สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1138 ออกเดินทาง
ตอนที่ 1138 ออกเดินทาง
เมื่อเห็นไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนกำลังเหม่อลอยนางกำนัลของไทเฮาจึงเช็ดมือให้สะอาด จากนั้นเดินไปหยุดอยู่ข้างกายไทเฮาพลางก้มตัวลงขยับผ้าห่มสีขาวซึ่งคลุมอยู่ที่หน้าขาของไทเฮาเล็กน้อย จากนั้นกล่าวขึ้น “ไทเฮาเพคะ คืนนี้คือคืนสิ้นปี ถึงแม้ฝ่าบาทและท่านอ๋องเก้าจะเสด็จกลับมาแล้ว ทว่า พวกพระองค์ต้องไปตรวจตราความเรียบร้อยในค่ายทหารและสนทนากับเหล่าทหารก่อนอยู่ดีเพคะ ไทเฮาเสวยสิ่งใดรองท้องก่อนดีหรือไม่เพคะ”
“ไม่ต้อง…” ไทเฮาลูบคลำผ้าห่มผืนหนาที่คลุมอยู่บนลำตัวของตัวเองพลางถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาบริเวณหางตาเล็กน้อย
“ไทเฮาทรงคิดถึงจักรพรรดิองค์ก่อนหรือเพคะ” ดวงตาของนางกำนัลของไทเฮาแดงก่ำเช่นเดียวกัน นางรู้ดีว่าไทเฮาและจักรพรรดิองค์ก่อนของต้าเยี่ยนรักกันมากเพียงใด
“ยามนี้ของทุกปีจักรพรรดิองค์ก่อนจะอยู่เป็นเพื่อนข้าเสมอ เขามักจะมอบของแปลกใหม่ทำให้ข้าอารมณ์ดีทุกครั้ง เขาบอกว่าคลังสมบัติกำลังขัดสนจึงทำได้เพียงมอบของไร้ราคาให้ข้า ทว่า อาหนู…ข้าดีใจมาก ไม่ว่าเขาจะมอบสิ่งใดให้ข้าข้าล้วนดีใจและชอบมันมากจริงๆ…”
เมื่อนึกถึงความทรงจำระหว่างนางและมู่หรงอวี้น้ำตาของไทเฮาไหลพรากออกมาไม่ขาดสาย นางอยากตายตามมู่หรงอวี้ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ทว่า หากนางจากไปตอนนี้จะไม่มีผู้ใดขัดขวางอาเหยี่ยนได้ หากเขาเกิดมีใจคิดเป็นอื่นขึ้นมาลูกของนางไม่มีทางรับมือกับเขาได้แน่นอน
ไทเฮารู้ดีว่าแม้ตัวนางเองจะไม่ได้มีความสามารถมากนัก ทว่า อาเหยี่ยนเคารพนางซึ่งเป็นพี่สะใภ้คนนี้มาโดยตลอด หากนางยังอยู่…อาเหยี่ยนไม่มีทางไม่สนใจความรู้สึกนางแน่นอน
“อาหนู เจ้าว่าคืนนี้อาเหยี่ยนจะกลับมาฉลองคืนวันสิ้นปีที่นี่หรือไม่ วันนี้คือวันสิ้นปี จักรพรรดินีแห่งต้าโจวกำลังตั้งท้องสายเลือดของเขาอยู่ ข้าและอาลี่จะสำคัญกว่าสายเลือดแท้ๆ ของเขาได้อย่างไรกัน” ไทเฮารู้สึกปวดใจมาก
ขณะที่ไทเฮากำลังกล่าวอยู่นั้นขันทีคนหนึ่งซึ่งอยู่ด้านนอกเดินแหวกม่านเข้ามารายงาน “ไทเฮา ฝ่าบาทและท่านอ๋องเก้ากำลังเสด็จมาที่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮารีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า จากนั้นจับมืออาหนูลุกขึ้น ใบหน้าของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข “รีบให้คนถือโคมไฟไปต้อนรับพวกเขาเร็ว วันนี้หิมะตกหนัก ระวังอย่าให้อาลี่และอาเหยี่ยนลื่นล้มเด็ดขาด”
“เพคะ”
“ไปนำสุราน้ำผึ้งผลไม้ที่เมิ่งเจาหรงหมักด้วยตัวเองมาด้วย กลิ่นหอมของดอกไม้ในสุราหอมชื่นใจ แม้อาลี่จะอายุยังน้อย ทว่า เขาสามารถดื่มได้สองสามอึก อาเหยี่ยนจะได้ชิมฝีมือของเมิ่งเจาหรงด้วย”
“เพคะ” อาหนูรับคำ จากนั้นเดินไปนำสุราน้ำผึ้งผลไม้มา
มู่หรงเหยี่ยนและมู่หรงลี่เดินเข้ามาในห้องด้วยร่างที่เต็มไปด้วยไอหนาว พวกเขาถอดเสื้อคลุมออก จากนั้นจึงเดินเข้าไปทำความเคารพไทเฮา
“คารวะท่านแม่ สุขสันต์วันปีใหม่ขอรับ”
“คารวะพี่สะใภ้ สุขสันต์วันปีใหม่ขอรับ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ไร้ซึ่งหน้ากากเงินของมู่หรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจคำกล่าวก่อนหน้านี้ของนางไทเฮาจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
ไทเฮาหันไปมองอาหนูซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง อาหนูถือรีบถาดไม้ไผ่สี่เหลี่ยมสีแดงไปด้านหน้าด้วยรอยยิ้มทันที บนถาดมีถุงเงินที่ปักเย็บอย่างสวยงามวางอยู่สองถุง ถุงหนึ่งปักเป็นลายมังกรทอง อีกถุงปักเป็นลายงูยักษ์สีทอง
ไทเฮาหยิบถุงเงินลายมังกรทองออกมาจากถาด จากนั้นกล่าวกับมู่หรงลี่ยิ้มๆ “อาลี่ นี่คือถุงเงินอั่งเปาที่แม่มอบให้เจ้าในปีนี้ วันหน้าเจ้าต้องขยันหมั่นเพียรและพยายามให้มากขึ้นกว่านี้ เจ้าจงกลายเป็นจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนที่ดีที่พ่อและอาเก้าของเจ้าหวังอยากเห็นให้ได้”
มู่หรงลี่ก้าวไปรับถุงเงินมาพลางกล่าวยิ้มๆ “ลูกจะเป็นจักรพรรดิที่ท่านแม่และชาวบ้านภูมิใจขอรับ”
ไทเฮาพยักหน้ายิ้มๆ จากนั้นหยิบถุงเงินลายงูยักษ์สีทองขึ้นพลางมองไปทางมู่หรงเหยี่ยนยิ้มๆ
“อาเหยี่ยน ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยได้อยู่ฉลองคืนวันสิ้นปีกับครอบครัว พี่ชายของเจ้ามักเก็บเงินอั่งเปาให้เจ้าทุกปี เขาบอกว่าจะมอบให้เจ้าในวันที่เจ้ากลับมา ปีนี้อาเหยี่ยนอยู่ที่ต้าเยี่ยนแล้ว ทว่า พี่ชายของเจ้า…”
ไทเฮากล่าวถึงตรงนี้ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที นางพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองพลางยิ้มให้มู่หรงเหยี่ยน
“ดังนั้นปีนี้พี่ขอมอบเงินอั่งเปาให้เจ้าเอง เจ้าอย่าใส่ใจคำกล่าวของพี่ในวันนั้นเลยนะ พี่ใจแคบเกินไปจึงกล่าววาจาทำร้ายจิตใจเจ้าเช่นนั้น”
“พี่สะใภ้ พวกเราคือครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องเกรงใจขอรับ ฟันย่อมกระทบกับลิ้นบ้างเป็นธรรมดา ครอบครัวอื่นยังมีทะเลาะเบาะแว้งกัน ทว่า พวกเราเกิดในราชวงศ์ ดังนั้นเรื่องที่พวกเราถกเถียงกันจึงเป็นเรื่องของแคว้นขอรับ” มู่หรงเหยี่ยนอยากทำให้บรรยากาศดีขึ้นกว่าเดิม เขามองไปยังถุงเงินในมือของพี่สะใภ้
“พี่สะใภ้ อาเหยี่ยนโตแล้วนะขอรับ หากอาเหยี่ยนรับถุงเงินนี้ไว้ อาลี่ต้องหัวเราะเยาะข้าแน่ขอรับ”
ไทเฮาหัวเราะออกมาอย่างขบขัน “เขากล้าหรืออย่างไร! ในสายตาของพี่เจ้ายังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ”
มู่หรงเหยี่ยนก้าวไปรับถุงเงินจากไทเฮามาอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นคำนับขอบคุณ
“ไทเฮา ฝ่าบาท ท่านอ๋องเก้า สำรับอาหารเตรียมร้อยแล้วเพคะ เชิญเสวยได้เพคะ” อาหนูก้าวเข้าไปทำความเคารพ
มู่หรงเหยี่ยนนั่งลงบนโต๊ะกลม เมื่อเห็นพี่สะใภ้ของตัวเองคีบอาหารใส่จานของมู่หรงลี่ไม่หยุดมู่หรงเหยี่ยนจึงอดขึ้นถึงไป๋ชิงเหยียนขึ้นมาไม่ได้
หากไป๋ชิงเหยียนไม่บอกให้เขากลับมาฉลองปีใหม่ที่นี่ เขาคงอยู่ฉลองปีใหม่กับหญิงสาวที่ต้าโจวแน่นอน หากทำเช่นนั้นพี่สะใภ้ที่เพิ่งสูญเสียพี่ชายของเขาไปเมื่อปีที่แล้วคงเสียใจมาก นางอาจยิ่งหวาดระแวงว่าวันหน้าเขาจะมอบต้าเยี่ยนให้ต้าโจว ยิ่งเข้าใจผิดต้าโจวมากกว่าเดิมแน่นอน
“พี่ชายของเจ้าบอกว่าซือจื่อโถวคืออาหารจานถนัดของท่านแม่ ตอนเด็กอาเหยี่ยนชอบทานมาก ข้าทำตามวิธีที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ ทว่า เพิ่งทำเป็นครั้งที่สองไม่รู้ว่ารสชาติเป็นเช่นไรบ้าง อาเหยี่ยนลองชิมดู”
ตอนที่มารดายังมีชีวิตอยู่ตอนเขาเล็กๆ เวลาว่างหลังจากเสร็จภารกิจบ้านเมืองมารดามักทำอาหารอร่อยหลากหลายชนิดให้พวกเขาพี่น้องทาน ต่อมาเมื่อมารดาจากไปรสชาติอาหารเหล่านั้นจึงค่อยๆ จางหายตามไปด้วย
“ขอบคุณพี่สะใภ้มากขอรับ” มู่หรงเหยี่ยนกล่าวยิ้มๆ
เมื่อเห็นมารดาและอาเก้าอยู่กันอย่างสามัคคีปรองดองรอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงลี่จึงกว้างมากขึ้น นี่คือสิ่งที่ครอบครัวควรจะเป็น
หิมะตกหนักตลอดทั้งคืน หลังคาของเมืองผิงตู้ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาเป็นชั้นๆ แม้แต่กำแพงเมืองที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมยังถูกปกคลุมด้วยหิมะเช่นเดียวกัน
ไป๋จิ่นจื้อตื่นนอนแต่เช้า สาวน้อยไปรับประทานอาหารเช้ากับไป๋ชิงเหยียนพลางสอบถามแผนการต่อจากนี้จากพี่หญิงใหญ่ ผู้ใดจะคิดว่านางเพิ่งเดินถึงหน้าประตูห้องก็ได้ยินเสียงพี่ชายห้ากำลังโน้มน้าวให้พี่หญิงใหญ่กลับเมืองหลวงไปก่อนอีกครั้ง
ไป๋จิ่นจื้อส่งสัญญาณไม่เห็นเว่ยจงรายงาน นางแนบหูเข้ากับบานประตูเพื่อฟังความเคลื่อนไหวด้านใน ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“การสอบชุนเหวยจะจัดขึ้นในช่วยปลายเดือนสองหรือต้นเดือนสาม พี่กลับไปทันการสอบปากเปล่าหน้าท้องพระโรงแน่นอน พี่จะออกเดินทางช่วงสิ้นเดือนนี้ก็แล้วกัน…” ไป๋ชิงเหยียนคีบอาหารให้ไป๋ชิงอวี๋ จากนั้นหันไปกล่าวกับคนนอกประตูยิ้มๆ “เสี่ยวซื่อเข้ามาทานอาหารเช้าเถิด ไม่ต้องแอบฟังแล้ว”
ไป๋จิ่นจื้อแหวกม่านเดินเข้าไปด้านใน จากนั้นกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ข้าเพิ่งมาถึง ไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้นเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นจื้อกล่าวพลางเดินไปหยุดอยู่หน้าเตาผิงเพื่ออังไฟ จากนั้นล้างมือจนสะอาดเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปนั่งลงบนโต๊ะกลม เว่ยจงนำถ้วยอาหารไปวางตรงหน้าไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นตักน้ำแกงให้สาวน้อยอีกถ้วย เมื่อทำทุกอย่างเสร็จจึงถอยไปหยุดอยู่ด้านข้าง