สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 280 ยอมแพ้
ดวงตาสีดอกท้อของหลี่จือเจี๋ยจ้องไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่ง เขาก้มหน้าลงพลางกล่าว
“ข้า หลี่จือเจี๋ยขอสาบานต่อเทพเจ้าว่าข้าไม่เคยพบและไม่เคยกักขังคุณชายรองของตระกูลไป๋ แหวนปานจื่อที่ส่งไปจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ข้าได้มาจากลู่เทียนจัว หากข้าโกหก ข้าให้ข้าและตระกูลมีอันเป็นไปขอรับ!”
เมื่อได้ยินคำสาบานของหลี่จือเจี๋ย ดวงตาของไป๋จิ่นจื้อไหววูบเล็กน้อย ความหวังในใจถูกทำลายจนสิ้น นางลดดาบลงอย่างหมดแรง
“ดังนั้น…” ไป๋ชิงเหยียนเปิดโปงแผนการที่ยังเก็บงำไว้ออกมาอย่างหมดเปลือก “เหยียนอ๋องใช้แหวนวงนี้หลอกข้า ให้ข้าเข้าใจว่าน้องชายรองอยู่ในเงื้อมือของท่าน ท่านจงใจให้ข้าส่งน้องหญิงสี่ซึ่งไปจุดอ่อนของข้าให้ท่านด้วยน้ำมือของข้าเอง ต่อไปหากซีเหลียงรุกรานแคว้นต้าจิ้นของข้าอีก ซีเหลียงของพวกท่านมีจุดอ่อนของข้าอยู่ ข้าจะไม่กล้ารบชนะซีเหลียงอย่างนั้นสินะ…”
เมื่อรัชทายาทฟังจนจบ ดวงตาทั้งสองไหววูบ
เดิมทีรัชทายาทคิดว่าขอแค่ไป๋ชิงเหยียนไม่แต่งงานไปอยู่แคว้นอื่นก็เพียงพอแล้ว ทว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่เพียงไป๋ชิงเหยียนเท่านั้น บุตรสาวคนอื่นของตระกูลไป๋ก็ไม่สามารถแต่งงานไปแคว้นอื่นได้เช่นเดียวกัน
ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางสายเลือด ต่อไปต้องเป็นภัยในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน
“หึ ต่อให้ข้าต้องแต่งงานกับหมากับแมว ข้าก็จะไม่มีวันแต่งงานไปอยู่ซีเหลียงอย่างแน่นอน! ต่อให้ต้องขัดราชโองการจนหัวหลุดจากบ่า ข้าก็จะไม่มีวันกลายไปเป็นพวกเดียวกับคนถ่อยอย่างหลี่จือเจี๋ยแน่ๆ!”
ไป๋จิ่นจื้อโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม ชูดาบไปทางหลี่จือเจี๋ย กล่าวอย่างไร้เยื่อใย
“องค์รัชทายาทได้โปรดเป็นพยานให้หม่อมฉันด้วยนะเพคะ หากมีคนต้องการบีบให้หม่อมฉันตายโดยการสู่ขอหม่อมฉันจากฝ่าบาท หม่อมฉันจะให้เขาชดใช้ด้วยชีวิตเพคะ!”
วันนี้ หลี่จือเจี๋ยถูกลู่เทียนจัวตลบหลัง เรียกได้ว่าล้มเหลวไม่เป็นท่าเลยทีเดียว
เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าไป๋ชิงเหยียนจะทำให้รัชทายาทและชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นรับรู้เรื่องนี้
เขานึกว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นห่วงความปลอดภัยของไป๋ชิงฉยง ย่อมไม่กล้าเอะอะโวยวาย ต้องมาที่นี่ตามลำพังอย่างแน่นอน
หญิงสาวมาเพียงคนเดียวจริงๆ ทว่า นึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะมีแผนสำรองเตรียมไว้ รัชทายาทและไป๋จิ่นจื้อตามมาทีหลัง
ไป๋ชิงเหยียนแผนสูง เขายอมแพ้!
“องค์รัชทายาท…” ไป๋ชิงเหยียนคำนับรัชทายาทอย่างเคารพ “เหยี่ยนเชื่อใจองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทได้โปรดคืนความยุติธรรมให้ตระกูลไป๋ด้วยนะเพคะ”
รัชทายาทพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียน “เจ้าวางใจเถิด!”
เมื่อรัชทายาทรับปาก ไป๋ชิงเหยียนจึงพาไป๋จิ่นจื้อเดินออกมาจากที่พัก
บริเวณหน้าที่พักรับรอง นอกจากชาวบ้านแล้ว ยังมีไป๋จิ่นซิ่วที่นั่งรถม้ามาทันทีที่รู้เรื่อง
ดวงตาของไป๋จิ่นซิ่วแดงก่ำ เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อเดินออกมา นางรีบถลกชายกระโปรงหรูก้าวขึ้นไปบนบันไดทันที เอ่ยถามเสียงสะอื้น “พี่หญิงใหญ่! ได้ข่าวพี่ชายรองหรือไม่เจ้าคะ!”
ไป๋ชิงฉยงคือพี่ชายแท้ๆ ของไป๋จิ่นซิ่ว
ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า ยื่นแหวนของไป๋ชิงฉยงให้ไป๋จิ่นซิ่ว “กลับไปค่อยว่ากันเถิด!”
เมื่อเห็นแหวนปานจื่อของไป๋ชิงฉยง น้ำตาของไป๋จิ่นซิ่วไหลออกมาไม่ขาดสาย เอื้อมมือไปรับแหวนวงนั้นมาอย่างสั่นเทา เบิกตาโพลงมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่…”
ตอนที่พี่น้องกลับไปถึงจวน ต่งซื่อและฮูหยินสองหลิวซื่อยืนรออยู่ที่หน้าประตูจวน โดยเฉพาะหลิวซ่อที่ร้อนใจดั่งไฟสุม เมื่อได้ยินว่าบุตรชายยังมีชีวิตอยู่ หลิวซื่อร้องไห้ออกมาอย่างดีใจ
หลิวซื่อสั่งให้คนเตรียมรถม้าไปเพื่อจะไปดูสถานการณ์ที่หน้าที่พักรับรองด้วยตัวเอง ทว่า ถูกต่งซื่อรั้งไว้เสียก่อน นางจึงยืนรออยู่ที่หน้าจวนพร้อมกับต่งซื่อ
เมื่อเห็นรถม้าของไป๋จิ่นซิ่วกลับมา หลิ่วซื่อถลกชายกระโปรงเดินลงมาจากบันไดสูงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนจึงเอ่ยถาม “อาเป่า! อาฉยงยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่! เขาโดนซีเหลียงจับตัวไปใช่หรือไม่! ซีเหลียงมีข้อต่อรองใดมาข่มขู่ต้าจิ้นกัน”
มองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังของหลิวซื่อ ไป๋ชิงเหยียนเงียบไปครู่ใหญ่ จะมีสิ่งใดโหดร้ายไปกว่าการให้คนที่สิ้นหวังไปแล้วให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง จากนั้นผิดหวังลงอีกครั้งกัน!
“ท่านแม่ เรากลับไปกล่าวกันต่อที่เรือนเถิดเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วเดินลงจากม้าเข้ามากุมมือมารดาไว้
หลิวซื่อน้ำตาคลอด้วยความหวังและใจที่ไม่เป็นสุข นางรีบพยักหน้า “จริงด้วย เข้าไปด้านในก่อนค่อยว่ากัน พวกเรากลับเรือนก่อน!”
ไป๋ชิงเหยียนมองดูต่งซื่อที่เต็มไปด้วยความหวังเช่นเดียวกัน หญิงสาวส่ายหน้าให้มารดาน้อยๆ ต่งซื่อลำคอร้อนผ่าว น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย
ต่งซื่อรู้ดีว่าตอนที่น้องสะใภ้รองได้ยินข่าวของอาฉยง นางดีใจมากเพียงใด หากความยินดีนี้กลายเป็นความว่างเปล่า น้องสะใภ้รองจะรู้สึกทรมานมากเพียงใดกันนะ
ไป๋จิ่นซิ่วกำแหวนของพี่ชายไว้แน่น นางตัดสินใจให้ความหวังมารดา นางหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้ไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า รู้ดีว่าไป๋จิ่นซิ่วต้องการให้นางกล่าวอย่างคลุมเครือ ให้ความหวังท่านอาสะใภ้รอง
คนเป็นแม่ ไม่มีผู้ใดไม่หวังอยากให้ลูกยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้ไป๋ชิงเหยียนจะกล่าวอย่างคลุมเครือเพียงใด หลิวซื่อก็สามารถหาร่องรอยการมีชีวิตอยู่ของไป๋ชิงฉยงได้จากถ้อยคำของหญิงสาวอยู่ดี
ดังนั้น หญิงสาวจึงกล่าวกับท่านอาสะใภ้รองว่าลูกน้องของเหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยแห่งซีเหลียงเป็นคนมอบแหวนวงนี้ให้เขา ลูกน้องผู้นั้นคือบุตรชายบุญธรรมของผางผิงกั๋ว เขาต้องการใช้แหวนวงนี้เป็นเหยื่อล่อนางออกไปสังหาร ทว่า กลับถูกนางสังหารเสียก่อน ดังนั้นเหยียนอ๋องเองก็ไม่รู้ว่าไป๋ชิงฉยงอยู่ที่ใด
หลิวซื่อได้ยินก็นิ่งไปครู่ใหญ่ นางกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น กล่าวขึ้น “ไม่แน่อาฉยงอาจหนีเอาตัวรอดไปแล้วก็ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงใช้แหวนวงนี้มาข่มขู่อาเป่า สถานการณ์ที่แย่ที่สุดก็คือซีเหลียงไม่ยอมส่งตัวอาฉยงคืนให้พวกเรา! อาจต้องการใช้ประโยชน์จากอาฉยงในภายภาคหน้า แต่ไม่เป็นอันใด ขอแค่อาฉยงยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว…”
ไป๋จิ่นซิ่วกุมมือมารดาแน่นพลางพยักหน้า “ลูกก็เชื่อว่าสวรรค์ต้องคุ้มครองท่านพี่เจ้าค่ะ! ท่านพี่ทั้งฉลาดทั้งหล้าหาญ เขาต้องหนีไปได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าตอนนี้เมืองหลวงเต็มไปด้วยอันตราย ท่านพี่จึงต้องหลบไปวางแผนอยู่ที่อื่น ขอแค่ท่านพี่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเราต้องได้พบกันอีกครั้งแน่เจ้าค่ะ!”
“ใช่ เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว…” ฮูหยินสองหลิวซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา
ภายในที่พักรับรอง
หลี่เทียนฟู่ทำลายข้าวของทุกอย่างในห้องนอนอย่างบ้าคลั่งราวกับคนเสียสติ ต่อมาเมื่อในห้องสงบลงแล้ว นางกำนัลข้างกายของหลี่เทียนฟู่ยกอาหารเข้าไปให้ ทว่า พบว่าหลี่เทียนฟู่ผูกคอข้าตัวตาย นางกำนัลตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง
โชคดีที่หลี่จือเจี๋ยมาได้ทันเวลา เขาช่วยชีวิตหลี่เทียนฟู่ไว้ได้ทัน ทว่า ลำคอของหลี่เทียนฟู่เป็นรอยแดงจากการถูกรัดด้วยเชือก
“เมื่อองค์หญิงตื่นขึ้นมา นางไม่เอ่ยสิ่งใดทั้งสิ้น เอาแต่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง กำต่างหูที่ลู่เทียนจัวเคยมอบให้แน่น ไม่ร้องไห้แม้แต่นิดเดียว ทำตัวราวกับร่างไร้วิญญาณ ไม่ยอมเสวยหรือดื่มสิ่งใดทั้งสิ้นเพคะ เหมือนองค์หญิงตั้งใจจะอดอาหารเพื่อตายตามลู่เทียนจัวไปเพคะ”
นางกำนัลของหลี่เทียนฟู่คุกเข่ารายงานหลี่จือเจี๋ยด้วยร่างที่สั่นเทา
ฟ้าใกล้สว่างแล้ว ใกล้ถึงเวลางานเลี้ยงในวังเข้ามาทุกที หลี่เทียนฟู่เป็นแบบนี้จะรำถวายให้ฝ่าบาททอดพระเนตรได้อย่างไรกัน
หลี่จือเจี๋ยปวดขมับ รู้สึกเหมือนบาดแผลกำลังจะปริออกอีกรอบ เขาหลับตากดแผลของตัวเองไว้…
หลี่จือเจี๋ยผิดก็ตรงที่รู้ฐานะของลู่เทียนจัวแต่ยังเก็บเขาไว้ข้างกาย แถมให้อำนาจเขาอย่างเต็มที่เพราะความเชื่อใจ แต่สุดท้ายก่อนลู่เทียนจัวตายกลับทำเช่นนี้กับเขา
ก่อนหน้านี้ไทเฮาเคยเตือนหลี่จือเจี๋ยแล้วว่าควรเลิกนิสัยใช้คนที่หน้าตาเสียที ทว่า หลี่จือเจี๋ยแสร้งทำเป็นหูทวนลม เรื่องของลู่เทียนจัวถือเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่สำหรับเขา