สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 268 ชอบมาก
หึ! ภายภาคหน้าองค์ชายสี่แห่งต้าเยี่ยนจะมีอนาคตที่ดีได้อย่างไรกัน
หากวันหน้าโอรสองค์โตที่เกิดจากฮองเฮาของจักรพรรดิต้าเยี่ยนเกิดเป็นอันใดขึ้นมา องค์ชายเจ้าสำราญกลับไปยังต้าเยี่ยน ต้าเยี่ยนคงครึกครื้นไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อฮ่องเต้เห็นว่ารัชทายาทเข้าใจความหมายที่เขาต้องการสื่อจึงเอื้อมมือไปลูบมือของรัชทายาทเบาๆ
“ลูกชายของเราพัฒนาขึ้นแล้ว!”
ฮ่องเต้รู้สึกพอใจในตัวของโอรสองค์นี้มากขึ้นเรื่อยๆ
“ครั้งนี้จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนเดินทางมาด้วยพระองค์เอง ดูเหมือนว่าต้องการจะแต่งงานเชื่อมไมตรีกับแคว้นต้าจิ้นของเราด้วย พระองค์ต้องการสู่ขอสตรีตระกูลสูงศักดิ์ให้อ๋องเก้าซึ่งเป็นน้องชายร่วมมารดาของเขา ส่วนซีเหลียงก็ส่งองค์หญิงมาแต่งงานเชื่อมไมตรีถึงแคว้นแล้ว พวกเราต้องคัดเลือกคนที่เหมาะสมดีๆ เหยียนอ๋องแห่งซีเหลียงก็คงต้องการสู่ขอสตรีแคว้นเราเช่นเดียวกัน เจ้าใส่ใจเรื่องนี้ด้วย” ฮ่องเต้กำชับรัชทายาท
ใจของรัชทายาทกระตุกวูบ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงนึกถึงไป๋ชิงเหยียนขึ้นมา
“เสด็จพ่อ ท่านว่าพวกเขาจะมาสู่ขอไป๋ชิงเหยียนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ชะงักฝีเท้า จากนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ “ไป๋ชิงเหยียนสาบานแล้วว่าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิต ต่อให้เป็นเราก็ไม่อาจบังคับนางแต่งงานได้ หากเหยียนอ๋องแห่งซีเหลียงและอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนยินดีแต่งเข้า เราก็คิดว่าเป็นวาสนาที่ดีเหมือนกัน!”
ภายในรถม้าที่ทำจากไม้สน ต่งซื่อกุมมือบุตรสาวพลางกำชับ
“พวกเราจะเดินทางกลับไปซั่วหยางในวันที่หนึ่ง เดือนห้านี้แล้ว ถือเป็นวันมงคลของพวกเรา ขอแค่กลับไปอยู่ซั่วหยาง อยู่ห่างไกลจากราชวงศ์และฮ่องเต้ พวกเราก็ไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัวอีก ดังนั้นหากวันนี้ฝ่าบาทตรัสถึงเรื่องสังหารทหารยอมจำนนจนเจ้าได้รับความไม่เป็นธรรม เจ้าต้องอดทนสักหน่อย อย่าให้ฝ่าบาทเกิดแรงอาฆาตขึ้นอีกเป็นอันขาด!”
“ท่านแม่วางใจเถิดเจ้าค่ะ อาเป่าทราบดีเจ้าค่ะ!”
ต่งซื่อมองดูบุตรสาวที่ใบหน้างดงามโดดเด่นกว่าผู้ใด ยกมือจับปรอยผมทัดไปที่หลังหูของบุตรสาว ในใจอยากพาบุตรสาวกลับไปยังซั่วหยางให้เร็วที่สุด นางกลัวว่าจู่ๆ ฮ่องเต้จะพระราชทานสมรสให้ไป๋ชิงเหยียน ราชโองการไม่อาจขัดขืนได้ ถึงเวลานั้นบุตรสาวของนางจะเป็นเช่นไร
นางอยากเอ่ยเรื่องการแต่งงานกับต่งฉางหยวนกับบุตรสาวอีกครั้ง แต่ก็กลัวบุตรสาวต่อต้าน จึงได้แต่เก็บงำไว้ในใจ
เพียงแต่เมื่อต่งซื่อสัมผัสมือที่หยาบกร้านของบุตรสาวและถุงทรายที่พันอยู่รอบกายของนาง ต่งซื่อรู้สึกข่มขื่นยิ่งนัก รู้สึกว่าบุตรสาวของตนช่างลำบากเสียจริง
รถม้าหยุดลงที่หน้าวังหลวง ไป๋ชิงเหยียนประคองต่งซื่อลงมาจากรถม้า จางตวนรุ่ยที่มาถึงก่อนถึงรีบพาครอบครัวของตนและครอบครัวของเจินเจ๋อผิงถลาเข้ามาหา พวกเขาสนทนากับต่งซื่อและฮูหยินสามหลี่ซื่ออย่างมีมารยาท เอาแต่กล่าวชมความเก่งกาจเหนือผู้ใดของไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อ
เมื่อไป๋จิ่นจื้อลงจากรถม้าก็รีบถลาเข้าไปยืนอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียน เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“เมื่อครู่ได้ข่าวว่าเหยียนอ๋องและองค์หญิงของซีเหลียงไม่มาร่วมงานเลี้ยงวันนี้แล้วเจ้าค่ะ”
เห็นได้ชัดว่านี่คืองานเลี้ยงฉลองชัยชนะของต้าจิ้น เหตุใดซีเหลียงจะต้องมามีส่วนร่วมด้วย สมองของหลี่จือเจี๋ยยังปกติอยู่
คุณหนูของตระกูลจางและตระกูลเจินเดินตามหลังมารดาของตัวเองไปอย่างสงบเสงี่ยม เมื่อเห็นใบหน้าที่งดงามของไป๋ชิงเหยียน พวกนางนึกไม่ถึงเลยว่าสตรีที่บิดาเอ่ยชมว่ากล้าหาญเก่งกาจจะมีใบหน้าที่งดงามน่าตราตรึงถึงเพียงนี้
บรรดาคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์อยากเข้าไปทักความรู้จักกับไป๋ชิงเหยียนให้มากกว่านี้ ทว่า เมื่อนึกได้ว่าไป๋ชิงเหยียนสังหารทหารยอมจำนนนับแสนของซีเหลียงอย่างโหดร้าย พวกนางจึงไม่กล้าเข้าไป
จนเมื่อฮูหยินจางและฮูหยินเจินเร่งให้บรรดาบุตรสาวเข้าไปทักทาย พวกนางจึงเข้าไปทักทายไป๋ชิงเหยียนอย่างกล้าๆ กลัวๆ
คุณหนูหกตระกูลจางมองดูไป๋ชิงเหยียนที่ทำความเคารพกลับพวกนางยิ้มๆ เอ่ยกับคุณหนูสามตระกูลเจินเสียงเบาหวิว
“พี่สาวตระกูลไป๋ช่างงดงามนัก ดูไม่เหมือนสตรีอำมหิตที่สังหารทหารยอมจำนนนับแสนเลยเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนติดตามท่านปู่ไปออกรบฝึกฝนประสบการณ์ตั้งแต่เล็ก ต่อมาเมื่อได้รับบาดเจ็บก็เอาแต่รักษาตัวอยู่แต่ในจวน ไม่เคยออกไปด้านนอก สตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงจึงไม่เคยเห็นหน้าไป๋ชิงเหยียนสักเท่าใด
ต่อให้ต่อมาบรรดาคุณชายเจ้าสำราญในเมืองหลวงต่างล่ำลือว่าไป๋ชิงเหยียนงดงามปานใด สตรีตระกูลสูงศักดิ์ล้วนคิดว่าพวกเขากล่าวเยินยอเกินจริง ต่อให้ไป๋ชิงเหยียนจะงามเพียงใด แต่งามจะสู้หนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูได้อย่างไรกัน!
วันนี้เมื่อได้เห็น คุณหนูตระกูลจางและตระกูลเจินจึงรู้ว่าบรรดาคุณชายเจ้าสำราญไม่ได้กล่าวเกินจริงสักนิด คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ผู้นี้งดงามกว่าหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ช่างงดงามไม่มีที่ติจริงๆ
มีเพียงความเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างกายของหญิงสาวเท่านั้นที่ทำให้ผู้อื่นไม่กล้าเข้าใกล้
“คนดูหน้าไม่รู้ใจ คนเขาเคยออกรบ…เคยตัดศีรษะคนมาแล้ว มีสิ่งใดที่ทำไม่ได้อีกเล่า!”
คุณหนูสามตระกูลเจินกล่าวเสียงเบาหวิว ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายวาว
“ทว่า ท่านพ่อของข้ากล่าวว่า หากไม่สังหารทหารยอมจำนนเหล่านั้น คนที่ตายก็คือทหารต้าจิ้นของพวกเรา ท่านพ่อยังกล่าวอีกว่ามีเพียงชาวบ้านที่ไม่รู้ความถึงจะกล่าวว่าการสังหารทหารยอมจำนนคือเรื่องโหดร้าย ในสนามรบ แม้เป็นเพียงเด็ก แต่หากจับดาบก็ล้วนคือทหาร ไม่เจ้าตายก็ข้ารอด จะกล่าวถึงความเมตตาอันใดกัน!”
คุณหนูหกตระกูลจางอายุยังน้อยจึงฟังไม่ค่อยเข้าใจ ทว่า นางเข้าใจคำว่าชาวบ้านที่ไม่รู้ความ นางไม่อยากถูกคุณหนูสามตระกูลเจินมองว่าเป็นชาวบ้านที่ไม่รู้ความ ดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นพยักหน้าอย่างเข้าใจ
คุณหนูใหญ่ตระกูลจางกลับเบ้ปากเล็กน้อย มองสำรวจ “เทพสังหาร” ผู้นี้อย่างไม่เกรงใจ
สัมผัสถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตร ไป๋ชิงเหยียนจึงมองกลับไป ดวงตาดำสนิทลึกล้ำสงบนิ่งราวกับบ่อน้ำลึก…
คุณหนูใหญ่จางกำมือแน่น ใจเต้นรุนแรงทันที หญิงสาวขมวดคิ้ว หลบสายตา ใช้ผ้าเช็ดหน้าทาบอกแน่น รู้สึกว่าไอสังหารจากร่างของไป๋ชิงเหยียนมีมากเกินไป ต่อไปควรอยู่ให้ห่างจากนางเข้าไว้
งานเลี้ยงในวังหลวง ฮองเฮาไม่ได้ปรากฏกาย ตั้งแต่ที่ซิ่นอ๋องเกิดเรื่อง ฮองเฮาก็ได้แต่อ้างว่าประชวรอยู่แต่ในตำหนัก อวี๋กุ้ยเฟย มารดาของรัชทายาทล้วนเป็นคนจัดการเรื่องต่างๆ ของวังหลัง คนที่มาปรากฏตัวในงานเลี้ยงวันนี้พร้อมกับฮ่องเต้ก็คืออวี๋กุ้ยเฟยและชิวกุ้ยเหริน
คงเป็นเพราะมารดาได้ดีตามบุตรชาย อวี๋กุ้ยเฟยไม่ได้แต่งกายราบเรียบเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว นางใส่ปิ่นปักผมหงส์ เครื่องแต่งกายที่สวมใส่ก็ดูหรูหรามีอำนาจมาก นางไม่ได้ดูสงบเสงี่ยมเหมือนที่ไป๋ชิงเหยียนเคยพบในงานเลี้ยงครั้งก่อนๆ อีกแล้ว
ภายในตำหนัก นางรำสวมเกราะถือดาบไม้ระบำดาบอย่างสวยงาม
ดนตรีบรรเลงเป็นเพลงปลุกใจอย่างฮึกเหิม ทว่า นางรำกลับถือดาบอย่างอ่อนช้อย นุ่มนวล ไม่มีไอสังหารสักนิด
ไป๋ชิงเหยียนละสายตาจากนางรำมองไปยังชิวกุ้ยเหรินที่นั่งอยู่ข้างกายของฮ่องเต้ ชิวกุ้ยเหรินผู้นั้นมีใบหน้าที่งดงามมาก ไป๋ชิงเหยียนจำใบหน้าของท่านอาซู่ชิวแทบไม่ค่อยได้แล้ว ทว่า ดวงตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มคู่นั้นของชิวกุ้ยเหริน…ช่างเหมือนกับภาพวาดของท่านอาไป๋ซู่ชิวมากจริงๆ
สายตาของชิวกุ้ยเหรินหยุดอยู่ที่ไป๋ชิงเหยียน ยิ้มให้หญิงสาวอย่างสดใส ชูจอกเหล้าไปทางไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนไม่กล้ารีรอ ยกเหล้าขึ้นพลางจิบเล็กน้อย
ฮ่องเต้เหล่ตามองการกระทำของชิวกุ้ยเหริน จากนั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียน เอ่ยถามชิวกุ้ยเหรินอย่างสนิทสนม “ชอบไป๋ชิงเหยียนอย่างนั้นหรือ”
“เพคะ!” ชิวกุ้ยเหรินฉีกยิ้มอย่างสดใส
“ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเมื่อเห็นคุณหนูใหญ่ไป หม่อมฉันถึงได้รู้สึกคุ้นเคยมากเพียงนี้!”
ฮ่องเต้กุมมือชิวกุ้ยเหรินพลางลูบอย่างแผ่วเบา เขาจำได้ว่าตอนที่ไป๋ชิงเหยียนเกิด ไป๋ซู่ชิวก็รักนางมากเช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่าชิวกุ้ยเหรินผู้นี้จะเป็นไป๋ซู่ชิวกลับชาติมาเกิดจริงๆ มิเช่นนั้น เหตุใดเมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียน นางจึงชอบไป๋ชิงเหยียนมากถึงเพียงนี้กัน!