สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 405 มากอย่างเห็นได้ชัด
ภูเขาผิงหลวน แคว้นเว่ย
เซียวหรงเหยี่ยนตอบรับคำเชิญของซีหวายอ๋องเดินทางไปดื่มสุราที่วังซึ่งอยู่บนเขาผิงหลวนร่วมกับเชื้อพระวงศ์และขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ของต้าเว่ย
ซีหวายอ๋องคือพระอนุชาแท้ๆ คนเล็กสุดของจักรพรรดิแห่งต้าเว่ย คงเป็นเพราะเขาชอบความสำราญและจงรักภักดีต่อจักรพรรดิต้าเว่ยมาก จักรพรรดิต้าเว่ยจึงตามใจน้องชายคนนี้เป็นที่สุด
สิ่งที่ซีหวายอ๋องโปรดปรานมากที่สุดก็คือการนั่งดื่มสุราร่วมกับสุภาพบุรุษในแคว้น
เซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนมากความสามารถ อีกทั้งยังเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในใต้หล้า ชายหนุ่มใช้ชีวิตอย่างหรูหรา เป็นคนประเภทเดียวกันกับซีหวายอ๋อง ทั้งสองคนมีความชอบเหมือนกัน ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีเช่นเดียวกัน ย่อมกลายเป็นสหายที่สนิทกันเป็นอย่างมาก
เมื่อซีหวายอ๋องรู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนเดินทางกลับมายังต้าเว่ยจึงจัดงานเลี้ยงขึ้นที่ตำหนักเทียนลู่ในวังบนเขาผิงหลวน
พระราชวังบนเขาผิงหลวนคือของขวัญวันเกิดที่จักรพรรดิแห่งต้าเว่ยพระราชทานให้ผู้เป็นอนุชา เห็นได้ชัดว่าทรงรักน้องชายผู้นี้มากเพียงใด แม้แต่องค์ชายยังเทียบไม่ได้
ตำหนักเทียนลู่สร้างอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดบนภูเขาผิงหลวน ต่อมาซีหวายอ๋องสั่งให้สร้างตำหนักขึ้นตรงบริเวณนี้
การสร้างตำหนักเทียนลู่ขึ้นต้องวางเสาไม้ค้ำยันใต้หน้าผาทั้งหมดยี่สิบหกต้น เสาหนาด้านหน้าสิบสองต้นถูกเคลือบด้วยสีทองมันวาว บริเวณด้านหน้าของหน้าผาไม่มีรั้วกางกั้น มีเตาผิงทรงนกกระเรียนซึ่งสูงเท่ากับคนตั้งวางอยู่ตรงบริเวณขอบหน้าผา ผ้าม่านโปร่งสีขาวสะบัดพลิ้วไปมาตามแรงลม เสียงต้นไผ่ดังราวกับเสียงดนตรี หากมองขึ้นมาจากด้านล่างภูเขา…คงนึกว่าที่คือตำหนักของเทพเซียนองค์ใดสักองค์
ซีหวายอ๋องเพิ่งแช่น้ำอุ่นเสร็จ เขาเดินออกมาด้วยชุดคลุมยาวสีขาว เสื้อผ้าบริเวณแผ่นอกแหวกออก ในมือถือไหสุรา ใบหน้ามัวเมา นัยน์ตาแพรวพราวราวกับนางระบำ คงเป็นเพราะดื่มสุราที่ผสมผงอู่สือ[1]ลงไป ดวงตาคู่นั้นจึงเลื่อนลอยราวกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เสมือนคุณชายเจ้าสำราญผู้รักอิสระคนหนึ่ง
เซียวหรงเหยี่ยนในชุดเครื่องแต่งกายสีขาวเหมือนกันนั่งดื่มเหล้าอยู่บนที่นั่งของตัวเองตามลำพังอย่างไม่รีบร้อน วันนี้ใบหน้าของชายหนุ่มดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ซีหวายอ๋องที่เริ่มเมามายเดินโซเซมานั่งลงด้านข้างเซียวหรงเหยี่ยน เอื้อมมือไปกอดบ่าของชายหนุ่ม เอ่ยยิ้มๆ “เหตุใดวันนี้จึงดูไม่ค่อยสนุกนัก นางระบำไม่งดงามมากพออย่างนั้นหรือ หรืออาหารไม่อร่อย”
ซีหวายอ๋องมองดูสุราที่ผสมผงอู่สือตรงหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนที่ยังคงไม่หมด ยิ้มราวกับคนบ้า “เหตุใดถึงไม่ยอมแตะของดีเช่นนี้เล่า…”
เซียวหรงเหยี่ยนหยิบถั่วลิสงขึ้นมาเม็ดหนึ่ง ขยับแขนเสื้อพลางส่งถั่วเข้าปาก กล่าวอย่างหงุดหงิด “อีกไม่นานต้าเว่ยก็จะบุกโจมตีต้าเยี่ยนแล้ว กระหม่อมรู้ข่าวช้าไปคงนำกิจการที่อยู่ในต้าเยี่ยนออกมาไม่ทัน หากเกิดสงครามขึ้นคงเสียหายไม่น้อย น่าหงุดหงิดนักพ่ะย่ะค่ะ…”
ซีหวายอ๋องหัวเราะไม่หยุด “เรื่องแค่นี้ก็ทำเจ้าหงุดหงิดได้แล้วหรือ”
“ปีที่แล้วกระหม่อมลงทุนลงแรงกับหนานเยี่ยนไปมาก หวังจะเปิดกิจการตระกูลเซียวที่นั่น ผู้ใดจะคิดว่าหนานเยี่ยนจะถูกต้าเยี่ยนยึดครอง กระหม่อมจึงทำได้เพียงเริ่มต้นใหม่ ตอนนี้เพิ่งเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ต้าเว่ยของเราก็จะบุกโจมตีต้าเยี่ยนอีกแล้ว” เซียวหรงเหยี่ยนยกเหล้ากรอกปากหมดจอก “ปีนี้กระหม่อมดวงไม่ดีเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
“เรื่องนี้ง่ายนิดเดียว!” ซีหวายอ๋องตบไปที่บ่าของเซียวหรงเหยี่ยน “รอให้ต้าเว่ยของเรายึดครองต้าเยี่ยนสำเร็จ เจ้าจะทำการค้าต่อเช่นไรก็ได้ ข้าจะสั่งให้คนช่วยดูแลกิจการของเจ้า ไม่ให้ผู้ใดแตะต้องแน่นอน!”
“กระหม่อมเป็นคนแคว้นเว่ย ต้าเว่ยบุกโจมตีต้าเยี่ยน ต้าเยี่ยนจะให้กระหม่อมทำกิจการที่ต้าเยี่ยนต่อหรือพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาไม่ฆ่ากระหม่อมก็ถือว่าเป็นพระคุณแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เซียวหรงเหยี่ยนถอนหายใจ “ช่างเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของแคว้น ขาดทุนก็ขาดทุนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้าเป็นสหายของข้า ข้าจะปล่อยให้เจ้าขาดทุนได้อย่างไรกัน!” ซีหวายอ๋องยิ้มพลางขยับเข้าไปใกล้เซียวหรงเหยี่ยนอีกนิด “วางใจเถิด ไม่เกิดสงครามในเร็วๆ นี้แน่ เจ้ารีบขนย้ายสินค้าและคนของเจ้าออกมาจากต้าเยี่ยนให้เร็วที่สุด เมื่อต้าเว่ยยึดครองต้าเยี่ยนได้ เจ้าค่อยสร้างกิจการใหม่อีกครั้ง!”
“ไม่เกิดสงครามในเร็วๆ นี้หรือพ่ะย่ะค่ะ” เซียวหรงเหยี่ยนแสร้งทำเป็นสงสัย ขยับเข้าไปใกล้ซีหวายอ๋องอีกนิด “กองทัพหลักของต้าเยี่ยนอยู่ที่หรงตี๋ เวลานี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่เราจะโจมตีต้าเยี่ยนไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
เดิมทีซีหวายอ๋องไม่ควรเล่าเรื่องในราชสำนักให้เซียวหรงเหยี่ยนฟัง ทว่า เมื่อนึกได้ว่าคนตรงหน้าคือสหายของตน เขามองสำรวจไปรอบๆ กาย จากนั้นกล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยนเสียงเบาหวิว “แม่ทัพและมหาเสนาบดีมีความเห็นไม่ตรงกัน ก่อนหน้านี้ต้าเยี่ยนมีกองทัพกองใหม่เกิดขึ้น แม่ทัพเซี่ยสวินของกองทัพใหม่น่ากลัวยิ่งนัก อัครมหาเสนาบดีไม่แนะนำให้ทำสงคราม กลัวว่าต้าเยี่ยนจะแสร้งทำทีเป็นนำกองทัพหลักทั้งหมดไปยังหรงตี๋ แต่ความจริงซ้อนแผนเพื่อจุดประสงค์อื่นมากกว่า ดังนั้นเสด็จพี่ของข้าจึงสั่งให้กองทัพต้าเว่ยบุกไปประชิดต้าเยี่ยนเพื่อหยั่งเชิงดูก่อน”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า
“ผู้ใดจะคิด…” ซีหวายอ๋องกล่าวเสียงเบาหวิวกว่าเดิม “ผู้ใดจะคิดว่าต้าเยี่ยนที่ปกติดูไม่เป็นพิษเป็นภัย ทว่า หน่วยสอดแนมของเรากลับได้ยินเสียงฝีเท้าม้าตอนกลางคืนดังมาจากป่าลึกในแคว้นต้าเยี่ยน ทุกคืนจะมีควันสำหรับประกอบอาหารลอยขึ้นฟ้า เกรงว่าต้าเยี่ยนคงซุ่มกองทัพไว้ในป่าลึก รอให้ต้าเว่ยของเราบุกเข้าไปติดกับ บัดนี้แม่ทัพและมหาเสนาบดีล้วนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว รอรายงานส่งกลับมาคงรู้ว่าจะได้เปิดศึกหรือไม่”
เซียวหรงเหยี่ยนนั่งหลังตรงมองไปทางซีหวายอ๋อง “เอ่ยถึงเรื่องนี้ จู่ๆ กระหม่อมก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องทรงทราบดีว่ากระหม่อมเคยติดอยู่ที่หนานเยี่ยน ตอนนั้นคนข้างกายของท่านอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนมาซื้อเหล็กและอาวุธจำนวนมากไปจากกระหม่อม จำนวนเหล็กและอาวุธที่กระหม่อมขนมาจากต้าจิ้นไม่มากแต่ก็ไม่น้อย เดิมทีกระหม่อมถือโอกาสตอนที่หนานเยี่ยน ซีเหลียงและต้าจิ้นทำสงครามกันนำอาวุธไปขายที่เมือง ผู้ใดจะคิดว่าผู้ที่ซื้อของเหล่านั้นไปในราคาสูงจะเป็นท่านอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ!”
ซีหวายอ๋องกระชับมือที่ถือจอกสุราแน่น สร่างเมาไม่น้อย “ต้องการอาวุธและเหล็ก แสดงว่ามีกองทัพ…”
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวต่อ “เรื่องนี้กระหม่อมไม่อาจทราบได้พ่ะย่ะค่ะ หลักจากนั้นกระหม่อมก็ส่งเหล็กและอาวุธไปยังต้าเยี่ยนอีกไม่น้อย กระหม่อมทำการค้าร่วมกับองค์รัชทายาทแห่งต้าจิ้น แบ่งส่วนแบ่งกันคนละครึ่งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้กำไรจากการค้านี้มากอย่างเห็นได้ชัดเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ใจของซีหวายอ๋องเต้นรัว แบ่งส่วนแบ่งกันคนละครึ่งยังได้กำไรมากมายขนาดนี้ ต้องขายในราคาสูงสักเท่าใดกันนะ
ต้าเยี่ยนกว้านซื้อเหล็กโดยไม่คำนึงราคาเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจซ่อนกองทัพไว้ในแคว้น เหมือนกับกองทัพยอดฝีมือที่มีเซี่ยสวินเป็นแม่ทัพกองนั้น
เมื่อคิดได้ดังนี้ ซีหวายอ๋องหยัดกายตรง กล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยน “ข้าต้องเข้าวังสักรอบ…”
เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยโน้มน้าว “ทว่า ต้าเยี่ยนซื้อเหล็กก็ไม่ได้หมายความว่าต้องนำไปใช้กับกองทัพนะพ่ะย่ะค่ะ บางทีอาจใช้กับการทำนาก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องรีบร้อนเข้าไปกราบทูลฝ่าบาทโดยไม่มีหลักฐานเช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสมนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ายังไม่แน่ใจเช่นนี้ ข้าควรเข้าวังไปทูลให้เสด็จพี่ทรงทราบไว้ก่อนดีกว่า เพราะหากต้าเว่ยเกิดเรื่องอันใดขึ้นมา ข้าคงไม่ได้ใช้ชีวิตสุขสบายเช่นนี้อีกแล้ว!”
ซีหวายอ๋องดีตรงที่เป็นคนรู้จักประมาณตน เขายกเหล้าดื่มจนหมดจอก ลุกขึ้นยืนให้นางกำนัลเปลี่ยนเครื่องแต่งกายสำหรับเข้าวังให้
เยว่สือยืนรอเซียวหรงเหยี่ยนอยู่ตรงทางเดินหน้าตำหนักเทียนลู่ ไม่นานก็เห็นเซียวหรงเหยี่ยนที่เมามายไม่ได้สติถูกบ่าวรับใช้ของซีหวายอ๋องแบกขึ้นบ่าเดินออกมา
เยว่สือรีบเข้าไปรับตัวของเซียวหรงเหยี่ยนมาประคองเอาไว้เอง “นายท่าน!”
“ข้าเองขอรับ!” เยว่สือประคองเซียวหรงเหยี่ยนขึ้นรถม้า จากนั้นกล่าวอำลาผู้ดูแลของจวนซีหวายอ๋อง
[1] ผงอู่สือ หรือ ผงห้าศิลา เป็นยาเสพติดยอดนิยม ชนชั้นสูงนิยมเสพกันมาก ทำให้รู้สึกคึกคัก เพ้อพก สัมผัสไว รุ่มร้อน และเสพติด