สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 131 ฆ่าปิดปาก
ตอนที่ 131 ฆ่าปิดปาก
ถงหมัวมัว ชุนเถาและหลูผิงทำความเคารพทุกคนจากนั้นรีบเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไป
“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นจื้อตะโกนเรียกเตรียมจะเดินตามไปแต่โดนไป๋จิ่นถงรั้งไว้เสียก่อน
“พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องการให้พวกเราเห็นตอนที่นางอ่อนแอ เจ้ารอก่อนเถิด!” ไป๋จิ่งถงกล่าว
“แต่…แต่ว่าพี่หญิงใหญ่กำลังร้องไห้นะเจ้าคะ!”
ไป๋จิ่นถงหันกลับไปมองโถงทำพิธีที่สว่างไสวจากแสงเทียน ก้มหน้าลง “นั่นนะสิ พี่หญิงใหญ่ร้องไห้ ต้องกลายเป็นศัตรูกับคนสายเลือดเดียวกัน พี่หญิงใหญ่คงต้องเจ็บปวดราวกับถูกมีดเฉือนเนื้อทีละชิ้นจนกินไม่ได้นอนไม่หลับแน่”
เจี่ยงหมัวมัวมองไปยังทิศทางที่ไป๋ชิงเหยียนเดินจากไปทั้งน้ำตา ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี นางเตือนองค์หญิงใหญ่แล้วว่าหากคุณหนูใหญ่ทราบเรื่องที่องค์หญิงใหญ่ฆ่าจี้ถิงอวี๋ ความสัมพันธ์ระหว่างย่าหลานของพวกนางต้องเกิดความบาดหมางขึ้น ทว่า เจี่ยงหมัวมัวไม่เคยนึกเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะเด็ดขาดถึงขั้นตัดขาดกับองค์หญิงใหญ่เช่นนี้!
เจี่ยงหมัวมัวไม่มีเวลาคิดสิ่งใดมาก นางรีบพุ่งเข้าไปในโถงทำพิธี กลัวว่าองค์หญิงใหญ่จะเป็นอันใดขึ้นมา
“เก็บลูกอนุผู้นั้นไว้ไม่ได้!” จู่ๆ ฮูหยินห้าฉีซื่อก็เอ่ยขึ้นมา “ข้าจะไปเกลี้ยกล่อมกับท่านแม่!”
กล่าวจบ ฮูหยินห้าก็ประคองเอวด้านหลังพลางเดินเข้าไปในโถงทำพิธี
“จิ่นซิ่ว จิ่นถง จิ่นจื้อ อีกเดี๋ยวพวกเจ้าช่วยไปดูพี่หญิงใหญ่ของพวกเจ้าสักหน่อย อย่าปล่อยให้นางเสียใจมากเกินไป บอกกับนางว่าพวกป้าจะเกลี้ยกล่อมท่านย่าของนางเอง!” ต่งซื่อกำชับเสียงเบา
“เจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นซิ่วย่อกายทำความเคารพ จากนั้นพาน้องสาวทั้งสองเดินจากไป
“องค์หญิงใหญ่!” น้ำเสียงร้อนรนของเจี่ยงหมัวมัวดังแว่วขึ้น
ต่งซื่อ ฮูหยินสองหลิวซื่อและฮูหยินสามหลี่ซื่อต่างตกใจ รีบถลกชายกระโปรงเดินเข้าไปในโถงทำพิธีในทันที
ต่งซื่อเห็นองค์หญิงใหญ่สลบอยู่ในโถงทำพิธีจึงรีบตะโกนขึ้น “เร็ว! รีบนำบัตรเชิญของข้าไปเชิญหมอหลวงมา ฉินหมัวมัวรีบให้คนมาพาท่านแม่กลับเรือนฉางโซ่ว!”
ภายในโถงทำพิธีว้าวุ่นกันไปหมด ต่งซื่อคำนึงถึงชื่อเสียงของไป๋ชิงเหยียนจึงไม่อาจปล่อยให้เรื่องที่องค์หญิงใหญ่เป็นลมหมดสติในโถงทำพิธีหลังจากมีปากเสียงกับไป๋ชิงเหยียนเล็ดลอดออกไปได้
นางรีบรั้งตัวฉินหมัวมัวที่เตรียมออกไปเรียกคนข้างนอกไว้พลางกล่าวออกมา “องค์หญิงใหญ่คร่ำครวญถึงท่านพ่อให้พวกเราฟัง นางเสียใจจนสลบไป จำได้หรือไม่!”
ฉินหมัวมัวพยักหน้ารัว
เรือนหลัง
ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปในเรือน หมอเถื่อนซึ่งเลือดไหลไม่หยุดนอนอ่อนระทวยอยู่บนพื้น อวี้เหลียนที่ปลอมตัวเป็นจี้หลิ่วซื่อคุกเข่าร้องไห้อย่างหนักอยู่ตรงนั้น
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนกลับมาแล้วเดินตรงไปยังห้องด้านในโดยไม่เหลือบมองมาที่ตนแม้แต่น้อย อวี้เหลียนจึงรีบคลานเข่าไปด้านหน้าพลางตะโกนขอร้อง “คุณหนูใหญ่! ได้โปรดให้ข้าจากไปอย่างสงบเถิดเจ้าค่ะ! ให้ข้าตายไปเถิดเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้าลง กำหมัดแน่น จากนั้นหันไปกล่าวกับหลูผิง “ลุงผิง สั่งให้คนพาอวี้เหลียนกลับไปที่หมู่บ้าน ควบคุมตัวหวังวั่นเกิงและทุกคนในครอบครัวของเขาไว้ให้ดี ฝังศพภรรยาของจี้ถิงอวี๋อย่างสมเกียรติ จากนั้นให้ฉินหมัวมัวส่งผู้ดูแลฝีมือดีไปสืบมาว่าหลายปีมานี้หวังวั่นเกิงทำเรื่องชั่วช้าอันใดไว้บ้าง หาหลักฐานมาให้ครบจากนั้นส่งตัวเขาให้ทางการลงโทษในนามของจวนเจิ้นกั๋วกง!”
“ขอรับ!” หลูผิงยกมือกำหมัดรับคำสั่ง
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ได้โปรดฆ่าข้าที่นี่เถิดเจ้าค่ะ ไม่อย่างนั้นแม่ของข้าต้องตายแน่ๆ เจ้าค่ะ ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ!” สีหน้าของอวี้เหลียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองอวี้เหลียน น้ำเสียงสงบนิ่งราวกับสายน้ำ “แม่ของเจ้าน่าจะเสียชีวิตไปก่อนหน้าเจ้าแล้ว!”
ฆ่าปิดปาก!
ท่านย่าจะปล่อยให้มารดาของอวี้เหลียนที่รู้เรื่องนี้มีชีวิตรอดได้อย่างไรกัน!
พวกเขาสั่งให้อวี้เหลียนไปตาย มารดาของอวี้เหลียนก็มีแต่ทางตายเช่นเดียวกัน
ความรักที่จริงใจที่สุดบนโลกใบนี้ คือการที่ตัวเองยอมแลกชีวิตของตัวเองเพื่อให้คนที่รักมีชีวิตรอด ทว่า เราไม่ควรฝากชีวิตของคนที่เรารักไว้ในกำมือของผู้อื่น! ยิ่งไม่ควรเอาชีวิตของผู้อื่นมาแลก!
อวี้เหลียนเบิกตาโพลง “ไม่มีทาง! ไม่มีทาง! พ่อของข้ารับปากข้าแล้ว!”
“เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปดูให้เห็นกับตาของตัวเองเถิด เอาตัวไป…”
กล่าวจบ หญิงสาวจึงเดินเข้าไปในห้อง
บัดนี้ ท่านหมอป้อนยาและฝังเข็มให้จี้ถิงอวี๋เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไป จี้ถิงอวี๋กำลังพาดกายอยู่ตรงหัวเตียงแล้วชะโงกตัวโก่งคออาเจียนอย่างหนักออกมาเป็นเลือดสีดำ
“ดีๆ ! อาเจียนออกมาได้ก็ดีแล้ว! อาเจียนออกมาได้ก็ดีแล้ว!” หมอหงไม่ได้รังเกียจ เขาช่วยลูบหลังให้จี้ถิงอวี๋พลางกล่าวออกมาอย่างโล่งใจ
ใจที่เป็นกังวลของไป๋ชิงเหยียนจึงคลายลง
หมอหลวงหวงให้ชุนซิ่งนำกระโถนที่จี้ถิงอวี๋อาเจียนออกมาเป็นเลือดสีดำออกไปด้านนอก จากนั้นตรวจชีพจรให้เขา “โชคดีที่โดนวางยาไม่มาก หากคืนนี้ไม่มีผู้ใดมาพบ ต่อให้เป็นหมอเทวดาก็คงช่วยชีวิตเขาไม่ได้”
“ขอบพระคุณท่านหมอหลวงหวง ท่านหมอหงมากเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนคำนับขอบคุณอย่างจริงใจ
“คุณหนูใหญ่กล่าวอันใดเยี่ยงนี้ พวกเราเป็นหมอ หมอมีหน้าที่รักษาคนป่วยอยู่แล้ว!” หมอหลวงหวงโบกมือ นั่งอยู่หน้าโต๊ะสี่เหลี่ยม “ข้าจะเขียนสูตรกำจัดพิษและบำรุงร่างกายให้”
คืนนั้น ไป๋ชิงเหยียนนั่งจ้องใบหน้าไร้สีเลือดของจี้ถิงอวี๋อยู่ในห้องนิ่งๆ ไม่รู้ว่าเมื่อจี้ถิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาจะอธิบายกับเขาเรื่องที่บุตรอนุผู้นั้นทำให้ภรรยาของเขาเสียชีวิตอย่างไรดี
หมอหลวงฝังเข็มให้องค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่ฟื้นขึ้นมาทานยา จากนั้นก็นอนไม่หลับอีกเลย
นางเอนกายพิงหมอนที่ปักด้วยลายดอกไห่ถัง[1] หลากหลายสีสัน สั่งให้เจี่ยงหมัวมัวหยิบป้ายหยกสีดำลายมังกรครึ่งแผ่นที่มีไว้สำหรับเรียกใช้องครักษ์ลับออกมาออกมาจากช่องลับ ลูบไปบนป้ายหยกอย่างเบามือ
เจี่ยงหมัวมัวกลัวว่าองค์หญิงใหญ่จะเรียกใช้องครักษ์ลับมาจัดการกับไป๋ชิงเหยียน หากเป็นเช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างย่าหลานของทั้งคู่คงจบลงจริงๆ นางคุกเข่าอยู่หน้าเตียงขององค์หญิงใหญ่ทั้งน้ำตา “องค์หญิงเพคะ! บ่าวทราบดีว่าองค์หญิงลำบากใจ ท่านอยากให้ตระกูลไป๋มีทายาทสืบทอด ทว่า คุณหนูใหญ่กล่าวถูกแล้วเพคะ! สตรีของจวนเจิ้นกั๋วกงของเราทุกคนล้วนเก่งกาจ! ไม่ว่าคนใดแต่งบุตรเขยเข้ามาในตระกูลไป๋ก็ล้วนดีกว่าบุตรอนุผู้นั้นทั้งสิ้น! คุณหนูใหญ่เป็นคนที่องค์หญิงเลี้ยงดูทะนุถนอมจนเติบใหญ่มาด้วยพระองค์เอง องค์หญิงจะตัดขาดความสัมพันธ์กับคุณหนูใหญ่เพียงเพราะบุตรอนุผู้นั้นหรือเพคะ! ยังดีที่เรื่องของจี้ถิงอวี๋ยังพอมีทางแก้ไข องค์หญิงห้ามปกป้องบุตรอนุผู้นั้นแล้วนะเพคะ องค์หญิงนึกถึงคำสาบานของคุณหนูใหญ่ที่โถงทำพิธีสิเพคะ องค์หญิงอยากให้คุณหนูใหญ่ตายหรือเพคะ!”
เมื่อได้ยินเจี่ยงหมัวมัวเรียกนางว่าองค์หญิงอีกครั้ง องค์หญิงใหญ่กำป้ายหยกในมือแน่น นึกถึงภาพที่อาเป่า หลานสาวของนางก้มศีรษะจรดพื้นสามครั้งเพื่อตัดขาดความสัมพันธ์กับนาง องค์หญิงใหญ่ก็เจ็บปวดจนแทบขาดใจ นางหลับตาลง น้ำตาไหลอาบใบหน้า
บนโลกนี้ ไม่มีทางสมหวังทั้งสองทาง…
นางโลภมากเกินไป นางอยากปกป้องบุตรอนุผู้นั้นและอยากรักษาความสัมพันธ์ของย่าหลานระหว่างนางกับอาเป่าไว้ด้วย ดังนั้นจึงก่อเรื่องจนอาเป่าลุกขึ้นมาต่อต้านนาง สาบานว่าจะฆ่าบุตรอนุผู้นั้นให้ได้
ข้ากับบุตรอนุผู้นั้น มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น หากเขาไม่ตายก็ขอให้ข้ามีอันเป็นไป!
นึกถึงคำสาบานที่อาเป่ากล่าวในโถงทำพิธี มือขององค์หญิงใหญ่สั่นเทา เย็นวาบไปทั้งร่าง
ไม่ นางไม่อาจปล่อยให้อาเป่าตายไปเพราะบุตรอนุผู้นั้นได้…
อาเป่าเป็นแก้วตาดวงใจของนาง เป็นคนที่นางเฝ้าฟูมฟักทะนุถนอมมาในอ้อมกอดจนเติบใหญ่!
นางทำไม่ได้!
หากต้องเลือกหนึ่งในสอง นางต้องเลือกอาเป่าอยู่แล้ว…
ไม่ว่าทำเพื่อตระกูลไป๋ หรือเพราะความเห็นแก่ตัวของนางเอง
บุตรอนุที่เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานผู้นั้นจะเทียบกับอาเป่าของนางได้อย่างไรกัน
นางพ่ายแพ้ตั้งแต่ตอนที่อาเป่าเอาตัวเองเป็นตัวประกันแล้ว!
เมื่อหวนนึกถึงถ้อยคำที่หลานสาวของนางกล่าวในโถงทำพิธี องค์หญิงใหญ่ถึงตระหนักได้ว่าตัวเองแก่ชราลงมากแล้วจริงๆ
[1] ดอกไห่ถัง เป็นพืชตระกูลแอปเปิล มีดอกสีขาว ชมพูหรือแดง