สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 180 ศึกล้างความอัปยศ
ตอนที่ 180 ศึกล้างความอัปยศ
กองทัพไป๋ที่ยังไม่ได้ออกมาจากหุบเขาสังหารทหารซีเหลียงกลุ่มแรกที่หลบหนีออกมา จากนั้นจึงวิ่งออกมารวมตัว และรายงานสถานการณ์กับเฉิงหย่วนจื้อ
กองทัพไป๋ที่ยังไม่ได้ออกมาจากหุบเขาสังหารทหารซีเหลียงกลุ่มแรกที่หลบหนีออกมา จากนั้นจึงวิ่งออกมารวมตัว และรายงานสถานการณ์กับเฉิงหย่วนจื้อ
“แม่ทัพของกองทัพต้าจิ้นอยู่ที่ใด” บนเนินสูงทางฝั่งขวาของหุบเขาเวิ่ง ไป๋ชิงเหยียนซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าตะโกนออกมาเสียงดัง
หวังสี่ผิงกำดาบยาวที่ชำรุดในมือของตัวเองแน่น เอ่ยถามเสียงดัง “ผู้ใดกัน!”
หญิงสาวควบคุมลมหายใจที่เหนื่อยหอบจากการขี่ม้ามาอย่างรวดเร็ว ชูตราทัพที่อยู่ในมือขึ้นสูง น้ำเสียงมั่นคงและรวดเร็ว
“ตราทัพอยู่ที่นี่ ข้าขอสั่งให้ท่านนำทหารของกองทัพต้าจิ้นไปเสริมทัพทหารหนึ่งพันนายของเมืองหวั่นผิงที่ฝั่งตะวันออกของหุบเขาเวิ่ง ต้องกำจัดกองทัพของซีเหลียงให้ตายอยู่ในหุบเขาทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว! หากฝ่าฝืน…ประหาร!”
หวังสี่ผิงเก็บดาบ ยังไม่ทันจะเอ่ยตอบก็โดนเฉิงหย่วนจื้อที่ร่างกายสูงใหญ่บึกบันผลักให้หลบไป หวังสี่ผิงที่ไม่ได้ป้องกันตัวล้มลงบนพื้นอย่างจัง
เฉิงหย่วนจื้อเก็บดาบใหญ่เข้าฝัก ถลาไปด้านหน้าสุด บ่าสั่นเทาอย่างรุนแรงด้วยความตื่นเต้น ดวงตาแดงก่ำ เอ่ยเรียกออกมาอย่างยากลำบาก “เสี่ยวไป๋ไซว่!”
หวังสี่ผิง “…”
หวังสี่ผิงที่โดนเฉิงหย่วนจื้อพลักจนล้มลงบนพื้นถลึงตาใส่เฉิงหย่วนจื้อด้วยความโมโหทีหนึ่ง คนห่ามรีบร้อนอันใดนักหนา!
หวังสี่ผิงมองดูไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ด้านบน กำหมัดคาราวะ “น้อมรับบัญชาขอรับ!”
หลังจากหวังสี่ผิงนำทหารต้าจิ้นไปเสริมกำลังตามคำสั่ง ไป๋ชิงเหยียนเก็บตราทัพ มองไปยังเหล่าทหารของกองทัพไป๋ทุกคนที่คาดผ้าไว้อาลัยไว้ที่ศีรษะล้วนมีบาดแผลตามตัวและใบหน้า นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ในหุบเขาเวิ่งที่พวกเขาพากันตะโกนร้องว่าจะแก้แค้นให้ท่านปู่ ท่านพ่อ บรรดาท่านอาและน้องชาย น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความฮึกเหิม เต็มไปด้วยความเลือดร้อนและเด็ดเดี่ยวไม่กลัวตาย
หญิงสาวรู้สึกร้อนวูบในหัวใจ ดวงตาทั้งสองข้างแดงฉาน นี่คือกองทัพไป๋ที่สืบทอดต่อกันมาทุกชั่วรุ่น
ภักดี! กล้าหาญ! ร่วมเป็นร่วมตาย!
“เสี่ยวไป๋ไซว่!” น้ำตาของเฉิงหย่วนจื้อไหลทะลักออกมา กำหมักคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ตะโกนออกมาอย่างสะอื้น
“เสี่ยวไป๋ไซว่ได้โปรดพาพวกเราไปแก้แค้นให้ท่านแม่ทัพใหญ่ รองแม่ทัพใหญ่ แม่ทัพตระกูลไป๋และพี่น้องทุกคนของกองทัพไป๋ด้วยเถิดขอรับ!”
“เสี่ยวไป๋ไซว่ได้โปรดพาพวกเราไปแก้แค้นด้วยขอรับ!”
“เสี่ยวไป๋ไซว่ได้โปรดพาพวกเราไปแก้แค้นด้วยขอรับ!”
ทหารกองทัพไป๋ทุกคนคุกเข่าลงบนพื้น กำหมัดตะโกนด้วยความรู้สึกฮึกเหิม น้ำเสียงดังก้องไปทั่ว
หญิงสาวซ่อนน้ำตาต่อไปไม่ไหว กำบังเหียนแน่น ลงจากหลังม้า กำหมัดคาราวะทหารกองทัพไป๋ทุกคน
“ทุกคนเป็นบุรุษเลือดร้อนของกองทัพไป๋ เป็นทหารยอดฝีมือที่กล้าหาญ! ได้โปรดรับคำขอขมาจากเหยียนด้วย! ขอโทษที่เหยียน…มาช้าไป!”
ไป๋ชิงเหยียนลงมาจากม้าแล้วโค้งกายให้ทหารทุกคนของกองทัพไป๋
“เสี่ยวไป๋ไซว่!” เฉิงหย่วนจื้อจุกในลำคอจนไม่อาจกล่าวสิ่งใดออกมาได้
ไป๋ชิงเหยียนกระโดดลงมาจากเนินเขาสูง เข้าไปประคองเฉิงหย่วนจื้อ
“แม่ทัพเฉิงลุกขึ้นเถิด ทุกท่านลุกขึ้นเถิด!”
เฉิงหย่วนจื้อร้องไห้ออกมาเบาๆ อย่างทนไม่ไหว ขบกรามแน่นพลางกล่าวขึ้น
“ข้าไร้ความสามารถ ปกป้องท่านรองแม่ทัพใหญ่เอาไว้ไม่ได้! ศีรษะของท่านรองแม่ทัพใหญ่ถูกแขวนอยู่ในค่ายทหารของซีเหลียง บัดนี้ยังไม่อาจแย่งชิงกลับมาได้! ที่ข้าโกงชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะกลัวตาย ข้าเพียงอยากตัดศีรษะของอวิ๋นพั่วสิงเพื่อแก้แค้น เช่นนี้ข้าจะได้มีหน้าไปพบท่านรองแม่ทัพใหญ่ได้!”
“ทหารของกองทัพไป๋ทุกคนล้วนเป็นผู้กล้า จะกล่าวว่าโกงชีวิตได้อย่างไรกัน!”
ไป๋ชิงเหยียนมองดูทหารของกองทัพไป๋ที่มีชีวิตเหลืออยู่เพียงเท่านี้ ในใจรู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างมาก หญิงสาวตะโกนบอกกับทหารทุกคน
“แม้ว่าท่านปู่ ท่านพ่อจะเสียชีวิตลงแล้ว ทว่า สตรีของตระกูลไป๋ยังมีชีวิตอยู่! ไป๋ชิงเหยียนยังมีชีวิตอยู่! ขอแค่ตระกูลไป๋ยังมีผู้รอดชีวิต จะไม่มีวันปล่อยให้ธงเฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋ล้มลงอย่างแน่นอน ขอแค่ตระกูลไป๋ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่ เราจะร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมกับทหารกองทัพไป๋ทุกท่าน!”
“ขอติดตามรับใช้เสี่ยวไป๋ไซว่จนตาย!” เฉิงหย่วนจื้อชูดาบขึ้นสูง
“ขอติดตามรับใช้เสี่ยวไป๋ไซว่จนตาย!”
“ขอติดตามรับใช้เสี่ยวไป๋ไซว่จนตาย!”
“ขอติดตามรับใช้เสี่ยวไป๋ไซว่จนตาย!”
เซียวรั่วไห่และไป๋จิ่นจื้อขี่ม้าเร็วเข้ามา พวกเขาได้ยินเสียงตะโกนโห่ร้องขอติดตามรับใช้เสี่ยวไป๋ไซว่จนตายของกองทัพไป๋ดังมาแต่ไกล ความรู้สึกฮึกเหิมพุ่งพล่านอยู่ในใจของทั้งสองคน
“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นจื้อลงมาจากหลังม้าพลางตะโกนเรียกเสียงดัง “อวิ๋นพั่วสิงนำคนบุกออกมาแล้วเจ้าค่ะ”
สิ้นเสียง ไป๋ชิงเหยียนชูธนูเซ่อรื้อที่อยู่ด้านหลังขึ้นสูง กระชับคันธนูแน่น กัดฟันตะโกนออกมาเสียงดัง
“ทหารกองทัพไป๋ทุกท่าน! ศึกครั้งนี้คือศึกล้างความอัปยศ ศึกล้างแค้นของกองทัพไป๋! บุรุษเลือดร้อนของกองทัพไป๋กล้าบุกไปสังหารศัตรูกับข้าหรือไม่!”
“สังหารศัตรู!”
“สังหารศัตรู!”
“สังหารศัตรู!”
เสียงตะโกนโห่ร้องสังหารศัตรูของกองทัพไป๋ดังติดต่อกันสามครั้ง สะเทือนอารมณ์ของผู้คนยิ่งนัก
อวิ๋นพั่วสิงหนีเอาตัวรอดออกมาจากทะเลไฟอย่างสะบักสะบอม ยังไม่ทันจะสงบสติอารมณ์ก็ได้ยินเสียงโห่ร้องสังหารศัตรูดังมากจากปากหุบเขา
ร่างกายของเขาแข็งทื่อ ผลักรองแม่ทัพที่ช่วยพยุงเขาออก แววตาเคียดแค้นจ้องไปยังปากหุบเขาที่อยู่เบื้องหน้าเขม็ง ชักดาบออกมาจากเอว น้ำเสียงแข็งกร้าวตะโกนดังขึ้น
“ทหารกล้าของซีเหลียงที่เกิดใหม่จากกองเพลิง! เทพสงครามผู้ไม่เคยพ่ายแพ้อย่างไป๋เวยถิงถูกข้าสังหารไปแล้ว! ศีรษะของบุตรชายและหลานชายของเขาถูกพวกเราตัดทิ้ง! บัดนี้หลานสาวของเขาตะโกนร้องจะสังหารทหารกล้าที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างพวกเราอยู่ที่ปากทางหุบเขาอย่างเหิมเกริม! ทหารซีเหลียงอกสามศอกอย่างพวกเราจะตายด้วยน้ำมือของสตรีอย่างนั้นหรือ!”
“ไม่มีทาง!”
“ไม่มีทาง!”
“ไม่มีทาง!”
ทหารซีเหลียงที่รอดพ้นความตายจากเปลวเพลิงตะโกนร้องอย่างฮึกเหิม
“ไม่มีทางเด็ดขาด!” ดวงตาทั้งสองข้างของอวิ๋นพั่วสิงแดงฉาน อารมณ์เดือดดาล
“เทพเจ้าของซีเหลียงคุ้มครองแค่ทหารที่กล้าหาญที่สุดในสนามรบเท่านั้น! พวกเจ้าจงดึงความกล้าหาญของหมาป่าในตัวออกมา ดึงจิตวิญญาณของเหยี่ยวในตัวออกมา! สังหารกองทัพไป๋กลุ่มสุดท้ายให้สิ้นซาก ทำให้หลานสาวของไป๋เวยถิงกลายมาเป็นของเล่นของทหารกล้าแห่งซีเหลียง! แก้แค้นให้ทหารซีเหลียงที่ตายด้วยคมดาบของกองทัพไป๋!”
ทหารซีเหลียงที่หนีรอดจากความตายมาได้เลือดร้อนพุ่งพล่าน ชักดาบตะโกนร้อง
“แก้แค้น!”
“แก้แค้น!”
“แก้แค้น!”
“เหล่าทหารกล้าผู้ไร้เทียมทานของซีเหลียง! บุกเข้าไป!” อวิ๋นพั่วสิงตวาดออกมาสุดเสียง ชี้ดาบไปทางหน้าหุบเขา
…
บริเวณปากทางเข้าหุบเขา
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงตะโกนโห่ร้องของกองทัพซีเหลียงจากในหุบเขาลึก เอ่ยสั่งขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและชัดเจน
“ไป๋จิ่นจื้อ ถ่ายทอดคำสั่งให้เสิ่นเหลียงอวี้แห่งค่ายหู่อิงให้เขานำทหารยอดฝีมือหกสิบนายของค่ายหู่อิงอ้อมเทียนเหมินกวนบุกไปยังด้านหลังค่ายทหารของซีเหลียง เผาคลังเสบียงอาหารสามจุดและคลังอาวุธของซีเหลียงตามที่ทำสัญลักษณ์ไว้ในแผนที่ ห้ามมีข้อผิดพลาดเด็ดขาด!”
“ไป๋จิ่นจื้อน้อมรับบัญชาเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อที่เดิมทียืนอยู่บนเนินเขาสูงกระโดดขึ้นม้า ขี่ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
“เซียวรั่วไห่!” ไป๋ชิงเหยียนโยนตราทัพที่อยู่ในอกให้เซียวรั่วไห่ สีหน้าสงบนิ่งดุจสายน้ำ
“เจ้านำตราทัพไปสั่งการให้ทหารหน่วยลาดตระเวนขี่ม้าเร็วกลับไปรายงานที่เมืองหวั่นผิง สั่งให้ที่ทหารคุ้มกันเมืองหวั่นผิงจำนวนห้าร้อยนายส่งเสบียงอาหารแห้ง และอาวุธไปที่อำเภอเฟิงในช่วงกลางดึกของคืนนี้ เมื่อทหารต้าจิ้นกวาดล้างกองทัพซีเหลียงที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกและตะวันตกของหุบเขาเวิ่งจนหมดสิ้นแล้ว จงสั่งให้แม่ทัพสือพานซานและแม่ทัพหวังสี่ผิงนำกำลังทหารคนละหนึ่งหมื่นนายไปเติมเรี่ยวแรงและเปลี่ยนอาวุธระหว่างเส้นทางไปยังอำเภอเฟิง จากนั้นบุกเข้าโจมตีอำเภอเฟิง! ส่วนเจ้านำทหารยอดฝีมือจำนวนหนึ่งร้อยนายของค่ายหู่อิงลอบเข้าไปเผาเสบียงอาหารของหนานเยี่ยนในอำเภอเฟิงช่วงกลางดึก ร่วมมือกับกองทัพต้าจิ้นโจมตีทั้งด้านนอกและด้านในเมือง ยึดอำเภอเฟิงคืนมาให้ได้ก่อนเช้าวันพรุ่งนี้”
คืนนี้ภายในหุบเขาเวิ่งเต็มไปด้วยเปลวเพลิง สายลับของหนานเยี่ยนคงกลับไปรายงานสถานการณ์ของภูเขาเวิ่งให้หนานเยี่ยนทราบนานแล้ว กองทัพซีเหลียงที่มีกำลังทหารมากกว่ากองทัพต้าจิ้นไม่รู้กี่เท่าถูกไฟคอกตายอยู่ในหุบเขาเวิ่ง หนานเยี่ยนคงหวาดกลัวจนแทบสติแตกแล้วกระมัง!
เวลานี้ หากกองทัพต้าจิ้นบุกเข้าโจมตีอำเภอเฟิงคงยึดครองกลับมาได้อย่างง่ายดาย
“เซียวรั่วไห่น้อมรับบัญชาขอรับ!” เซียวรั่วไห่กระโดดขึ้นหลังม้า จากไปทำตามคำสั่งทันที
ภายในหุบเขา ลมพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงราวกับวิญญาณหอน
กองทัพไป๋เฝ้ารออย่างสงบ ไป๋ชิงเหยียนซึ่งถือธนูเซ่อรื้อไว้ในมือยืนเฝ้าปากทางของหุบเขาเวิ่งอยู่ด้านหน้าสุด ดวงตาคมกริบของหญิงสาวจ้องเข้าไปในถ้ำลึกไม่วางตา
หญิงสาวกำธนูเซ่อรื้อในมือแน่น