สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 353 คนไม่กลัวตายคือผู้ชนะ
รถม้าของไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ เคลื่อนตามหลังม้าของไป๋จิ่นจื้อมาหยุดอยู่ข้างรถม้าของหลี่เม่า
ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือเรียวเล็กแหวกม่านรถม้าออก หน้าต่างรถม้าของนางอยู่ติดกับหน้าต่างรถม้าของหลี่เม่าพอดี
เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ของไป๋ชิงเหยียน หลี่เม่าซึ่งนั่งอยู่ในรถม้าก็ยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน “ในเมื่อจวิ้นจู่มีเรื่องจะกล่าว มิสู้ไปจวนหลี่ดีหรือไม่ขอรับ”
“วันนี้ข้าอยากสนทนากับท่านเรื่องของภรรยาของเหวินเจิ้นคัง ใช้เวลาไม่นาน คงไม่รบกวนไปถึงจวนท่านหรอก มิเช่นนั้นอาจรบกวนความสงบสุขของฮูหยินท่านเอาได้”
หลี่เม่าไม่เชื่อว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นสตรีจำพวกที่ชอบนินทาเรื่องของผู้อื่น ในเมื่อไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถึงภรรยาของเหวินเจิ้นคังก็แสดงว่านางรู้อันใดบางอย่างแล้ว
หลี่เม่าสบตาที่ราบเรียบของไป๋ชิงเหยียน มือลูบไปที่ลวดลายปักบนชุดขุนนาง ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ข้าไม่ค่อยเข้าใจความหมายของจวิ้นจู่สักเท่าใด…”
“วันที่ภรรยาของเหวินเจิ้นคังไปหาท่านที่จวน ดูเหมือนนางจะมอบจดหมายฉบับหนึ่งให้ท่าน...” ไป๋ชิงเหยียนมองดูสีหน้าที่สงบนิ่งของหลี่เม่า น้ำเสียงราบเรียบ “ทว่า จดหมายนั้นไม่ได้มีเพียงฉบับเดียว ข้ายังมีอีกหลายฉบับ! เมื่อข้าอ่านแล้วถึงได้รู้ว่าองค์ชายรองและท่านอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายสนิทสนมกันถึงเพียงนี้!”
การข่มขู่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้หลี่เม่าขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว เขารู้สึกหวั่นวิตกเป็นอย่างมาก
ไป๋ชิงเหยียนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน!
หรือว่าภรรยาของเหวินเจิ้นคังไปหาไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน
ใจของหลี่เม่ากระตุกวูบ แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “ข้าไม่เข้าใจความหมายของจวิ้นจู่จริงๆ ขอรับ”
“ไม่เข้าใจก็มิเป็นอันใด…” ไป๋ชิงเหยียนยังคงมองไปทางหลี่เม่าด้วยรอยยิ้ม “ข้าเพียงอยากให้ท่านได้รับรู้ว่าข้ามีสิ่งที่สามารถทำลายท่านได้อยู่ในมือ”
“จวิ้นจู่หมายความว่าอย่างไรขอรับ” รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่เม่าค่อยๆ จางหายไป
“มิได้หมายความเช่นไร แค่หวังว่าท่านจะอยู่อย่างสงบเสงี่ยม อย่าสร้างปัญหาให้ตระกูลไป๋อีก หากตระกูลไป๋ไม่เป็นสุข ข้าก็ย่อมทำให้ท่านไม่เป็นสุขเช่นเดียวกัน ข้าต้องการอยู่อย่างสงบ ท่านอัครมหาเสนาบดีก็คงคิดเช่นเดียวกันใช่หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนแสดงท่าทีข่มขู่หลี่เม่าอย่างชัดเจน
หลี่เม่าเม้มปากเล็กน้อย เขาหัวเราะออกมาจากนั้นกล่าวขึ้น “แม้ข้าจะไม่เข้าใจว่าจวิ้นจู่กำลังหมายถึงสิ่งใด ทว่า ตระกูลไป๋จงรักภักดีมาโดยตลอด ข้าย่อมอยากผูกมิตรกับตระกูลไป๋อยู่แล้ว แน่นอนว่าข้าต้องอยากอยู่อย่างสงบขอรับ”
“ในเมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าวเช่นนี้ข้าก็วางใจแล้ว” ดวงตาลึกล้ำของไป๋ชิงเหยียนจ้องไปทางหลี่เม่า “ข้าขอเตือนท่านอีกเรื่องด้วยความหวังดี อย่าได้ส่งคนมาสืบหาหรือขโมยจดหมายจากข้าเด็ดขาด ข้าเป็นคนไม่ชอบถูกล่วงเกิน ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นจะทำสิ่งใดออกไปบ้าง ท่านคงเข้าใจดี!”
หลี่เม่าใช้มือที่วางอยู่บนตักขยำชายเสื้อแน่น อมยิ้มเล็กน้อย “ข้าเข้าใจดีขอรับ”
ตั้งแต่ตระกูลไป๋เกิดเรื่องขึ้น ทุกครั้งที่ไป๋ชิงเหยียนออกโรงด้วยตัวเอง ล้วนทำเรื่องที่น่าตกตะลึงทั้งสิ้น เรื่องเลวร้ายหรือน่าอายที่ควรเก็บงำซ่อนไว้ตลอดชีวิต ทว่า หญิงสาวกลับประจานมันออกมาให้ทุกคนได้รับรู้ หญิงสาวเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ ไม่หวาดกลัวต่ออุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น
ตีกลองเติงเหวินบีบให้ฮ่องเต้ทรงลงโทษซิ่นอ๋อง สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้และไม่มีผู้ใดกล้าทำ เป็นการกระทำที่ใจกล้าบ้าบิ่น ทว่า กลับเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด
กระทั่งทำให้บรรดาคนชั่วที่ทำเรื่องไม่โปร่งใสอย่างพวกหลี่เม่าถึงกับอกสั่นขวัญแขวน หวาดกลัวไปตามๆ กัน
คนชั่วเหล่านี้ล้วนหลบซ่อนอยู่ในที่มืดเพราะกลัวตาย พวกเขากลัวแสงสว่างและกลัวการเผชิญหน้ากับคนที่ไม่กลัวตายมากที่สุด
ในถนนหนทางที่คับแคบ คนที่ไม่กลัวตายคือผู้ชนะที่แท้จริง
ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะให้หลี่เม่าเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม ลดม่านลง เอ่ยบอกคนบังคับม้า “ไปเถิด…”
ไป๋จิ่นจื้อควบม้าตามหลังรถม้าของไป๋ชิงเหยียนไป
หลี่เม่าลดม่านลง หลับตาควบคุมความหวาดกลัวในใจของตัวเอง คนที่กล้าหาญเพียงใด หากความลับของตัวเองถูกเปิดเผยก็ยากที่จะทำใจให้สงบได้
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนมีจดหมายเหล่านั้นอยู่ในมือจริงหรือไม่
ไป๋ชิงเหยียนรับรู้เรื่องนี้มากน้อยเพียงใดกันแน่
หลี่เม่าสับสนวุ่นวายใจมาก เขาหยิกเนื้อของตัวเองเพื่อสงบสติอารมณ์
ความหมายของไป๋ชิงเหยียน ดูเหมือนว่านางไม่ได้อยากทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก นางแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเท่านั้น…
ทว่า เหตุใดจู่ๆ ไป๋ชิงเหยียนจึงมาบอกให้เขาอยู่อย่างสงบเสงี่ยมกันนะ
หลี่เม่าเม้มปาก หรือไป๋ชิงเหยียนจะรู้แล้วว่าเสนาบดีกรมการคลังฉู่จงซิ่งคือคนของเขา
หลี่เม่ากระชับมือที่กำชายเสื้อแน่นกว่าเดิม
ที่จริงหลังจากไป๋เวยถิงเสียชีวิต หลี่เม่าไม่ได้ต้องสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตระกูลไป๋ ทว่า ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเหลียงอ๋องถึงต้องการไป๋ชิงเหยียนให้ได้ เขาจนปัญญาจึงต้องคิดวิธีอ้อมๆ เช่นนี้ขึ้นมา…ดึงสาวใช้ข้างกายของไป๋ชิงเหยียนมาไว้ในกำมือ ภายภาคหน้าอาจใช้ประโยชน์จากนางได้
ทว่า ผู้ใดจะคิด…
หลี่เม่านึกถึงเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงผู้ล่วงลับไปแล้ว แม้เขากับไป๋เวยถิงจะอยู่กันคนละฝ่าย ทว่า ลึกๆ แล้วเขารู้สึกนับถือไป๋เวยถิงผู้นี้จากใจจริง คนผู้นั้นซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ทรงคุณธรรมและสมควรได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดจริงๆ !
ไป๋ชิงเหยียนคือหลานสาวคนโตที่เขารักมากที่สุด แม้ไม่อาจสืบทอดนิสัยทั้งหมดของไป๋เวยถิง ทว่า หญิงสาวก็คงไม่ใช่คนถ่อยที่ชอบใช้อุบายต่ำช้า หากนางมีจดหมายเขียนถึงกันระหว่างเขากับองค์ชายรองในตอนนั้นอยู่ในมือจริงๆ นางจะเปิดโปงให้องค์รัชทายาทรับรู้หรือไม่
หลี่เม่าขบกรามแน่น เขาต้องนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับบรรดาที่ปรึกษาในจวนก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ
…
ไป๋จิ่นจื้อประคองไป๋ชิงเหยียนลงมาจากรถม้า เดินเคียงข้างพี่สาวพลางเอ่ยถามเสียงเบาหวิว “พี่หญิงใหญ่บอกหลี่เม่าว่าพี่หญิงใหญ่กุมความลับของเขาเอาไว้หรือเจ้าคะ เหตุใดจึงต้องบอกเขาด้วยเจ้าคะ เพื่อข่มขู่หรือเจ้าคะ”
ไป๋จิ่นจื้อดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยที่ไป๋ชิงเหยียนบอกเรื่องที่ตนกุมความลับของหลี่เม่าให้หลี่เม่ารู้ ไป๋ชิงเหยียนถลกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยพลางก้าวเข้าไปในจวน เอ่ยกับไป๋จิ่นจื้อ “เป็นการข่มขู่และเพื่อให้เขามาลอบสังเกตการณ์ เพราะหลี่เม่าไม่ใช่คนที่จะเชื่อคำกล่าวของผู้อื่นง่ายๆ”
ไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ อธิบายให้ไป๋จิ่นจื้อเข้าใจทีละนิด “หลี่เม่าเป็นคนรอบคอบ หลังจากพบกันวันนี้หลี่เม่าต้องส่งคนมาสืบว่าพี่กุมความลับของเขาไว้จริงหรือไม่ ทว่า เป็นเพียงแค่การหยั่งเชิง หลี่เม่าไม่มีทางทำเกินเลยหรอก”
ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้า ขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียนอีกนิดแล้วฟังอย่างตั้งใจ
“ในเมื่อตอนนี้พี่ยังไม่อยากดึงหลี่เม่าลงมาจากตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย เช่นนั้นพี่ก็ต้องควบคุมหลี่เม่าให้ได้ ทำให้หลี่เม่าไม่กล้าแตะต้องตระกูลไป๋และกองทัพไป๋จนตัวเขาพลอยเดือดร้อนไปด้วย! เช่นนี้ก็ต้องทำให้หลี่เม่ารู้ว่าตระกูลไป๋มีหลักฐานที่สามารถข่มขู่และวิธีการที่จะจัดการกับเขาได้ ทว่า ตระกูลไป๋ไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับเขา”
ไป๋จิ่นจื้อเข้าใจเรื่องนี้ “ดังนั้นที่พี่หญิงใหญ่กล่าวในวันนี้ก็เพื่อต้องการให้หลี่เม่ามาสืบ จากนั้นแสดงให้เขาเห็นถึงความสามารถของตระกูลไป๋ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “สืบก่อนค่อยลงมือ ในเมื่อเตือนแล้ว ทว่า เขาเริ่มลงมือก่อน หากตระกูลไป๋โต้กลับบ้าง…เช่นนี้หลี่เม่าจะได้ไม่สู้จนตัวตายกับตระกูลไป๋เพียงเพราะความลับเหล่านี้ และไม่กล้าแตะต้องตระกูลไป๋อีก เมื่อถึงเวลานั้นตระกูลไป๋เป็นฝ่ายกุมอำนาจ หลี่เม่าย่อมมาขอสงบศึกกับเราด้วยตัวเอง”
ตอนนี้ตระกูลไป๋กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ลอบสร้างความแข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง ไป๋ชิงเหยียนต้องการควบคุมหลี่เม่าให้ได้อย่างน้อย…สามปี!
ดังนั้นขอเพียงหลี่เม่ากล้ายื่นมือเข้ามาสืบ นางก็จะใช้วิธีที่เด็ดขาดหักกรงเล็บของหลี่เม่าให้ได้!