สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1305 ยากจะระงับความโกรธของทุกคน
ตอนที่ 1305 ยากจะระงับความโกรธของทุกคน
ไป๋ชิงเหยียนเดินไปถึงหน้าตำหนักของมารดาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของบรรดาอาสะใภ้ดังมาจากด้านใน อารมณ์ของไป๋ชิงเหยียนจึงดีขึ้นตามไปด้วย
เมื่อได้ยินขันทีรายงานว่าไป๋ชิงเหยียนมาหาฮูหยินห้าฉีซื่อจึงหันกลับไปมอง เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนจึงกวักมือเรียกยิ้มๆ “อาเป่ารีบมาดูเร็ว! เด็กสองคนกำลังแทะมือของตัวเองเล่นพอดี! พวกเขาแทะมือของตัวเองโดยไม่สนใจผู้อื่นแม้แต่น้อย รีบมาดูสิ!”
ไป๋ชิงเหยียนเดินผ่านผ้าม่านประดับมุก อ้อมฉากกั้นเข้าไปด้านใน หญิงสาวเห็นบรรดาอาสะใภ้ เสี่ยวปาและวั่งเกอนั่งอยู่บนเบาะรองนั่งบนพรมงาช้างผืนหนา
เด็กน้อยสองคนซึ่งสวมชุดสีขาวที่อาสะใภ้สี่เย็บด้วยตัวเองถูกล้อมอยู่ตรงกลาง พวกเขานอนหันหลังให้กันพลางแทะมือของตัวเองด้วยท่าทีจริงจัง
รอบกายรายล้อมไปด้วยนางกำนัล หมัวมัวและแม่นมของเด็กทั้งสี่คน ทุกคนหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ต่งซื่อถือกระดิ่งทองหยอกเล่นกับหลานทั้งสองของตัวเองพลางกล่าวกับเด็กน้อยเสียงเบา “สี่เล่อ คังเล่อ ยายสั่นกระดิ่งอยู่นานแล้ว พวกเจ้าสนใจยายสักนิดเถิด”
ทว่า เด็กทั้งสองคนเอาแต่แทะมือของตัวเองโดยไม่สนใจคนรอบข้างแม้แต่น้อย บรรดาอาสะใภ้ของไป๋ชิงเหยียนหัวเราะไม่หยุด
เสี่ยวปาเบ้ปาก “หลานชายกับหลานสาวไม่สนุกเลย พวกเขาไม่เล่นกับเสี่ยวปาสักนิด”
“สี่เล่อกับคังเล่อยังเล็ก พวกเขายังไม่สามารถเล่นกับเสี่ยวปาได้ อีกสองสามปีเมื่อพวกเขาโตกว่านี้และเริ่มเดินได้พวกเขาต้องเล่นกับเสี่ยวปาแน่นอน!” ฮูหยินสองหลิวซื่อลูบศีรษะของวั่งเกอที่นั่งอยู่บนตักของนางและเอาแต่สนใจขนมในมืออย่างแผ่วเบาพลางกล่าวออกมายิ้มๆ “ทว่า ยังดีที่มีวั่งเกอเป็นเพื่อนเล่นกับเสี่ยวปา”
เสี่ยวปามองเห็นวั่งเกอที่กินขนมจนเลอะปากไปหมดกำลังจะเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของคังเล่อเด็กน้อยจึงรีบปัดมือของวั่งเกอออก นางรังเกียจน้ำลายของหลานชายตัวเองเล็กน้อย จากนั้นเงยหน้าดุวั่งเกอราวกับตัวเองเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง “วั่งเกอ ห้ามจับน้องชายกับน้องสาวนะ น้องๆ ยังเด็ก มือเจ้ามีแต่น้ำลาย…”
“เสี่ยวปาของพวกเรารู้จักปกป้องหลานชายและหลานสาวตัวน้อยของนางแล้ว!” ฮูหยินสามหลี่ซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากหัวเราะ
ไป๋หว่านชิงกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “คังเล่อกับสี่เล่อคลอดก่อนกำหนด ต้องดูแลอย่างดี หมัวมัวบอกกับข้าเช่นนี้เจ้าค่ะ!”
หลิวซื่อหัวเราะออกมา นางรับผ้าเช็ดหน้าจากหมัวมัวมาเช็ดมือให้วั่งเกอ “เสี่ยวปาของพวกเราช่างเหมือนผู้ใหญ่จริงๆ สมแล้วที่เป็นน้าแปดของวั่งเกอ คังเล่อและสี่เล่อ”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นเหตุการณ์จึงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน นางนึกถึงตอนที่นางและน้องๆ ยังเป็นเด็ก ตอนที่พวกนางเป็นเด็กก็ยังไม่รู้ความเช่นนี้เหมือนกัน คนที่อายุมากกว่ารังแกคนที่อายุน้อยกว่า ทว่า พี่น้องรังแกกันเองอย่างไรก็ได้แต่เมื่อออกจากจวนพวกเขาจะไม่ปล่อยให้คนอื่นรังแกพี่น้องของตนเด็ดขาด หากผู้อื่นรังแกน้องชายและน้องสาวของพวกเขาพวกเขาจะต่อยพวกนั้นทันที
ถงหมัวมัวก้าวไปช่วยไป๋ชิงเหยียนถอดรองเท้า จากนั้นประคองหญิงสาวนั่งลงข้างกายต่งซื่อ ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเสี่ยวปาที่นั่งอยู่ข้างกายอาสะใภ้ห้าเบาๆ จากนั้นเอื้อมมือไปหยิกแก้มของวั่งเกออย่างหมั่นเขี้ยว หญิงสาวหันกลับไปมองคังเล่อและสี่เล่อที่กำลังแทะมือของตัวเองอยู่ด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้นกว่าเดิม
โชคดีที่หลายวันมานี้มีท่านหมอหลวงหวง มารดา บรรดาอาสะใภ้และบรรดาหมัวมัวคอยดูแลลูกทั้งสองของนาง ตอนนี้คังเล่อบุตรสาวของนางอาการดีขึ้นกว่าเดิมทุกวัน แม้จะแข็งแรงไม่เท่าสี่เล่อ ทว่า อย่างน้อยก็ไม่อาเจียนนมออกมาแล้ว อีกทั้งไม่ได้ขี้เกียจขยับร่างกายของตัวเองเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนก้มมองดูสี่เล่อและคังเล่อ นางคิดว่าครั้งหน้านางจะส่งภาพของลูกๆ แนบไปกับจดหมายให้อาเหยี่ยนด้วย
“เสี่ยวปา เจ้าฝึกเขียนอักษรที่พี่ให้เจ้าเขียนเมื่อเช้าเสร็จแล้วหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนถามน้องสาวยิ้มๆ
ไป๋ชิงเหยียนให้การบ้านเสี่ยวปาไม่มาก นางให้เสี่ยวปาเขียนตัวอักษรที่ไม่ซับซ้อนมาให้นางเพียงห้าแผ่นเท่านั้น
“เขียนเสร็จแล้วเจ้าค่ะ!” เสี่ยวปายิ้มกว้างให้ไป๋ชิงเหยียน “ข้าเขียนเกินตั้งสองแผ่นเจ้าค่ะ!”
หมัวมัวผู้ดูแลเสี่ยวปาได้ยินเด็กน้อยกล่าวเช่นนี้จึงกล่าวเสริมยิ้มๆ “ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูแปดเขียนเกินไปตั้งสองแผ่น กล่าวว่าคราวหน้าหากฝ่าบาทสั่งการบ้านนางอีกนางจะเขียนให้มากกว่าเดิมอีกเจ้าค่ะ”
“แหม นิสัยเช่นนี้ช่างเหมือนอาเป่าจริงๆ !” ฮูหยินสองหลิวซื่อหัวเราะออกมา “ข้าจำได้ว่าตอนเด็กอาเป่าก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน เจ้าให้นางทำสามแผ่น นางจะทำห้าถึงหกแผ่น เสี่ยวปาของพวกเราโตขึ้นต้องกลายเป็นอาเป่าอีกคนแน่ๆ”
ฉินหมัวมัวถือนมร้อนมาให้ไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่ดื่มสักนิดเถิดเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนรับนมร้อนมายิ้มๆ จากนั้นเอื้อมมือลูบศีรษะของเสี่ยวปาอีกครั้ง “เมื่อเสี่ยวปาโตขึ้นต้องเก่งกาจกว่าพี่แน่นอน!”
เสี่ยวปาได้ยินเช่นนี้จึงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยแววตาเปล่งประกายพลางพยักหน้ารัว นางตั้งมั่นในใจว่าพรุ่งนี้นางจะเขียนให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกสามแผ่น
“ได้ยินว่าตระกูลบรรพบุรุษไป๋ก่อเรื่องอีกแล้ว แถมครั้งนี้ยังเกี่ยวข้องกับชีวิตคนอีกด้วยใช่หรือไม่!” ต่งซื่อหันไปทางไป๋ชิงเหยียน
“ข้าได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกัน ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ทำเกินไปแล้ว หากไม่ควบคุมให้ดีคงยากจะระงับความโกรธของทุกคน!” ตอนที่ฮูหยินห้าฉีซื่อได้ยินเรื่องนี้ก็โมโหจนตัวสั่นเช่นเดียวกัน นางโบกพัดให้สี่เล่อและคังเล่อพลางกล่าวขึ้น “บ่าวรับใช้คู่นั้นไถ่ถอนตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาแล้ว ทายาทของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ยังกล้าไปขืนใจสตรีนางนั้นและทำร้ายสามีของนางจนเสียชีวิตอีก พวกเขาคิดว่าที่นี่คือซั่วหยางหรืออย่างไรกัน พวกเขายังกล้าทำเรื่องชั่วช้าเหล่านี้โดยถือว่าตัวเองคือเชื้อพระวงศ์อีก!”
“ตอนนี้ต้าโจวของพวกเรากำลังใช้ระบอบการปกครองใหม่ หากเราจัดการเรื่องนี้ไม่เหมาะสมเกรงว่าอาจเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้ ชาวบ้านอาจคิดว่าพวกเราปกป้องคนของตระกูลบรรพบุรุษ” ต่งซื่อกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงอ่อนโยน “เจ้าต้องจัดการอย่างเหมาะสมนะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
ปัญหาของเรื่องนี้ทำให้ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงการยกเลิกระบบทาสที่อยู่ในบันทึกของจีโฮ่ว
จีโฮ่วเคยบันทึกในตำราของนางว่าต้องการยกเลิกระบบทาส ให้ทาสเหล่านั้นกลายเป็นไพร่ ทว่า เรื่องนี้มีข้อจำกัดอยู่มาก หากต้องการให้ทุกคนมีฐานะเท่าเทียมกันต้าเยี่ยนต้องรวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งให้ได้ จากนั้นค่อยปฏิรูปการปกครอง ยกเลิกระบบทาส ทำให้ทุกคนมีฐานะเท่าเทียมกัน
จีโฮ่วบันทึกเรื่องนี้ในตำราเพียงนิดเดียวเท่านั้น ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับทำสัญลักษณ์เรื่องนี้เอาไว้ด้วยความสนใจ
ไป๋ชิงเหยียนคิดว่าเรื่องนี้คือการเตือนให้นางยกเลิกระบบทาสของแคว้น
ตอนนี้บ่าวรับใช้ในต้าโจวแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือไพร่ อีกกลุ่มคือทาส แม้ทาสในตอนนี้จะต่างจากทาสในอดีตตรงที่ได้รับเงินทุกเดือน หากพวกเขาสะสมเงินได้เพียงพอพวกเขาสามารถขอไถ่ตัวจากเจ้านายของตัวเองได้ ทว่า หากพวกเขายังเป็นทาสอยู่ เจ้านายของพวกเขาสามารถตบตีหรือฆ่าพวกเขาให้ตายโดยไม่มีความผิด ลูกที่เกิดจากทาสเหล่านี้จะกลายเป็นทาสในเรือนเบี้ยไปโดยปริยาย พวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากทาสในอดีตสักเท่าใดนัก
หากทาสเหล่านี้ได้พบกับเจ้านายที่ดีก็ยังไม่เท่าใดนัก หากพวกเขาพบเจ้านายที่ไม่ดีคงมีจุดจบที่ไม่ดีแน่นอน