สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 146 ทะมึน
ตอนที่ 146 ทะมึน
“หุบปาก!” ฮ่องเต้ตวาดออกมาอย่างเหลืออด เหตุใดเขาถึงมีโอรสที่อ่อนแอไม่เอาไหนเช่นนี้นะ
เหลียงอ๋องและถงจี๋ตกใจจนตัวหงอ ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมาอีกทั้งสิ้น
ไป๋ชิงเหยียนยืนมองภาพตรงหน้าอยู่ทางด้านหลังองค์หญิงใหญ่นิ่งๆ ในใจสงบนิ่งไม่รู้สึกกระวนกระวายใดๆ ทั้งสิ้น
ฮ่องเต้นวดบริเวณหัวคิ้วของตัวเอง ตรัสกับผู้พิพากษาหลู่จิ้นแห่งศาลต้าหลี่ด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“หลู่จิ้น เจ้าเป็นคนไต่สวน!”
หลู่จิ้นทำความเคารพฮ่องเต้จากนั้นหันไปไต่สวนเซียวรั่วไห่
“เจ้าเป็นคนจับหลิวฮ่วนจาง และองครักษ์ของจวนเหลียงอ๋องได้ใช่หรือไม่”
เซียวรั่วไห่พยักหน้า “ขอรับ!”
“เรื่องราวเป็นมาอย่างไร เจ้าจงเล่ามาให้ละเอียด…”
เซียวรั่วไห่ที่ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือดไม่ส่อแววหวาดกลัวแม้แต่น้อย ก้มศีรษะคำนับแนบพื้นจากนั้นกล่าวขึ้น
“บ่าวไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้บ่าวรับใช้ชายข้างกายของเหลียงอ๋องนัดพบกับชุนเหยียนสาวใช้ของคุณหนูใหญ่ได้อย่างไรขอรับ บ่าวทราบแต่เพียงว่าวันนี้หลังจากกลับมาจากพิธีเคลื่อนขบวนศพ หมัวมัวผู้ดูแลข้างกายของคุณหนูใหญ่ก็กุมตัวชุนเหยียน และบ่าวรับใช้ชายของเหลียงอ๋องเข้ามาขอร้องให้องค์หญิงใหญ่ทวงความยุติธรรมให้คุณหนูใหญ่ขอรับ นางกล่าวว่าเหลียงอ๋องสั่งให้ชุนเหยียนนำจดหมายรักที่เขาเขียนให้คุณหนูใหญ่ไปวางไว้ในห้องหนังสือของท่านกั๋วกง เหลียงอ๋องจะหาวิธีให้คนเข้าไปพบจดหมายเหล่านั้นแล้วอ้างว่าท่านกั๋วกงสัญญากับเขาก่อนไปออกรบว่าเมื่อกลับมาถึงเมืองหลวงจะจัดงานแต่งงานให้เขากับคุณหนูใหญ่ขอรับ เช่นนี้เขาก็จะได้แต่งงานกับคุณหนูใหญ่สมใจ จากนั้นจะรับสาวใช้ที่ชื่อชุนเหยียนนั่นมาเป็นอนุ! ชุนเหยียนจึงตอบตกลง บ่าวรับใช้ชายที่ชื่อถงจี๋กำชับว่าห้ามชุนเหยียนแกะจดหมายเด็ดขาด เพราะการแอบอ่านจดหมายของลูกหลานมิใช่นิสัยของท่านกั๋วกงขอรับ ถงจี๋กล่าวว่าเขาจะรออยู่ที่ประตูข้าง ให้ชุนเหยียนรีบนำจดหมายไปวางแล้วออกมารายงานเขาขอรับ!”
เซียวรั่วไห่เล่ารายละเอียดอย่างชัดเจนด้วยน้ำเสียงช้าๆ ทำให้ผู้ฟังเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดอย่างง่ายดาย
ชุนเหยียนฟังถึงตรงนี้ก็เก็บความหวาดกลัวที่มีอยู่ในใจไม่ไหว นางอยากร้องไห้อ้อนวอนคุณหนูใหญ่ให้ช่วยนาง แต่ก็เกรงกลัวบารมีของฮ่องเต้ นางแทบเป็นลมหมดสติอยู่ตรงนั้น
“ทว่า คุณหนูสี่ที่เป็นคนตรงไปตรงมาต้องการรู้ว่าเหลียงอ๋องเขียนสิ่งใดในจดหมายเพื่อบังคับให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับเขาบ้างจึงเปิดจดหมายอ่านต่อหน้าทุกคนขอรับ! นึกไม่ถึงเลยว่า…เนื้อหาในนั้นจะกลายเป็นจดหมายที่ท่านกั๋วกงเขียนถึงแคว้นศัตรู หลังจดหมายยังมีจดหมายที่อ้างว่าเป็นลายมือของท่านกั๋วกงแนบมาด้วย ทว่า ลายมือเหล่านั้นคือลายมือของจักพรรดิเกาจู่ขอรับ!” เซียวรั่วไห่เงยหน้ามองไปทางถงจี๋แวบหนึ่ง
“เรื่องราวก็มีเท่านี้ขอรับ ใต้เท้าสอบถามบ่าวรับใช้ชายของเหลียงอ๋องดูก็ได้ขอรับว่าเรื่องเป็นเช่นนี้หรือไม่”
หลู่จิ้นหันไปมองถงจี๋และชุนเหยียน “จริงตามนี้หรือไม่”
น้ำตาของชุนเหยียนไหลพราก อ้าปากแต่ปรากฏว่านางหวาดกลัวจนไม่มีเสียงอันใดเล็ดลอดออกมา
ถงจี๋พยักหน้าอย่างขลาดๆ “เป็นเช่นนั้นขอรับ แต่ว่า…”
ไม่รอให้ถงจี๋กล่าวจบ เซียวรั่วไห่กล่าวต่อในทันที
“ข้ายืนอยู่บนบันไดสูงของจวนเจิ้นกั๋วกงจึงมองเห็นว่ามีคนเดินแยกออกไปจากกลุ่มของชาวบ้านด้วยท่าทีตื่นตระหนก รู้สึกว่าผิดปกติจึงพาคนลอบตามไป นึกไม่ถึงเลยว่าจะเห็นคนที่มีท่าทางหวั่นวิตกผู้นั้นเดินเข้าไปในจวนเหลียงอ๋องอย่างรีบร้อน! ข้าจึงรีบให้คนกลับไปรายงานเจ้านาย แล้วรอฟังคำสั่งอยู่ที่นั่น แต่ไม่นานชายคนนั้นก็เดินออกมาจากจวนอย่างรีบร้อนแล้วควบม้าออกไปอย่างรวดเร็ว…”
เซียวรั่วไห่มองไปทางเถียนเหวยจวินแวบหนึ่ง “ดังนั้นข้าเลยนำคนลอบสะกดรอยตามไป เมื่อข้าตามไปถึงหน้าร้านขายกระดาษที่ใช้สำหรับพิธีไหว้ศพร้านหนึ่งก็ได้ยินเสียงของหลิวฮ่วนจางขอรับ! หลิวฮ่วนจางสมคบคิดกับแคว้นศัตรูทำให้บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตทั้งตระกูล เพราะความแค้นบังตา พวกข้าเลยต้องการเข้าไปจับเป็นหลิวฮ่วนจาง! แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าท่านที่มีฝีมือเยี่ยมยอดของจวนเหลียงอ๋องผู้นี้เห็นว่าพวกข้าจับตัวหลิวฮ่วนจางไว้ได้จึงลงมือสังหารหลิวฮ่วนจางด้วยดาบเดียวขอรับ! ใต้เท้าไต่สวนองครักษ์ทั้งสองคนของจวนเหลียงอ๋องดูได้ขอรับว่าเป็นจริงดังที่ข้ากล่าวมาหรือไม่”
สีหน้าของเกาเซิงไม่เปลี่ยนแปลง คุกเข่าอยู่ตรงนั้นโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
เถียนเหวยจวินก้มหน้าไม่เอ่ยสิ่งใดเช่นเดียวกัน
เซียวรั่วไห่หยุดเว้นวรรค ให้โอกาสเกาเซิงและเถียนเหวยจวินแก้ตัว แต่ทั้งสองคนไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น หลู่จิ้นจึงเอ่ยขึ้น “เจ้ากล่าวต่อได้เลย…”
เซียวรั่วไห่จึงเริ่มกล่าวต่อจากเมื่อครู่ “หลังจากท่านยอดฝีมือผู้นั้นสังหารหลิวฮ่วนจางแล้ว เมื่อเห็นว่าพวกข้าจับตัวองครักษ์ที่มาส่งข่าวของจวนเหลียงอ๋องได้อีกคน เขาก็ย้อนกลับมาสังหารองครักษ์ผู้นี้ ว่าไปแล้วก็น่าขำนักขอรับที่พวกข้ายอมสละชีวิตเพื่อปกป้ององครักษ์ที่มาส่งข่าวของจวนเหลียงอ๋อง พวกข้าค้นเจอจดหมายฉบับหนึ่งจากตัวขององครักษ์ผู้นี้ขอรับ เนื้อหาในจดหมายเขียนว่าให้ใช้ชีวิตคนในครอบครัวของหลิวฮ่วนจางเป็นตัวประกัน บังคับให้เขาไปสารภาพผิดที่ศาลต้าหลี่ สารภาพว่าเขาเป็นคนลอบเปลี่ยนจดหมายในมือของถงจี๋ ให้หลิวฮ่วนจางยืนกรานว่าทำไปเพราะต้องการให้ทุกคนรับรู้ว่าเจิ้นกั๋วอ๋องทรยศบ้านเมือง! จดหมายอยู่นี่ขอรับ ใต้เท้าสอบถามองครักษ์ทั้งสองคนได้เลยขอรับว่าเรื่องข้ากล่าวมาเป็นความจริงหรือไม่”
เซียวรั่วไห่กล่าวพลางล้วงจดหมายออกมาจากอก จากนั้นชูขึ้นเหนือศีรษะ
ใจของเหลียงอ๋องกระตุกวูบ เขานึกไม่ถึงเลยว่าหลิวฮ่วนจางจะถูกบ่าวรับใช้ของตระกูลไป๋จับได้ เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนในทันที ไม่คิดเลยว่า…ดวงตาคมกริบคู่นั้นของไป๋ชิงเหยียนกำลังจ้องมาทางเขาพอดี
จู่ๆ ก็มีสิ่งหนึ่งแล่นปลาบขึ้นในสมองของเขา จู่ๆ เขาก็นึกถึงรายชื่อที่ไป๋ชิงเหยียนได้ไปจากฉินเต๋อเจา หรือว่าเขาติดกับดักเข้าให้แล้ว!
“ฝ่าบาท! เกาเซิงสังหารหลิวฮ่วนจางและท่านเถียนเหวยจวินเพราะต้องการใส่ร้ายองค์ชายแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดตรวจสอบให้แน่ชัดด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” ถงจี๋ร้องไห้พลางก้มศีรษะคำนับฮ่องเต้
“บ่าวรับจดหมายมาจากมือของเกาเซิง! เป็นเขา! เกาเซิงเป็นคนทำแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงร้องไห้ของถงจี๋ทำให้ก้นบึ้งในใจของเหลียงอ๋องเย็นวาบ
หลู่จิ้นเดินเข้าไปรับจดหมายมาจากมือของเซียวรั่วไห่ เขากวาดสายตามองอย่างลวกๆ แล้วก็ต้องตกตะลึง!คือลายมือของเหลียงอ๋องจริงๆ!
“นี่มัน…” หลู่จิ้นหันกลับไปมองฮ่องเต้แล้วกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท จดหมายนี่เขียนด้วยลายมือของเหลียงอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนตกตะลึง จดหมายที่เขียนด้วยลายมือของตัวเองอย่างนั้นหรือ!
เหตุใดตู้จือเวยจึงปล่อยให้เหลียงอ๋องทำเรื่องที่ผิดพลาดเช่นนี้กัน เขียนจดหมายด้วยลายมือของตัวเอง…เท่ากับเป็นการยื่นหลักฐานใส่มือของผู้อื่นชัดๆ ตู้จือเวยไม่มีทางทำผิดพลาดเช่นนี้อย่างแน่นอน!
ฮ่องเต้เห็นสีหน้าของเหลียงอ๋องซีดเผือดในทันที ลืมแม้กระทั่งร้องไห้ เขาขบกรามแน่น “เอามาให้เรา!”
ลายมือของเหลียงอ๋อง เขาในฐานะเสด็จพ่อของเหลียงอ๋องจะแยกไม่ออกได้อย่างไรกัน!
เมื่อทอดพระเนตรจดหมายฉบับนั้น ฮ่องเต้พิโรธจนมือสั่นเทา หลู่จิ้นรีบถลาเข้าไปกราบทูล
“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าลายมืออาจปลอมแปลงได้พ่ะย่ะค่ะ เราเชิญท่านราชครูผู้เฒ่าถานซงและโซ่วซานกงที่เชี่ยวชาญด้านการคิดค้นอักษรมาช่วยยืนยันดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งควรตรวจสอบกระดาษและน้ำหมึกที่ใช้เขียนด้วย จะได้ไม่ถือเป็นการใส่ร้ายเหลียงอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”
ท่านราชครูถานซงเกษียณอายุแล้ว หลายปีมานี้พักผ่อนอยู่แต่ในจวนของตนเอง ฮ่องเต้เชื่อพระทัยในนิสัยและคุณธรรมของเขา
โซ่วซานกง คือคนรักอิสระที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ฝีมือการเขียนตำราและคิดค้นตัวอักษรไม่เป็นรองผู้ใด
“ไปเชิญมา!”
ฮ่องเต้ตัดสินพระทัยแน่วแน่ว่าจะสืบเรื่องราวทั้งหมดให้กระจ่างแจ้งภายในวันนี้
เกาเต๋อเม่ารีบสั่งให้คนไปเชิญท่านราชครูและโซ่วซานกงมา
หลู่จิ้นเอ่ยถามเกาเซิงอีกครั้ง “เจ้ามีสิ่งใดจะกล่าวหรือไม่”
เกาเซิงส่ายหน้า
ถงจี๋เห็นดังนั้นก็ตะโกนด่าออกมาอย่างโมโห
“เกาเซิงเจ้ามันคนจิตใจอำมหิตโหดเหี้ยม! หากปีนั้นองค์ชายไม่ได้ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้…”
“ถงจี๋!” เหลียงอ๋องเอ่ยขัดถ้อยคำของถงจี๋ เกาเซิงคือคนขององค์ชายรอง หากเสด็จพ่อรู้ว่าเขาเลี้ยงคนขององค์ชายรองที่หนีรอดไปได้เมื่อปีนั้น เขาต้องตายแน่ๆ