สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 295 เกลียดเข้ากระดูกดำ
มู่หรงลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ “ขอบพระคุณเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มากขอรับ”
“ทว่า เหยียนต้องขอทูลองค์ชายสี่ไว้ก่อนว่าหากท่านหมอหงไม่อาจรักษาได้ หวังว่าองค์ชายสี่จะไม่กล่าวโทษนะเพคะ” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มบางๆ
มู่หรงลี่ลุกขึ้นยืนทำความเคารพอีกครั้ง “ลี่ทราบอาการประชวรของเสด็จพ่อดี หากครั้งนี้โชคดีท่านหมอหงรักษาอาการของเสด็จพ่อได้จะถือเป็นพระคุณอย่างใหญ่หลวง! หากรักษาไม่ได้ก็ถือว่าทำอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว ถือว่ามีบุญคุณสำหรับลี่อยู่ดี ลี่เข้าใจขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า หันไปสั่งชุนเถา “ชุนเถา เจ้าไปเชิญท่านหมอหงมาหน่อย”
“เจ้าค่ะ!”
เมื่อเห็นชุนเถาจากไปแล้ว มู่หรงลี่นั่งลงบนเก้าอี้อย่างมีมารยาท เขาสนทนาเรื่องการทำสงครามกับไป๋ชิงเหยียนอย่างออกอรรถรส
“ผู้ที่รู้รูปแบบทางทหารและชัยภูมิในการรบเป็นอย่างดีมีโอกาสชนะ ทำความเข้าใจข้าศึกเพื่อสร้างโอกาสในการชนะ ตีใกล้แสร้งไกล ตีไกลแสร้งใกล้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคุณสมบัติของแม่ทัพ ผู้ที่รู้สิ่งเหล่านี้ย่อมชนะในศึกสงคราม ผู้ไม่รู้ย่อมพ่ายแพ้ไปโดยปริยาย” มู่หรงลี่เรียนรู้อย่างตั้งใจ “เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เอาชนะในสงครามภูเขาเวิ่งได้ด้วยกองกำลังที่น้อยกว่าเพราะรู้ชัยภูมิตรงนั้นเป็นอย่างดีหรือขอรับ”
“นอกจากคุ้นเคยกับชัยภูมิแล้ว เราต้องเข้าใจรูปแบบและวิธีการรบของฝ่ายตรงข้ามอย่างลึกซึ้งด้วย” ไป๋ชิงเหยียนมองดูมู่หรงหลี่ที่มีสีหน้าจริงจัง นางยกยิ้มมุมปากบางๆ “ตำราพิชัยสงครามกล่าวไว้ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”
มู่หรงลี่ลุกขึ้นยืนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “ลี่จะจดจำไว้ขอรับ”
ไม่นาน หมอหงเดินสะพายกล่องยาตามหลังชุนเถาเข้ามา
“ท่านหมอหง ท่านผู้นี้คือองค์ชายสี่แห่งแคว้นต้าเยี่ยน”
หมอหงคำนับมู่หรงลี่ กล่าวขึ้น “แม่นางชุนเถาเล่าให้ข้าฟังระหว่างทางแล้ว ในเมื่อจวิ้นจู่ของข้าตกลงแล้ว ข้าก็จะไปกับองค์ชายสักครั้ง ทว่า หากข้ารักษาไม่ได้ หวังว่าองค์ชายจะไม่คาดโทษนะพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงลี่กล่าวขอบคุณไป๋ชิงเหยียนจากใจจริง หันไปขอบคุณหมอหงอย่างจริงจัง จากนั้นจากไปพร้อมกับหมอหง
มองส่งมู่หรงลี่และหมอหงเดินจากไป ไป๋ชิงเหยียนยืนมองกระเบื้องสีเขียวกลางลานหญ้าอยู่ตรงระเบียงทางเดินครู่หนึ่ง จากนั้นหันไปสั่งชุนเถา “ให้ลุงผิงไปรับจี้ถิงอวี๋มาจากหมู่บ้าน ข้ามีเรื่องสั่งให้เขาทำ”
“เจ้าค่ะ!”
ต่งซื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนบอกเจตนารมณ์ขององค์ชายสี่จึงรู้สึกว่าองค์ชายสี่ผู้นี้กตัญญูยิ่งนัก
“แต่ว่า จักรพรรดิต้าเยี่ยนเป็นคนแคว้นอื่น ให้ท่านหมอหงไปตรวจอาการของพระองค์ ท่านหมอหงจะไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” ต่งซื่อยังคงไม่สบายใจ
เรื่องนี้ตกลงกันไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว หลังจากที่ท่านอาสะใภ้ห้าคลอดเมื่อวาน ไป๋ชิงเหยียนกำชับกับท่านหมอหงแล้วว่าไม่ว่าจะรักษาได้หรือไม่ ให้บอกกับคนภายนอกว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนป่วยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา ต้องใช้เวลารักษา
จากนั้นเขียนสูตรยาให้จักรพรรดิต้าเยี่ยนสองฉบับ เพื่อปกปิดสายตาคนภายนอก
“ท่านแม่วางใจได้เจ้าค่ะ ท่านหมอหงคือญาติผู้ใหญ่ของข้า ข้าไม่มีวันปล่อยให้ท่านหมอหงไปเสี่ยงอันตรายหรอกเจ้าค่ะ”
ต่งซื่อลูบมือของบุตรสาวอย่างแผ่วเบา “เจ้าเป็นคนจัดการแม่จะได้สบายใจ”
จวนไป๋ครึกครื้นขึ้นมาเพราะการเกิดของเสี่ยวปาไป๋หว่านชิง บรรดาพี่สาวขลุกอยู่กับน้องสาวทั้งวัน
ต่งซื่อนั่งอยู่ที่ปลายเตียงของฉีซื่อ มองดูคุณหนูห้าและคุณหนูหกถือของเล่นหยอกล้อไป๋หว่านชิงที่นอนอยู่ในตะกร้า นางหันไปหาฉีซื่อ “ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับเจ้า! พวกเราจะเดินทางกลับซั่วหยางในวันที่หนึ่ง เดือนห้านี้แล้ว ทว่า เจ้าเพิ่งคลอดลูกจะโดนอากาศเย็นไม่ได้ ทางที่ดีเจ้าควรพักรักษาตัวอยู่ที่จวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไปก่อน พอเจ้าอยู่ไฟครบสองเดือน ค่อยกลับไปซั่วหยางพร้อมเสี่ยวปา”
ฉีซื่อมีแววลังเลเล็กน้อย
“เรื่องนี้เจ้าต้องฟังข้า สตรีจำเป็นต้องอยู่ไฟ” ต่งซื่อกล่าวแล้วก็นึกถึงงานเลี้ยงครบหนึ่งเดือนของไป๋หว่านชิงขึ้นมาได้ “แม้เราจะอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ทว่า การคลอดลูกเป็นเรื่องที่น่ายินดี ท่านแม่สั่งให้คนมาบอกว่าให้จัดงานเลี้ยงฉลองครบหนึ่งเดือนอย่างครึกครื้น พรุ่งนี้วันสี่ซาน[1] ของเสี่ยวปา ท่านแม่จะกลับมาแล้วอยู่จนถึงงานเลี้ยงฉลองครบหนึ่งเดือน เวลานั้นเราจะส่งบัตรเชิญให้ฉีเหล่าไท่จวิน เจ้าจะได้คุยกับแม่ของเจ้าให้เข้าใจ แม่ลูกไม่ควรผิดใจกันข้ามวัน”
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่” ฉีซื่อกล่าวยิ้มๆ
จู่ๆ ไป๋หว่านชิงที่นอนอยู่ในตะกร้าก็แผดเสียงร้องไห้ออกมาไม่หยุด หมัวมัวอุ้มไป๋หว่านชิงเดินอ้อมฉากกั้นเข้าไปยังห้องด้านใน ทำความเคารพพลางกล่าวยิ้ม “สงสัยคุณหนูแปดของเราคงหิวแล้วเจ้าค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่ฉีซื่อให้นมบุตรด้วยตัวเอง มันเหมือนถูกลงโทษครั้งยิ่งใหญ่ นางไม่รู้มาก่อนว่าบุตรสาวจะกัดแรงถึงเพียงนี้ เจ็บจนชาไปทั้งร่าง
ทว่า เมื่อเห็นใบหน้าขาวสะอาดจิ้มลิ้มของบุตรสาว ฉีซื่อรู้สึกว่าต่อให้การให้นมด้วยตัวเองจะหนักหนาสักเพียงใดก็คุ้มค่า
…
คืนนั้น หลูผิงและจี้ถิงอวี๋กลับมาถึงจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่
ไป๋ชิงเหยียนนัดพบจี้ถิงอวี๋ที่ศาลากวงหวา หลูผิงและชุนเถายืนเฝ้าอยู่ด้านล่างภูเขาจำลอง ไม่ให้ผู้ใดเข้าไปใกล้
“ฝั่งตะวันออกของซั่วหยางคือภูเขา ซ่อนคนไว้ที่นี่คงไม่ถูกจับได้ง่ายๆ ข้าจะหาคนมาให้เจ้า พวกเจ้าเลือกฐานลับให้ดี จากนั้นข้าจะให้ลุงผิงส่งคนไปให้ พวกเจ้าจงปลอมตัวเป็นโจรอาศัยอยู่ที่นั่น พยายามก่อเรื่องขึ้นก่อนที่พวกข้าจะเดินทางกลับไปยังซั่วหยาง เช่นนี้เมื่อตระกูลไป๋กลับไปซั่วหยาง พวกเราจะได้ฝึกทหารเพื่อปราบโจรได้อย่างไม่ต้องปิดบัง” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
จี้ถิงอวี๋กะพริบตาปริบๆ “คุณหนูใหญ่ต้องการ…สั่งสมกำลังทหารหรือขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “บัดนี้ใต้หล้ากำลังวุ่นวาย สถานการณ์ของแต่ละแคว้นเปลี่ยนไปอย่างไม่อาจคาดเดาได้ แม้จะดูเหมือนสงบสุข ทว่า ผู้ใดจะรู้ว่าจะเกิดความโกลาหลขึ้นมาวันใด พวกเราต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างไม่ปิดบัง จี้ถิงอวี๋จึงไม่คิดลังเลอีก เขาพยักหน้ารับคำสั่ง ”คุณหนูใหญ่วางใจได้ขอรับ ถิงอวี๋จะไม่ทำให้คุณหนูใหญ่ต้องผิดหวังขอรับ”
“จำไว้ให้ดี แม้จะให้เจ้าไปสร้างปัญหา ทว่า ห้ามทำร้ายชาวบ้านบริสุทธิ์เด็ดขาด!”
จี้ถิงอวี๋ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ เขาจึงยกยิ้มขึ้นน้อยๆ คุณหนูใหญ่ไป๋ยังคงเป็นคุณหนูใหญ่ไป๋คนเดิม ตรงไปตรงมา รักและห่วงใยชาวบ้านเสมอ
“คุณหนูใหญ่วางใจได้ขอรับ จี้ถิงอวี๋จะทำให้ดีที่สุดขอรับ”
“ลุงผิง!” ไป๋ชิงเหยียนตะโกนเรียก
หลูผิงได้ยินก็รีบเดินขึ้นไปบนภูเขาจำลอง “คุณหนูใหญ่สั่งมาได้เลยขอรับ”
“หาบ่าวที่ซื่อสัตย์ตามจี้ถิงอวี๋ไปยี่สิบคน จากนั้นเอาเงินหนึ่งพันตำลึงให้จี้ถิงอวี๋ไปใช้ก่อน นำเงินห้าร้อยตำลึงไปแลกเงินย่อยและเหรียญให้จี้ถิงอวี๋ใช้สำหรับออกเดินทางวันพรุ่งนี้ด้วย”
หลูผิงมองดูจี้ถิงอวี๋ที่เหลือแขนเพียงข้างเดียวแวบหนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ขอรับ”
“ต่อไปหากจี้ถิงอวี๋ต้องการสิ่งใด เจ้าจงส่งคนมาหาลุงผิง ลุงผิงจงทำตามที่เขาต้องการ บอกว่าเป็นคำสั่งจากข้า”
จี้ถิงอวี๋มองดูดวงตาคมกริบของไป๋ชิงเหยียน ในใจรู้สึกพลุ่งพล่าน เหมือนเขาจะรู้แล้วว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังปูทางอยู่
ปกปิดเรื่องที่คุณชายเจ็ดไป๋ชิงเจวี๋ยยังมีชีวิตอยู่ ให้ไป๋ชิงเจวี๋ยฝึกทหารอยู่ที่ภูเขาถงกู่
บัดนี้ให้เขาล่วงหน้าไปแสดงละครเป็นโจรอยู่ที่ซั่วหยาง เพราะต้องการฝึกทหารปราบโจรอย่างโจ่งแจ้ง
คุณหนูใหญ่ของพวกเขาต้องการกำลังทางทหาร!
ท่ามกลางความโกลาหล หากมีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ…สามารถพลิกสถานการณ์ได้
จี้ถิงอวี๋กำมือที่แนบอยู่ข้างกายแน่น เขาพยายามควบคุมอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ คุณหนูใหญ่ต้องการกบฏราชวงศ์หลินใช่หรือไม่
หากเป็นเช่นนั้น…เขา จี้ถิงอวี๋พร้อมสู้ไม่ถอย
เขาได้อ่านบันทึกสถานการณ์รบในม้วนไม้ไผ่เช่นเดียวกัน เขารู้ความสกปรกในราชวงศ์นี้ดี อีกทั้งการกระทำขององค์หญิงใหญ่ที่แตกต่างจากคนในตระกูลไป๋คนอื่นๆ จี้ถิงอวี๋เกลียดสิ่งเหล่านี้เข้ากระดูกดำ!
———————————————
[1] สี่ซาน เป็นพิธีชำระล้างมลทินและความโชคร้ายที่ติดตัวมาตั้งแต่ชาติก่อนของเด็กทารกเพื่อความเป็นสิริมงคล จะทำหลังจากเด็กคลอดได้สามวัน โดยวันดังกล่าว ครอบครัวจะอาบน้ำให้เด็กและเชิญญาติสนิทมาร่วมพิธี