงอยู่ในความสงบ!”
ไป๋ชิงเหยียนควบม้าเข้าไปด้านหน้า ยกมือส่งสัญญาณให้ทหารต้าโจวสงบสติอารมณ์ของตัวเอง “ถูกแล้วที่ทหารต้าโจวส่งกองกำลังออกไปรบมากกว่า หากสองแคว้นได้ผลตอบแทนเท่ากันจะไม่ยุติธรรมต่อพวกเจ้า อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนตรัสเช่นนี้เหมือนกัน”
ทหารต้าโจวมองไปทางบุรุษร่างสูงโปร่งสวมหน้ากากสีเงินซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าด้านหลังไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นพากันพยักหน้า อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนถือเป็นคนมีเหตุผลคนหนึ่ง ชายหนุ่มดูไม่เหมือนคนโหดเหี้ยม มุ่งหวังแต่ผลประโยชน์เหมือนข่าวลือที่ได้ยินมา
ไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่บนหลังม้าศึก มีหนึ่งจับบังเหียนม้า อีกมือกำอานม้าแน่น หญิงสาวพยายามควบคุมให้ม้าศึกสีขาวของนางหยุดนิ่งอยู่หน้าทหารของสองแคว้น จากนั้นกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
“เหตุใดพวกเราสองแคว้นจึงต้องทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันด้วย พวกเราทำเพื่อร่วมกันต่อต้านแคว้นเทียนเฟิ่ง! พวกเจ้าคิดว่าแค่นี้จะกำจัดกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งได้แล้วอย่างนั้นหรือ แค่นี้พวกเจ้าก็คิดแบ่งผลประโยชน์กันแล้วอย่างนั้นหรือ! กองทัพช้างในวันนี้เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น กองทัพหลักของเทียนเฟิ่งกำลังเดินทางมายังดินแดนของพวกเรา ทว่า พวกเจ้ากลับทำร้ายพวกเดียวกันเองเพียงเพราะผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยแค่นี้หรือ”
เสิ่นชิงจู๋นั่งอยู่บนม้าด้านหลังไปชิงเหยียนนิ่ง หญิงสาวรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของทหารต้าเยี่ยนเหมือนกัน คุณหนูใหญ่ของพวกนางอยากแบ่งผลประโยชน์ให้ทหารต้าเยี่ยนมากกว่า ทว่า ทหารต้าเยี่ยนเหล่านี้กับมาทะเลาะกับต้าโจวเพียงเพราะอยากได้ผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน
ทหารต้าเยี่ยนและต้าโจวไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น ทว่า ไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาเห็นด้วยจากใจจริง
ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองทหารต้าโจวของตัวเอง เมื่อเห็นใบหน้าไม่ยอมแพ้ของพวกเขา หญิงสาวจึงควบม้าไปด้านหน้าอีกเล็กน้อย จากนั้นถามขึ้น “หลังผ่านสงครามครั้งนี้พวกเจ้ารู้สึกว่ากองทัพช้างไม่ได้รับมือยากอย่างที่คิดไว้ คิดว่าถึงแม้ไม่มีต้าเยี่ยนต้าโจวก็สามารถจัดการกับกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งได้ทั้งหมดใช่หรือไม่!”
ทหารต้าโจวที่เริ่มก่อเรื่องเงยหน้าขึ้น เขาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นบังอาจเงยหน้าสบตากับหญิงสาวโดยตรง “ใช่พ่ะย่ะค่ะ เกาอี้จวินโจมตีเมืองแตก บีบจนกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งต้องหนีออกจากเมือง แม่ทัพหยางอู่เช่อนำทัพไปดักโจมตีกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งที่ประตูเมืองฝั่งตะวันออก ฝั่งตะวันตกคือชายแดนของต้าเยี่ยน กองทัพช้างของเทียนเฟิ่งจึงไม่มีทางหนีอีกพ่ะย่ะค่ะ!”
ทหารต้าโจวผู้นี้มีสติมาก แววตาของเขาหนักแน่น น้ำเสียงมั่นคง “ดังนั้นต่อให้กองทัพต้าเยี่ยนไม่ดักโจมตีอยู่ที่ประตูทิศใต้และทิศตะวันตก กองทัพช้างของเทียนเฟิ่งก็ต้องหนีเข้าไปในหุบเขาเหานเหวิน ข้ามแม่น้ำตันสุ่ยเพื่อถอยทัพไปยังเมืองเฉวี่ยนหยาอยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ”
ทหารต้าโจวกล่าวจบจึงเหลือบมองไปทางทหารต้าเยี่ยนแวบหนึ่ง “ฝ่าบาททรงวางแผนการรบได้อย่างแม่นยำ ทรงเตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว ต้าเยี่ยนแค่มาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เท่านั้น ดังนั้นกระหม่อมจึงไม่เห็นด้วยที่ฝ่าบาททรงแบ่งผลประโยชน์เช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่นึกมาก่อนว่ากองทัพซั่วหยางจะมีทหารที่มีความสามารถเช่นนี้อยู่ด้วย หญิงสาวเอ่ยถามขึ้น “เจ้ามีนามว่าอันใด”
“ทูลฝ่าบาทกระหม่อมมีนามว่าอันชิงซานพ่ะย่ะค่ะ” อันชิงซานรีบเอ่ยตอบ ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“เจ้าวิเคราะห์ได้ดีมาก” ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกว่าอันชิงซานผู้นี้น่าสนใจมาก หญิงสาวละสายตาจากอันชิงซานมองไปทางทหารต้าโจวคนอื่น “สงครามในวันนี้ต้าเยี่ยนมีกำลังน้อยกว่าพวกเราก็จริง กระทั่งหากต้าเยี่ยนไม่ยกทัพมาช่วยเหลือ กองทัพช้างของเทียนเฟิ่งก็ต้องหนีข้ามแม่น้ำตันสุ่ยไปจริงๆ ทว่า หากทหารต้าเยี่ยนไม่ได้ดักโจมตีอยู่ที่นอกเมืองผิงตู้ เสียสละชีวิตของตัวเองต่อสู้กับศัตรูโดยไม่หวาดกลัว เทียนเฟิ่งจะตระหนักได้อย่างไรว่าต้าเยี่ยนและต้าโจวต้องการร่วมมือกันขับไล่เทียนเฟิ่งออกไปจากดินแดนแห่งนี้อย่างจริงจัง เทียนเฟิ่งจะรู้หรือว่าทหารของพวกเราสองแคว้นยอมแลกแม้แต่ชีวิตของตัวเองอย่างไม่กลัวตายเพื่อขับไล่เทียนเฟิ่งออกไปจากแคว้นของพวกเราให้ได้!”
“เกาอี้จวินนำทัพบุกโจมตีเมืองผิงตู้เพื่อประกาศศึกเท่านั้น ต่อมาเทียนเฟิ่งรับรู้ว่าต้าเยี่ยนร่วมทำสงครามในครั้งนี้ด้วยพวกเขาจึงเริ่มหวาดหวั่น พวกเขาจึงตระหนักได้ว่าต้าเยี่ยนและต้าโจวเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว หากแคว้นหนึ่งทำสงคราม อีกแคว้นต้องทำเช่นเดียวกัน!”
ม้าไท่ผิงของไป๋ชิงเหยียนย่ำเท้าไปมาอยู่กับที่ มันพ่นไอขาวออกมาจากจมูกไม่หยุด
หญิงสาวพยายามปลอบให้ไท่ผิงสงบลง จากนั้นกล่าวต่อด้วยเสียงดังกังวาน
“ที่สำคัญการที่กองทัพต้าเยี่ยนดักซุ่มโจมตีอย่างพร้อมตายอยู่ที่นี่ทำให้ทหารเทียนเฟิ่งเสียขวัญ! ช้างส่วนมากที่ตายอยู่ในหุบเขาหานเหวินล้วนได้รับบาดเจ็บหนักจากการโจมตีของทหารต้าเยี่ยนมาแล้วทั้งสิ้น พวกเจ้าสามารถแบ่งแยกเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนอย่างนั้นหรือ! การทำสงครามขึ้นอยู่กับจำนวนทหาร ทว่า สิ่งสำคัญกว่านั้นคือความกล้าหาญและกำลังใจสู้รบของทหารในกองทัพ! กองทัพต้าเยี่ยนโจมตีขวัญและกำลังใจของกองทัพเทียนเฟิ่ง ต่อมาทหารต้าโจวที่ดักซุ่มโจมตีอยู่บนหน้าผาสองด้านในหุบเขาหานเหวินจึงสามารถจัดการกับกองทัพเทียนเฟิ่งที่ถอยทัพหนีมาอย่างเสียขวัญได้ พวกเราจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ!”