สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 288 แผนการชั่วร้าย
“องค์หญิงสวดมนต์ภาวนามาหลายปี ในที่สุดสวรรค์ก็ส่งคุณหนูกลับมาอยู่ข้างกายขององค์หญิงใหญ่แล้วเพคะ องค์หญิงใหญ่จะทนเห็นคุณหนูได้รับความไม่เป็นธรรมแม้เพียงน้อยนิดได้อย่างไรเพคะฝ่าบาท!”
ชิวกุ้ยเหรินกำมือแน่น ขยำผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างกระวนกระวาย นางรู้ว่านางเป็นที่โปรดปรานเพราะมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับไป๋ซู่ชิว แต่ตอนนี้องค์หญิงใหญ่กลับมีไป๋ซู่ชิวกลับชาติมาเกิดโผล่ขึ้นมา
องค์หญิงใหญ่เป็นมารดาแท้ๆ ของไป๋ซู่ชิว หากแม้กระทั่งองค์หญิงใหญ่ยังยอมรับว่าเป็นไป๋ซู่ชิวกลับชาติมาเกิด แล้วฝ่าบาทเล่า!
ต่งซื่อตะลึงงัน
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าต่ำ วันนั้นนางบอกเจี่ยงหมัวมัวว่าเหลียงอ๋องใช้ภาพวาดเป็นข้ออ้างส่งสตรีที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับท่านอาไป๋ซู่ชิวไปที่เตียงของฮ่องเต้ วันนี้ท่านย่าก็เริ่มลงมือบ้างแล้ว
ในฐานะมารดาของไป๋ซู่ชิว ท่านย่าคงไม่อาจทนเห็นคนหลอกใช้ประโยชน์จากบุตรสาวที่เสียชีวิตไปแล้วของนางทำอันใดเช่นนี้แน่นอน ที่สำคัญยังเป็นคนที่ไม่หวังดีกับตระกูลไป๋อีกด้วย
แผนการของท่านย่าแนบเนียน และสูงส่งกว่าการใช้ภาพวาดเป็นข้ออ้างในการส่งคนไปให้ฮ่องเต้เสียอีก เจี่ยงหมัวมัวอยู่ในสถานการณ์ที่เหลืออดจริงๆ…จึงหลุดแพร่งพรายเหตุผลที่ท่านย่าใสใจแม่นางหลูมากเพียงนี้ออกมา
แม่นางหลูผู้นี้ยังไม่ทันปรากฏกายก็เข้าไปอยู่ในใจของฮ่องเต้แล้ว ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้ชิวกุ้ยเหรินที่เหลียงอ๋องส่งมาอยู่ข้างกายของฮ่องเต้จะไม่ถูกทอดทิ้ง แต่นางก็คงไม่ได้เป็นที่โปรดปรานดังเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนมองดูฮ่องเต้ที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ ยกยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
หญิงสาวรู้ดีมาโดยตลอดว่าขอแค่ไม่ส่งผลกระทบต่อราชบัลลังก์ และราชวงศ์หลิน ท่านย่ายังพร้อมปกป้องคนในตระกูลไป๋
คืนนั้นตลอดจนงานเลี้ยงสิ้นสุดลง หลี่จือเจี๋ยไม่กล้าเอ่ยเรื่องขอไป๋จิ่นจื้อแต่งงานอีกเลย ไป๋จิ่นซิ่วออกมาจากวังหลวง จับมือของสาวใช้ข้างกายชุ่ยปี้ก้าวขึ้นไปบนรถม้าของไป๋ชิงเหยียน
“ท่านย่าออกโรงเพราะชิวกุ้ยเหรินที่เหลียงอ๋องส่งเข้าไปในวังหรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วมองไป๋ชิงเหยียน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ท่านย่ายังคงเก่งกาจเหมือนเดิม สำหรับผู้ชายแล้ว สิ่งที่ไม่ได้ครอบครองคือสิ่งที่ดีที่สุด แม่นางหลูผู้นั้นยังไม่ทันปรากฏตัวก็ได้ใจของฮ่องเต้ไปแล้ว อีกไม่นานชิวกุ้ยเหรินคงถูกทอดทิ้งแน่เจ้าค่ะ!”
แสงจากโคมไฟที่แขวนอยู่สี่มุมของตัวรถม้าส่องกระทบดวงตาสีดำของไป๋ชิงเหยียนอย่างเป็นประกายริบหรี่
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เหลียงอ๋องก็เก่งกาจเหมือนกัน รู้แม้กระทั่งเรื่องลับเช่นนี้ เขาเตรียมสตรีที่ใบหน้าคล้ายคลึงกับท่านอาซู่ชิวไว้ล่วงหน้า อีกทั้งทำให้สตรีผู้นั้นจงรักภักดีต่อเขาได้อีก! เราไม่ควรประมาทชิวกุ้ยเหริน แต่ว่าพี่กังวลเรื่องเสียนอ๋องมากกว่า เกรงว่าเสียนอ๋องคงร่วมมือกับเหลียงอ๋องแล้ว”
เสียนอ๋องกุมอำนาจทางทหารไว้ในมือ ต้องคอยระวังไม่ให้เหลียงอ๋องก่อกบฏเหมือนชาติที่แล้วอีกเด็ดขาด
ส่วนเรื่องที่เหลียงอ๋องอาจสมคบคิดกับเสียนอ๋องแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัชทายาทปวดศีรษะแทนแล้วกัน
“พี่หญิงใหญ่ทราบได้อย่างไรเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วถามจบก็นึกถึงสิ่งการปกป้องหลิ่วรั่วฟูของชิวกุ้ยเหริน หญิงสาวจมอยู่ในความคิดของตัวเองทันที
บัดนี้ไป๋จิ่นซิ่วกำลังตั้งครรภ์ ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากให้น้องสาวคิดมาก จึงกล่าวเปลี่ยนเรื่องยิ้มๆ
“พรุ่งนี้พี่กับเสี่ยวซื่อจะไปเยี่ยมท่านย่า จากนั้นจะไปเยี่ยมจี้ถิงอวี๋ที่หมู่บ้าน เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ ไม่ต้องตามไปหรอก”
ไป๋จิ่นซิ่วลูบหน้าท้องอย่างแผ่วเบา จากนั้นพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียนเล็กน้อย “เจ้าค่ะ ข้าเพิ่งไปเยี่ยมท่านย่ามาเมื่อวันที่สิบห้า ท่านย่าสั่งว่าสามเดือนค่อยไปเยี่ยมครั้งหนึ่งเจ้าค่ะ”
“ดีแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปลูบท้องของไป๋จิ่นซิ่วอย่างแผ่วเบา “พักบำรุงครรภ์อยู่ที่จวนดีที่สุด”
ไป๋จิ่นซิ่วอดนึกถึงพี่ชายรองไป๋ชิงฉยงขึ้นมาไม่ได้ นางหลุบตาที่แดงก่ำลง
“หากพี่ชายรองยังอยู่จะดีเพียงใดเจ้าคะ! พี่หญิงใหญ่จะได้ไม่ต้องลำบากถึงเพียงนี้!”
รับมือกับซีเหลียง แล้วยังต้องรับมือกับรัชทายาทอีก พี่หญิงใหญ่ลำบากมากจริงๆ ทว่า นางกลับช่วยแบ่งเบาภาระของพี่หญิงในเรื่องนี้ไม่ได้สักนิด
“เมื่อกลับไปซั่วหยาง ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
เช้าวันรุ่งขึ้น ถงหมัวมัวสั่งให้คนเตรียมรถม้า ชุนเถาเตรียมเครื่องดื่มชาและของว่าง จากนั้นขึ้นรถม้าไปกับไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อ มุ่งหน้าไปเยี่ยมองค์หญิงใหญ่ที่วัดของราชวงศ์ภายใต้การคุ้มครองของหลูผิง และองครักษ์จำนวนหนึ่ง
ไป๋จิ่นจื้อนึกถึงวันนี้ของปีที่แล้วขึ้นมา นึกถึงเรื่องที่นางถูกบรรดาพี่ชายพาไปที่ตลาดงานวัดเมืองกู่ผิง สาวน้อยหันไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ หากเยี่ยมท่านย่าและจี้ถิงอวี๋เสร็จแล้ว พวกเราไปตลาดงานวัดเมืองกู่ผิงกันเถิดเจ้าค่ะ! วันนี้ของปีที่แล้ว บรรดาท่านพี่แอบพาข้าไปงานวัด เดิมทีพวกเราตั้งใจจะไปทานเป็ดเป่าเซียงของหอเป่าเซียงที่มีขายเฉพาะในงานวัดเท่านั้น ทว่า กลับถูกท่านพ่อบิดหูลากตัวกลับจวนเสียก่อน ข้ายังไม่ได้ทานเลยเจ้าค่ะ…”
ไป๋จิ่นจื้อก้มหน้าใช้มือขยี้ตาเบาๆ ที่จริงนางไม่ได้ตะกละ เพียงแค่คิดถึงบรรดาพี่ชายเท่านั้น
“ได้ พอเยี่ยมท่านย่าเสร็จเราไปเยี่ยนจี้ถิงอวี๋ที่หมู่บ้านก่อน หากมีเวลาเหลือพี่จะไปทานเป็ดเป่าเซียงเป็นเพื่อนเจ้า” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเสียงนุ่มนวล
“พี่หญิงใหญ่ใจดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อเงยหน้าฉีกยิ้มกว้าง
อากาศช่วงเช้าตรู่ยังมีความเย็นอยู่เล็กน้อย นกน้อยบิมาเกาะอยู่บนหลังคากระเบื้องท่ามกลางแสงอรุณ ส่งเสียงร้องเจี้ยวจ้าว พวกมันมองดูบรรดาบ่าวรับใช้ในเรือนที่ถูกเจี่ยงหมัวมัวใช้ให้ทำนั่นทำนี่ วุ่นวายเป็นพัลวัน
เมื่อทราบว่าวันนี้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อจะมาเยี่ยมองค์หญิงใหญ่ เจี่ยงหมัวมัวเดินเข้าเดินออกจนแทบไม่ได้หยุดพักเลยสักนิด นางกำชับให้บ่าวเตรียมขนมอย่างใส่ใจ จากนั้นให้คนเตรียมชาที่ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อชอบดื่ม ประเดี๋ยวสั่งให้คนนำดอกไม้เข้ามา ประเดี๋ยวสั่งให้คนปูเบาะรองนั่งบนหินตรงมุมที่วิวดีที่สุดกลางลานหญ้า กลัวว่าคุณหนูทั้งสองจะรู้สึกหนาว
เมื่อเห็นว่าเจี่ยงหมัวมัวกำลังกำชับเรื่องอาหารกลางวันกับสาวใช้สองคน เว่ยจงที่ยืนอยู่ข้างกายเจี่ยงหมัวมัวกล่าวขึ้น “เจี่ยงหมัวมัว ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก ข้าว่าคุณหนูใหญ่คงไม่อยู่รับประทานอาหารกลางวันที่นี่”
เจี่ยงหมัวมัวได้ยินดังนั้น สีหน้าที่มีความสุขสลดลงเล็กน้อย จากนั้นยิ้มออกมาอีกครั้ง
“ไม่ว่าคุณหนูใหญ่จะอยู่นานเท่าใด ในฐานะบ่าว พวกเราต้องคอยปรนนิบัติอย่างดีที่สุดถึงจะถูก”
เว่ยจงส่ายหน้า ไม่ห้ามปรามอีก เขายืนนิ่งอยู่ด้านข้าง
องค์หญิงใหญ่ซึ่งผมขาวโพลน ถูกมัดเก็บอย่างเป็นระเบียบนั่งอยู่หน้าแท่นบูชา มือนับลูกประคำ สวดมนต์ ควันขาวจากธูปหอมทรงสัตว์มงคลที่วางอยู่บนโต๊ะสามขาลอยขึ้นในอากาศ ส่งกลิ่นหอมอ่อนทำให้คนรู้สึกใจสงบยิ่งนัก
เมื่อคืนฮ่องเต้เสด็จมาที่นี่ด้วยเครื่องแต่งกายธรรมดาโดยการอารักของทหารองครักษ์ต้าจิ้น ตรัสว่าต้องการพบองค์หญิงใหญ่ ทว่า องค์หญิงใหญ่ทราบดีว่าพระองค์มาเพื่อพบหน้าหญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนกับไป๋ซู่ชิว
ทว่า องค์หญิงใหญ่ไม่ให้ฮ่องเต้ได้พบดั่งใจหวัง นางกล่าวว่าเด็กคนนั้นไปเก็บยาสมุนไพรให้นาง อีกสามวันจึงจะกลับมา ฮ่องเต้ดื่มชาหนึ่งแก้ว สอบถามเรื่องราวของแม่นางหลูจากองค์หญิงใหญ่ จากนั้นจึงจากไป กล่าวว่าอีกสามวันจะมาใหม่
องค์หญิงใหญ่รู้จักหลานชายคนนี้ดี สำหรับฮ่องเต้แล้ว สิ่งที่ไม่ได้ครอบครองคือสิ่งที่ดีที่สุด
องค์หญิงใหญ่ต้องการให้ฮ่องเต้คะนึงหาแต่ไม่ได้ครอบครอง
หากเหลียงอ๋องไม่สร้างไป๋ซู่ชิวตัวปลอมออกขึ้น…ส่งชิวกุ้ยเหรินเข้าไปวังหลวง การกระทำน่ารังเกียจนี้ทำให้องค์หญิงใหญ่รู้สึกขยะแขยง องค์หญิงใหญ่ก็ไม่คิดจะทำเช่นนี้หรอก
ทว่า เหลียงอ๋องมีแผนการที่ชั่วร้ายอำมหิตเกินไป หากไม่ทำเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเหลียงอ๋องจะให้ชิวกุ้ยเหรินผู้นั้นย่ำยีตระกูลไป๋เช่นไรบ้าง
เจี่ยงหมัวมัวมองดูนาฬิกาทรายแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าใกล้ได้เวลาแล้ว นางแหวกม่านเข้าไปด้านในก็เห็นองค์หญิงใหญ่กำลังลุกขึ้นพอดี