สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1264 สะบักสะบอม
ตอนที่ 1264 สะบักสะบอม
เวลาสิบปีมากพอให้นางยืนหยัดขึ้นได้อีกครั้ง!
ไป๋ชิงอวี๋เอนกายพิงพำนักพิงของเกี้ยวอย่างช้าๆ เขาไม่แกล้งทำตัวป่วยไร้เรี่ยวแรงอีกต่อไป เขายกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา สะบัดชายชุดเล็กน้อย จากนั้นนั่งไขว้ห้างด้วยท่าทีสบายๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงสบายอารมณ์อย่างไม่คิดปกปิด
“เหตุใดข้าต้องขอร้องให้ซีเหลียงด้วย จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงลืมสงครามที่หนานเจียงเมื่อสามปีที่แล้วไปแล้วหรือ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าพี่หญิงของข้าบอกกับอวิ๋นพั่วสิงไว้ว่าสามปีหลังจากนี้คือสงครามล้างแค้นของกองทัพไป๋ ฝ่าบาทต้องจำวันนี้ไว้ให้ดีนะพ่ะย่ะค่ะ วันนี้ต้าโจวจะทำลายล้างซีเหลียงให้สิ้นซากเป็นหน้ากองให้ได้!”
ดวงตาของหลี่เทียนเจียวไหววูบ ทว่า ยังไม่ทันที่นางจะกล่าวสิ่งใดออกมา ด้านนอกก็มีเสียงกรีดร้องและเสียงอาวุธกระทบกันดังขึ้นเสียก่อน
“คุ้มกันฝ่าบาท! มีมือสังหาร!” ทหารรักษาพระองค์ที่อยู่นอกตำหนักตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น
ใบหน้าของหลี่เทียนเจียวซีดเผือด นางชักกริชออกมาจากเอวอย่างรวดเร็ว จากนนั้นเอื้อมมือหวังจะจับตัวไป๋ชิงอวี๋มาเป็นตัวประกัน
ทว่า นางยังไม่ทันสัมผัสโดนบ่าของไป๋ชิงอวี๋ก็ถูกเขาจับที่ข้อมือเสียก่อน ดวงตาของชายหนุ่มเคร่งขรึม เขาพลิกข้อมือนางอย่างแรง…
“โอ้ย!” หลี่เทียนเจียวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด นางทรุดเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นด้วยความเจ็บ
ร่างของบุรุษที่สวมชุดองครักษ์ลับของหลี่เทียนเจียวเซชนประตูตำหนักจนประตูถูกเปิดออก เขาล้มลงบนพื้น ศีรษะกระเด็นไปอีกทาง เลือดสดกระจายเปื้อนพื้นกระเบื้องที่ได้รับการทำความสะอาดจนมันวาว
ขันทีและนางกำนัลเห็นดวงตาบนศีรษะของชายผู้นั้นยังเบิกโพลงอยู่จึงกรีดร้องและหลบซ่อนตัวจากศัตรูอย่างรวดเร็ว ไม่มีผู้ใดถลาเข้าไปช่วยหลี่เทียนเจียวสักคน
“บุกเข้าไปช่วยคุณชายห้า!”
กองทัพไป๋ชุดแรกบุกเข้าไปในวังหลวงได้สำเร็จจากแผนที่ที่เซียวรั่วไห่มอบให้ พวกเขาคือคนของกองทัพไป๋ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องปกป้องเจ้านายของตัวเองให้ได้
แม้คุณชายห้าจะสั่งให้พวกเขาออกไปช่วยเปิดประตูเมืองทั้งหมด ไม่ต้องเข้าวังมาช่วยคุณชายห้า ทว่า พวกเขาไม่สามารถปล่อยเจ้านายของพวกเขาไว้ในวังหลวงคนเดียวได้!
ต่อให้ต้องตายพวกเขาก็ต้องช่วยคุณชายห้าออกไปจากวังหลวงให้ได้
ไป๋ชิงอวี๋ซึ่งนั่งอยู่บนเกี้ยวมองไปทางหลี่เทียนเจียวที่คุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้นด้วยแววตาเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก
ประตูสองบานของตำหนักใหญ่ถูกเปิดออก ลมหนาวพัดโชยเข้ามาด้านใน ผ้าม่านสีทองในตำหนักสะบัดพลิ้วอย่างแรง เปลวไฟริบหรี่ในตำหนักดับลงชั่วขณะ จากนั้นลุกโหมขึ้นอีกครั้งด้วยแรงลมจนสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่เสียโฉมครึ่งซีกของไป๋ชิงอวี๋อย่างริบหรี่ ร่างทั้งร่างของชายหนุ่มน่าสะพรึงกลัวราวกับปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากขุมนรก
หลี่เทียนเจียวรู้สึกราวกับว่ามือของนางที่ถูกไป๋ชิงอวี๋จับไว้หักลงแล้ว นางกัดฟันกรอด ชูกริชในมือขึ้นสูง จากนั้นแทงลงไปที่ร่างของไป๋ชิงอวี๋ ไป๋ชิงอวี๋เบนกายหลบอย่างไม่รีบร้อน เขากระชากม่านสีทองที่ลอยผ่านหน้าของเขามาอย่างแรง
หลี่เทียนเจียวยังไม่ทันได้สติ ไป๋ชิงอวี๋ใช้ผ้าม่านสีทองมัดข้อมือที่ปักกริชลงบนเกี้ยวของหลี่เทียนเจียวไว้กับมืออีกข้างของนาง ตามด้วยลำคอ…
ไป๋ชิงอวี๋ลงมืออย่างรวดเร็ว หลี่เทียนเจียวไม่ได้เรียนการต่อสู้อย่างจริงจังจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไป๋ชิงอวี๋ องครักษ์ลับของนางกำลังต่อสู้อยู่กับศัตรูที่นอกตำหนัก
“ผู้ใดก็ได้ เข้ามาช่วยข้าที!” หลี่เทียนเจียวตะโกนเสียงดังลั่น
สิ้นเสียงของหลี่เทียนเจียว ไป๋ชิงอวี๋ดึงผ้าม่านแน่นกว่าเดิม หลี่เทียนเจียวอ้าปากกว้างพยายามหายใจทางปาก ทว่า นางไม่สามารถสูดอากาศเข้าไปได้เลย
บุรุษที่กำลังต่อสู้อยู่กับเยว่สือหันไปมองทางตำหนัก เขาหลบหนีดาบของเยว่สือพลางพุ่งตัวไปทางตำหนักอย่างรวดเร็ว จากนั้นตะโกนลั่น
“รีบส่งคนไปตามแม่ทัพชราชุยมาคุ้มกันฝ่าบาทเร็ว!”
ปกติหากในวังหลวงมีความเคลื่อนไหวทหารรักษาพระองค์จะปรากฏตัวขึ้นทันที ทว่า ไม่รู้เหตุใดวันนี้พวกเขาจึงปรากฏตัวช้าเช่นนี้ พวกเขาต่อสู้กันอยู่นอกตำหนักนานถึงเพียงนี้กลับมีคนมาช่วยเพียงเท่านี้เอง!
ขณะที่ไป๋ชิงอวี๋กำลังใช้ผ้าม่านรัดคอหลี่เทียนเจียวด้วยใบหน้าเรียบเฉยองครักษ์ลับก็พุ่งเข้ามาในตำหนัก ดาบคมที่เปื้อนไปด้วยเลือดเต็มไปด้วยไอสังหารที่แผ่มาถึงก่อนที่ร่างของเขาจะมาถึง
ไป๋ชิงอวี๋ใช้ผ้าม่านพันรอบคอของหลี่เทียนเจียวหลายรอบ จากนั้นออกแรงดึง ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพลางรั้งร่างของหลี่เทียนเจียวมาบังไว้ด้านหน้า ชายหนุ่มมัดผ้าม่านด้วยเงื่อนตายองครักษ์ลับเห็นดังนั้นจึงรีบลดดาบในมือลง ไป๋ชิงอวี๋ข่มความเจ็บปวดที่บาดแผลพาร่างของหลี่เทียนเจียวถอยหลังไปเรื่อยๆ
หลี่เทียนเจียวใช้มือทั้งสองข้าจับผ้าม่านที่รัดอยู่ที่ลำคอแน่น ไป๋ชิงอวี๋ออกแรงโดยไม่ไว้หน้านางสักนิด นางถูกรัดจนแทบขาดใจตายอยู่แล้ว
ดาบคมเปื้อนเลือดตัดโดนผ้าม่านที่รัดบริเวณข้อมือของหลี่เทียนเจียว หลี่เทียนเจียวที่กำลังแก้มัดเชือกที่ข้อมือของตัวเองอยู่ถูกไป๋ชิงอวี๋ผลักออกไปไกล หลี่เทียนเจียวล้มลงบนบันไดอย่างแรง นางปวดที่เอวราวกับกระดูกหักออกจากัน ใบหน้าของนางซีดเผือด ไม่มีแม้แต่แรงจะหายใจ
ไป๋ชิงอวี๋ไม่ปล่อยโอกาสให้องครักษ์ลับผู้นั้นเข้าไปช่วยแก้มัดให้หลี่เทียนเจียว เขาชักกริชของหลี่เทียนเจียวออกมา จากนั้นพุ่งตรงไปยังร่างขององครักษ์ลับอย่างรวดเร็วและรุนแรง องครักษ์ลับเซถอยหลังไปสองสามก้าว เขาใช้ดาบต้านแรงของไป๋ชิงอวี๋เอาไว้
ไป๋ชิงอวี๋ถือโอกาสตอนที่สองคนกำลังมีช่องว่างกระโดดไปหยิบดาบล้ำค่าที่หลี่เทียนเจียวแขวนไว้กลางตำหนักออกมา ชายหนุ่มชักดาบยาวออกมาจากฝักอย่างรวดเร็วและดุดัน
หลี่เทียนเจียวไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น นางพยายามแก้มัดที่ข้อมือของตัวเอง ทว่า ยิ่งนางสะบัดมือมากเท่าใด ผ้าม่านที่รัดอยู่ที่คอก็ยิ่งแน่นขึ้นจนนางแทบหายใจไม่ออกมากขึ้นเท่านั้น
องครักษ์ใช้ดาบลับต้านกริชเอาไว้พลางมองไปทางเจ้านายของตัวเอง เขาพุ่งตัวเข้าไปกระชากร่างของเจ้านายมาอย่างไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น ดาบของไป๋ชิงอวี๋เข้าใกล้ร่างขององครักษ์ลับผู้นั้น…
ประกายไฟของอาวุธที่กระทบกันแปลบขึ้นทันที องครักษ์ลับคุ้มกันหลี่เทียนเจียวถอยหลังไปเล็กน้อย
ไป๋ชิงอวี๋ถนัดใช้ดาบมากที่สุด
รัศมีของไป๋ชิงอวี๋ที่ถือดาบยาวอยู่ในมือเปลี่ยนไปในทันที ร่างทั้งร่างของเขาดูดันดันและและน่าเกรงขามกว่าเดิม องครักษ์ลับสัมผัสได้ตั้งแต่ที่เขาเข้าไปจับร่างของหลี่เทียนเจียวดังนั้นเขาจึงรีบดันเจ้านายของตัวเองไปหลบอยู่ด้านหลังตัวเอง
“จับตัวเขาให้ได้ จับเป็นเท่านั้น!” หลี่เทียนเจียวกล่าว
องครักษ์ลับผิวปากส่งสัญญาณ
องครักษ์ลับที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงสัญญาณจึงกรูกันเข้ามาในตำหนักทันที
เซียวหรงเหยี่ยนที่พาองครักษ์บุกขึ้นมาถึงตำหนักของหลี่เทียนเจียวจนร่างเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อและเลือดจนแยกไม่ออกลดดาบลงพลางเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคมโตภายใต้หน้ากากที่เปื้อนไปด้วยเลือดล้ำลึกจนมองไม่เห็นความรู้สึก เขาสั่งเสียงเย็น
“ขวางองครักษ์ลับและองครักษ์เหล่านั้นไว้ ห้ามปล่อยเข้าไปในตำหนักแม้แต่คนเดียว!”
เยว่สือรับคำสั่ง เมื่อเห็นองครักษ์ลับที่กำลังสู้กับพวกเขาอยู่มุ่งหน้าไปทางตำหนักเยว่สือจึงรีบพาคนบุกไปทางตำหนักใหญ่ทันที
ทว่า ที่นี่คือวังหลวงของซีเหลียง ทุกที่เต็มไปด้วยทหารรักษาพระองค์และองครักษ์ลับ ถึงแม้ทหารรักษาพระองค์บางส่วนจะปวดท้อง บางส่วนจะหมดสติไปแล้ว ทว่า พวกนั้นมีจำนวนมากกว่าพวกเขาอยู่ดี ต่อให้คนที่เซียวหรงเหยี่ยนพามาและกองทัพไป๋จะเก่งกาจเพียงใด การสู้ด้วยหนึ่งต่อสิบก็มีความยากลำบากอยู่ดี
องครักษ์ลับที่คุ้มกันหลี่เทียนเจียวอยู่ในตำหนักเคลื่อนไหวช้าลงกว่าเดิม เขาหลบดาบของไป๋ชิงอวี๋ไม่ทัน ทำได้เพียงเป็นฝ่ายรับกระบวนดาบที่โจมตีมาของไป๋ชิงอวี๋เท่านั้น เขาคอยปกป้องหลี่เทียนเจียวจนถูกดาบของไป๋ชิงอวี๋นับไม่ถ้วน เขากระอักเลือดออกมาจนร่างเกือบทรุดลงบนพื้น