สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 330 เรื่องน่ารังเกียจ
จู่ๆ หลู่จิ้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ เขาเขียนชื่อ “หลี่เม่า” ลงไปในกระดาษ
ดูเหมือนว่าภรรยาของเหวินเจิ้นคังจะไปขอร้องให้หลี่เม่าช่วยชีวิตเหวินเจิ้นคัง ทว่า ภรรยาของเหวินเจิ้นคังใช้สิ่งใดเป็นข้อต่อรองให้หลี่เม่ายอมช่วยเหลือเหวินเจิ้นคังกันนะ
หลี่เม่าเขียนคำว่า ‘ความลับ’ ลงบนกระดาษอีกคำ หลู่จิ้นไม่สนใจว่าภรรยาของเหวินเจิ้นคังกุมความลับอันใดของหลี่เม่าเอาไว้
เขาวางพู่กันลง หยิบกระดาษขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง ยกตะเกียงขึ้นแล้วเผากระดาษแผ่นนั้นจนกลายเป็นผุยผง จากนั้นหมุนตัวกลับไปเขียนสรุปคดีทั้งสองคดี
วันที่สิบ เดือนสี่ องค์หญิงหลี่เทียนฟู่แห่งซีเหลียงแต่งงานเข้าจวนรัชทายาทเพื่อเป็นเช่อเฟย
แม้การที่รัชทายาทแต่งเช่อเฟยเข้าจวนเป็นเรื่องน่ายินดี ทว่า ไม่เป็นเรื่องดีต่อพระชายาเอกของรัชทายาทเลยสักนิด แต่ในฐานะพระชายาเอก หญิงสาวต้องรวบรวมสติและต้อนแขกอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
โชคดีที่เมื่อคืนรัชทายาทรับปากกับนางอย่างมั่นเหมาะว่าต่อให้รับองค์หญิงซีเหลียงองค์นี้มาเป็นเช่อเฟย แต่เขาไม่มีทางหลงรักสตรีของแคว้นศัตรูเด็ดขาด สตรีที่สำคัญที่สุดในใจของเขายังเป็นนาง พระชายาเอกจึงคลายกังวลลง
ตระกูลไป๋กำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์จึงต้องเลี่ยงงานมงคลของผู้อื่น
ต่งซื่อเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ส่งไปที่จวนรัชทายาทพร้อมแจ้งให้พระองค์ทราบว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์จึงไม่สามารถไปร่วมงานเลี้ยงได้
ช่วงปลายยามซื่อ[1] ไป๋ชิงเหยียนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องหนังสือ จู่ๆ ถงหมัวมัวก็แหวกม่านเดินเข้ามาด้านในแล้วยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้ไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่ เมื่อครู่มีคนนำจดหมายฉบับนี้มายัดไว้ในมือของคนเฝ้าประตูเจ้าค่ะ คนเฝ้าประตูมอบจดหมายให้หลูผิง หลูผิงเห็นว่าเนื้อหาในจดหมายเป็นเรื่องสำคัญมากจึงรีบนำมาให้คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนปิดหนังสือลงแล้ววางลงบนโต๊ะไม้ตัวเล็กที่อยู่ด้านข้าง รับจดหมายมาเปิดอ่าน
ด้านในมีเพียงบรรทัดเดียว…
‘องค์หญิงแห่งซีเหลียงลอบสังหารองค์รัชทายาท’
ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนนิ่งขรึมลง
ในเมื่อจดหมายอยู่ในมือของนางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือโกหก ในฐานะผู้ที่จงรักภักดีต่อรัชทายาท วันนี้นางต้องไปที่จวนรัชทายาทสักรอบ
หากไม่ไปแล้วเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ผู้อื่นอาจใช้เรื่องนี้มาโจมตีนางได้ เดิมทีฮ่องเต้และรัชทายาทเป็นคนขี้หวาดระแวงอยู่แล้ว พวกเขาคงหวาดระแวงในตัวนางมากขึ้น สิ่งที่ทำมาทั้งหมดในตอนแรกคงเสียเปล่า
ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ หากไป…อาจมีกับดักอันใดรอนางอยู่ก็ได้
ไตร่ตรองอยู่นาน ในที่สุดไป๋ชิงเหยียนก็นึกถึงฉินซ่างจื้อขึ้นมาได้
ไป๋ชิงเหยียนพับจดหมายเก็บตามเดิม สั่งให้ถงหมัวมัวเตรียมรถม้า จากนั้นหญิงสาวเดินทางไปยังประตูข้างของจวนรัชทายาทพร้อมกับหลูผิงแล้วเชิญฉินซ่างจื้อออกมาพบ
เมื่อฉินซ่างจื้อได้ยินว่าหลูผิงมา เขารีบไปยังประตูข้าง ทว่า ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะได้พบไป๋ชิงเหยียนด้วย
“จวิ้นจู่…” ฉินซ่างจื้อกำหมัดคาราวะไป๋ชิงเหยียน
“ฉินเซียนเซิงไม่ต้องมากพิธี” ไป๋ชิงเหยียนยื่นจดหมายให้ฉินซ่างจื้อ “วันนี้จวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ได้รับจดหมายฉบับนี้”
ฉินซ่างจื้อรีบเปิดจดหมายอ่าน เมื่อเห็นเนื้อหาที่อยู่ในจดหมายก็เบิกตาโพลง
“นี่…นี่มันไม่น่าเป็นไปได้นะขอรับ ซีเหลียงต้องการทำสงครามต่ออย่างนั้นหรือ” สมองของฉินซ่างจื้อประมวลผลอย่างรวดเร็ว
ซีเหลียงแพ้สงครามจนต้องขอเจรจาสงบศึก หากองค์หญิงซีเหลียงกลายเป็นมือลอบสังหารรัชทายาท ทั้งสองแคว้นจะกลายเป็นศัตรูที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้และต้องเกิดสงครามขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน
ภายในของซีเหลียงกำลังวุ่นวายจนเอาตัวเองแทบไม่รอด หลังจากโดนไป๋ชิงเหยียนสังหารทหารยอดฝีมือไปกว่าแสนนาย พวกเขามีจะกำลังมาต่อกรกับต้าจิ้นได้อย่างไรกัน
“องค์หญิงหลี่เทียนฟู่แห่งซีเหลียงองค์นี้มีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับลู่เทียนจัวซึ่งเสียชีวิตที่ที่พักของซีเหลียงก่อหน้านี้ กล่าวอย่างไม่ปิดบังฉินเซียนเซิง…ข้าดูออกว่าองค์หญิงซีเหลียงและลู่เทียนจัวลอบคบกัน” คิ้วของไป๋ชิงเหยียนขมวดน้อยๆ “ข้ากลัวว่านางจะแก้แค้นแทนลู่เทียนจัว”
“กับ…ขันทีอย่างนั้นหรือขอรับ” ฉินซ่างจื้อคาดไม่ถึง
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ข้ากำลังไว้ทุกข์อยู่จึงไม่สะดวกเข้าไปในจวน รบกวนฉินเซียนเซิงคอยระวังและทูลเรื่องนี้ให้องค์รัชทายาททราบด้วย พระองค์จะได้ระวังตัวมากขึ้น”
ฉินซ่างจื้อพยักหน้าพลางเก็บจดหมายตามเดิม “ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือโกหก เราก็ต้องป้องกันไว้ก่อน ข้าจะไปทูลให้องค์รัชทายาทเตรียมป้องกันตัว รบกวนจวิ้นจู่สืบหาที่มาของจดหมายฉบับนี้ด้วยนะขอรับ”
“ลุงผิงส่งคนไปสืบแล้ว รบกวนฉินเซียนเซิงด้วย!” ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะให้ฉินซ่างจื้อเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าฉินซ่างจื้อรีบเข้าไปหารัชทายาทในจวนอย่างรีบร้อน ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ทันจะหมุนตัวกลับก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้นเสียก่อน
หมัวมัวข้างกายของพระชายาเอกเดินออกมาจากประตู ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
“บ่าวคาราวะจวิ้นจู่เจ้าค่ะ”
พระชายาเอกรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนมีความสำคัญต่อรัชทายาทากเพียงใด ในฐานะพระชายาเอกนางจึงต้องพยายามดึงไป๋ชิงเหยียนมาเป็นพวกให้ได้ เมื่อได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนอยู่ที่ประตูหลัง พระชายาเอกจึงส่งหมัวมัวข้างกายมาเชิญไป๋ชิงเหยียนเข้าไปในจวน “พระชายาเอกทราบว่าจวิ้นจู่ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์จึงเชิญจวิ้นจู่ไปที่เรือนของพระชายาแทนเจ้าค่ะ”
“วันนี้มีเรื่องด่วนจริงๆ ไป๋ชิงเหยียนจึงมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ข้าอยู่ในช่วงไว้ทุกข์คงไม่เข้าไปด้านในหรอก ข้าเรียนให้ฉินเซียนเซิงทราบหมดแล้ว พระชายาเอกต้องต้อนรับแขกมากมาย เหยียนคงไม่เข้าไปรบกวนพระนาง รบกวนหมัวมัวบอกพระชายาด้วยว่าข้าขอตัวก่อน”
หมัวมัวเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ฝืนรั้งไป๋ชิงเหยียนไว้ นางพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียนน้อยๆ
“บ่าวจะทูลพระชายาตามที่จวิ้นจู่กล่าวเจ้าค่ะ”
หมัวมัวชรากล่าวจบก็มองส่งไป๋ชิงเหยียนขึ้นไปบนรถม้า ทว่า ประตูข้างเปิดออกอีกครั้ง เฉวียนอวี๋เดินออกมาจากด้านใน
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียน แววตาของเฉวียนอวี๋เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คาราวะเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ขอรับ จวิ้นจู่ องค์ชายทรงอ่านจดหมายแล้วขอรับ ทรงให้บ่าวมาเชิญจวิ้นจู่เข้าไปปรึกษาด้านในจวนขอรับ”
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนลังเล เฉวียนอวี๋จึงกล่าวเสริมขึ้น “องค์ชายตรัสว่าจวิ้นจู่ไม่ต้องเป็นกังวลขอรับ แค่ถูกบังคับให้รับอนุผู้หนึ่งเท่านั้น ไม่ถือเป็นเรื่องมงคลอันใดขอรับ”
เมื่อหมัวมัวข้างกายของพระชายาเอกได้ยินคำนี้ ดวงตาของนางเป็นประกายทันที รอยยิ้มกว้างขึ้น เช่นนี้ก็แสดงว่ารัชทายาทไม่เห็นองค์หญิงแห่งซีเหลียงอยู่ในสายตาเลยสักนิด กระทั่งไม่คิดว่าการแต่งงานครั้งนี้คือเรื่องมงคลด้วยซ้ำ
ไป๋ชิงเหยียนจึงลงมาจากรถม้า ให้หลูผิงรออยู่ที่ด้านนอก ส่วนตนเองเดินตามเฉวียนอวี๋หลบสายตาผู้คนไปยังห้องหนังสือของรัชทายาท
รัชทายาทรู้สึกไม่ชอบใจการกระทำที่เอาแต่ใจของหลี่เทียนฟู่ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้ากันที่โยวหวาเต้าแล้ว ครั้งนี้เสด็จพ่อทรงมีรับสั่งให้เขารับนางมาเป็นเช่อเฟย เขาจึงได้แต่ทำตามคำสั่ง ทว่า หลี่เทียนฟู่กลับลักลอบคบหากับขันที อีกทั้งยังคิดลอบปลงพระชนม์เขาอีกด้วย!
การแต่งเช่อเฟยในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสำหรับรัชทายาท แต่กลับเป็นเรื่องน่าสยอง และน่ารังเกียจเสียมากกว่า!
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนไปถึงห้องหนังสือ ที่ปรึกษาทั้งสามคนของรัชทายาทล้วนอยู่กันครบ เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียน ทั้งสามคนรีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพ
“ไป๋ชิงเหยียนคาราวะองค์รัชทายาทเพคะ”
“จวิ้นจู่ไม่ต้องมากพิธี นั่งเถิด!” รัชทายาทอยู่ในชุดเครื่องแต่งกายของราชสำนัก ในมือถือจดหมาย ใบหน้าเคร่งเครียด เม้มริมฝีปากบางแน่น
ไป๋ชิงเหยียนคำนับที่ปรึกษาทั้งสามจากนั้นจึงนั่งลง
ฟางเหล่าลูบเคราของตัวเอง “ข้าคิดว่านี่อาจจะเป็นฝีมือของต้าเหลียง เพราะต้าเหลียงอาจกำลังจะเปิดสงครามกับต้าจิ้น”
ไป๋ชิงเหยียนหลุบตาลงเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยขึ้น “ที่ฟางเหล่ากล่าวมาก็มีเหตุผลเจ้าค่ะ ทว่า ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือโกหก องค์รัชทายาทก็ต้องทรงป้องกันไว้ก่อนนะเพคะ”
ฉินซ่างจื้อพยักหน้า
[1] ยามซื่อ เวลาระหว่าง 9.00-11.00 นาฬิกา