สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 421 ล้างความอัปยศ
ตอนที่ 421 ล้างความอัปยศ
สวินเทียนจางกล่าวจบก็โบกมือไล่แม่ทัพทุกคนออกไปจากกระโจม บุตรชายของสวินเทียนจางเดินเข้าไปประคองร่างของบิดา สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “ท่านพ่อ…วันนี้ไม่ได้ออกรบเสียหน่อย เหตุท่านต้องสวมชุดเกราะที่หนักอึ้งเช่นนี้ด้วยขอรับ ร่างกายของท่านจะรับไม่ไหวนะขอรับ”
สวินเทียนจางเอนร่างพิงบุตรชายของตัวเอง เขามองไปทางภูเขาไกลโพ้นที่เห็นอย่างเลือนรางทางนอกกระโจม ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย…
สิ่งที่เขาปรารถนาที่สุดในชีวิตนี้ก็คือยึดอวี้ซานกวนที่เคยเป็นของต้าเหลียงกลับคืนมา หลังจากไป๋เวยถิงเสียชีวิตลง แม้เขาจะรู้สึกเสียดาย ทว่า ก็รู้ได้ทันทีว่าเขามีโอกาสยึดอวี้ซานกวนกลับคืนมาเป็นของต้าเหลียงอีกครั้ง
เขารู้ดีว่าตัวเองคงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน หากสวรรค์เมตตาเขา คงให้เขาได้เห็นวันที่เขายึดอวี้ซานกวนซึ่งเคยสูญเสียไปด้วยน้ำมือของตระกูลสวินกลับคืนสู่แผ่นดินบ้านเกิดของตัวเองก่อนเขาตาย เช่นนี้เขาจะได้มีหน้าไปพบบรรพบุรุษของตระกูลสวินในปรโลกได้
“แค่กๆ” สวินเทียนจางไอออกมาอย่างหนัก
“ท่านพ่อ!”
สวินเทียนจางกุมมือบุตรชายแน่นไม่ให้เขาส่งเสียงเอะอะ
สงครามอยู่ตรงหน้า การที่แม่ทัพใหญ่ป่วยหนักถือเป็นลางไม่ดี
เขาฝืนร่างกายเสนอตัวมาออกรบไม่ใช่เพื่อให้กองทัพต้าเหลียงหยุดอยู่แค่ตรงนี้
เขาสาบานว่า…จะยึดอวี้ซานกวนคืนมา จะล้างความอัปยศในครั้งเก่าให้ได้!
“เจ้าส่งคนไปบอกแม่ทัพกู้ที่ล้อมเกาอี้เซี่ยนจู่อยู่ว่าจงจับเกาอี้เซี่ยนจู่ให้ได้ภายในสามวัน ไม่ว่าเป็นหรือตายก็ตาม!” สวินเทียนจางกล่าวออกมาทีละคำอย่างชัดเจน
ไป๋ชิงเหยียนกำลังดูแผนที่เมืองหลงหยางอย่างละเอียด นิ้วหยุดอยู่ที่ตำแหน่งเขื่อนของเมืองหลงหยางในแผนที่ ทางเหนือของต้าเหลียงอยู่ติดกับทะเล คนต้าเหลียงว่ายน้ำเก่งมาก พวกเขาต้องบุกมาทางเขื่อนแน่นอน
หลูผิงถือน้ำแกงร้อนๆ เข้ามาในห้องส่วนตัวของไป๋ชิงเหยียนในค่ายทหาร เอ่ยโน้มน้าวเสียงเบา “คุณหนูใหญ่ ดื่มน้ำแกงร้อนๆ แล้วพักผ่อนสักหน่อยเถิดขอรับ องครักษ์ของจวนเราล้วนนอนหลับพักผ่อนกันหมดแล้วขอรับ!”
ไป๋ชิงเหยียนยกน้ำแกงดื่มเล็กน้อย สายตาไม่ได้ละไปจากแผนที่ เอ่ยถาม “สืบสวนจ้าวถงได้ความว่าอย่างไรบ้าง”
“เป็นคนดื้อด้านมากขอรับ!” หลูผิงตอบ
คนของตระกูลจ้าวแห่งต้าเหลียงย่อมทะนงในศักดิ์เป็นธรรมดา
“แม่ทัพไป๋! แม่ทัพหวังสี่ผิงขอเข้าพบขอรับ!” เสียงของหวังสี่ผิงดังมาจากด้านนอก
ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยน้ำแกงลง “เชิญเข้ามาได้!”
หวังสี่ผิงเดินเข้าไปด้านในด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “เป็นดั่งที่แม่ทัพไป๋คาดการณ์ไว้ขอรับ ต้าเหลียงไม่กล้ารับคำท้ารบของพวกเราขอรับ”
“หากวันนี้ต้าเหลียงส่งคนมาชิงตัวจ้าวถงหรือสืบสถานการณ์ของกองทัพต้าจิ้น คงต้องรบกวนแม่ทัพหวังสี่ผิงส่งคนของท่านตามทหารต้าเหลียงกลับไปยังค่ายของพวกเขาสักรอบ!” แววตาของไป๋ชิงเหยียนมีรอยยิ้มปรากฏอยู่เล็กน้อย “เผาเสบียงของต้าเหลียงให้สิ้น!”
เสบียงของต้าเหลียงมีอยู่อย่างจำกัด หากไม่ทำศึกอย่างเด็ดขาดก็ต้องเฝ้าสังเกตการณ์อยู่อย่างนั้นโดยห้ามออกรบ
สวินเทียนจางเป็นคนรอบคอบ หากไม่รู้สถานการณ์ที่แน่ชัด เขาไม่มีทางเคลื่อนทัพแน่นอน
หากเวลานี้ต้าจิ้นส่งสารรบไปให้ด้วยท่าทีแข็งกร้าว ต่อให้สวินเทียนจางจะไม่ถอยทัพกลับ ทว่า เขาก็ไม่มีทางเสี่ยงรับคำท้าและยิ่งไม่มีทางเสี่ยงบุกโจมตีเมืองหลงหยางอย่างแน่นอน
เช่นนี้พวกนางย่อมถ่วงเวลาจนกองทัพเสริมของต้าจิ้นมาถึงได้อย่างแน่นอน
“จะทำตามบัญชาของแม่ทัพไป๋ขอรับ!” หวังสี่ผิงกำหมัดคารวะพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
กลางดึก หลินคังเล่อลดจำนวนทหารที่เฝ้าบนกำแพงเมืองให้น้อยลง เพิ่มกำลังทหารออกลาดตระเวน อีกทั้งให้ทหารดักซุ่มอยู่บริเวณหน้าเขื่อนรอเวลาทหารต้าเหลียงลอบบุกเข้ามาในหลงหยางยามวิกาล
เปลวไฟในคบเพลิงสูงบนกำแพงเมืองหลงหยางปลิวไปมาตามแรงลม
กลุ่มคนชุดดำแนบหลังเข้ากับกำแพง แช่ตัวลงไปในน้ำลึกของเขื่อนอย่างรวดเร็ว จากนั้นว่ายไปยังเมืองหลงหยางด้วยความชำนาญ
ทหารสิบกว่าคนที่มาคือทหารยอดฝีมือของกองทัพจ้าว พวกเขาแฝงตัวเข้าไปในเมืองหลงหยางอย่างเงียบเชียบ บังเอิญเจอกับทหารหน่วยลาดตระเวนที่ถือคบไฟสำรวจเมืองอยู่พอดี พวกเขารีบแนบหลังเข้ากับสันเขื่อน กลั้นหายใจดำลงไปในน้ำ เงยหน้ามองเหนือผืนน้ำ เมื่อเห็นว่าคบไฟห่างออกไปเรื่อยๆ พวกเขาจึงค่อยๆ โผล่พ้นน้ำ กระโดดขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็ว
เมื่อหัวหน้าเห็นว่าอีกสิบสามคนขึ้นมาบนฝั่งเรียบร้อยแล้วจึงกล่าวเสียงเบา “พวกเราแยกกันลงมือ สองคนไปหาคลังเสบียงของต้าจิ้น สองคนไปจับตัวทหารฝ่ายศัตรูและสืบมาว่ากองกำลังเสริมมาถึงแล้วจริงหรือไม่ ส่วนคนที่เหลือตามข้าไปช่วยคุณชายออกมาจากคุก ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ต้องออกจากเมืองหลงหยางภายในครึ่งชั่วยาม!”
“ขอรับ!”
ทหารต้าเหลียงเตรียมแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ ทันใดนั้นเอง ไฟในเมืองสว่างจ้าขึ้น ทหารต้าจิ้นที่ดักซุ่มอยู่ก่อนหน้านี้ชักดาบปรากฏตัวขึ้น ล้อมทหารต้าเหลียงทั้งสิบสามคนเอาไว้
ทหารยอดฝีมือของกองทัพจ้าวเห็นเหตุการณ์ก็รู้ได้ทันทีว่าตนติดกับแล้ว ต่างชักดาบออกมาต่อสู้อย่างสุดชีวิตหวังจะกระโจนหนีลงไปในน้ำ
ผู้ใดจะคิดว่าทหารยอดฝีมือคนแรกซึ่งถูกล้อมแล้วคิดจะกระโดดหนีลงไปในน้ำกลับถูกลูกธนูซึ่งไม่รู้พุ่งมาจากที่ใดปักทะลุลำคอ สิ้นลมหายใจทันที
ทหารคนที่สองที่จะกระโดดหนีลงน้ำก็ถูกลูกธนูเจาะทะลุลำคอเช่นเดียวกัน จากนั้นถูกทหารต้าจิ้นแทงเข้าที่ลำตัว พลัดตกลงไปในน้ำ แม่น้ำกลายเป็นสีเลือดเป็นวงกว้าง
ลูกธนูพุ่งผ่านกลุ่มคน ปักลงบนหน้าอกของหัวหน้าทหาร ทหารยอดฝีมือของกองทัพจ้าวคุ้มกันคนผู้นั้นไว้ตรงกลาง กำดาบแน่น มองไปยังทหารต้าจิ้นที่ล้อมรอบพวกเขาด้วยแววตาหวาดระแวง
“หลีก!” หลินคังเล่อตะโกนเสียงดัง
ทหารยอดฝีมือที่ล้อมทหารของกองทัพจ้าวไว้หลีกทางให้ทันที
หลินคังเล่อเดินนำแม่ทัพคนอื่นเข้าไปหาทหารยอดฝีมือของกองทัพจ้าวอย่างไม่รีบร้อน มองไปทางพวกเขาด้วยสายตาเยือกเย็น กล่าวขึ้น “ในเมื่อมาช่วยจ้าวถง เช่นนั้นก็พาพวกเขาไปขังไว้ที่เดียวกับจ้าวถงก็แล้วกัน!”
ไม่นาน ทหารยอดฝีมือของกองทัพจ้าวก็ถูกคุมตัวไปขังไว้ในคุกใหญ่
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในคุกใหญ่ที่มีกลิ่นเนื้อไหม้แปลกๆ พวกเขาก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลแล้ว เมื่อเห็นจ้าวถงซึ่งถูกเปลื้องกางเกง แขนขาถูกตรึงไว้ที่แผ่นไม้ทั้งสี่ด้าน พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ต่างพากันคุกเข่าน้ำตาคลอ “ท่านแม่ทัพ!”
“พวกสุนัขต้าจิ้น พวกแกกล้าทำเช่นนี้กลับแม่ทัพของพวกเราอย่างนั้นหรือ!” ทหารยอดฝีมือของกองทัพจ้าวตวาดออกมาอย่างเดือดดาล พุ่งตัวเข้าไปหาทหารต้าจิ้นที่กุมตัวพวกเขามาที่คุกหวังจะสู้ตายไปพร้อมกับเขา ทว่า พวกเขาถูกมัดมือมัดเท้า ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทหารต้าจิ้นเลยสักนิด ถูกทหารต้าจิ้นถีบกลิ้งไปบนพื้น
“ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพ!” ทหารกองทัพจ้าวคลานเข่าเข้าไปหาจ้าวถงที่สลบเหมือดไปแล้ว เขาขบกรามแน่น น้ำตาไหลพราก
“ก็แค่ใช้วิธีเดียวกันกับที่พวกเจ้าใช้กับผู้อื่น นึกว่าทหารกองทัพจ้าวอย่างพวกเจ้าจะเห็นจนเคยชินแล้วเสียอีก นึกไม่ถึงเลยว่าพอแม่ทัพของพวกเจ้าโดนกระทำบ้าง พวกเจ้าจะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกัน” หลูผิงเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ
“สุนัขต้าจิ้น! พวกเจ้าไม่ตายดีแน่ ท่านแม่ทัพใหญ่ของพวกเราต้องนำกองทัพต้าเหลียงบุกแคว้นต้าจิ้น ทำลายล้างแคว้นของพวกเจ้าให้ดับสูญแน่นอน!”
ดวงตาของทหารกองทัพจ้าวเกรี้ยวกราดราวกับสัตว์ที่ถูกกักขัง มองไปยังหลูผิงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ต้องการช่วยแม่ทัพของพวกเจ้าง่ายนิดเดียว บอกมาว่าเกาอี้เซี่ยนจู่อยู่ที่ใด หากไม่บอก…พวกเจ้าจะเผชิญชะตาเดียวกันกับแม่ทัพของพวกเจ้า” หลูผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ทหารกองทัพจ้าวซึ่งถูกธนูเสียบที่หน้าอกแสยะยิ้มเย็นออกมา “หึ ต้องการตามหาเกาอี้เซี่ยนจู่อย่างนั้นหรือ รอพบศพของนางก็แล้วกัน!”
“ข้าไม่รีบ คืนนี้ยังอีกยาวไกล พวกข้ามีเวลาสอบสวนพวกเจ้า!” หลูผิงสั่งให้คนนำกล่องใบหนึ่งออกมา ในนั้นมีสร้อยเหล็กซึ่งมีเหล็กกลมเล็กขนาดเท่าหัวแม่มือและเล็กมากกว่านั้นร้อยเรียงกันอยู่มากมาย
สีหน้าของทหารยอดฝีมือของกองทัพจ้าวเปลี่ยนไปทันที พวกเขารู้ดีว่านั่นคือสิ่งใด
นั่นคือสิ่งที่กองทัพจ้าวใช้ในการทรมานศัตรู นำสร้อยเหล็กเส้นเล็กนั้นเผาจนร้อน จากนั้นยัดลงไปในสะดือของศัตรู นั่นคือความรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น
“ของประณีตเช่นนี้ แม่ทัพชราจ้าวของพวกเจ้าเคยใช้กับท่านชายห้าและบรรดาสหายแห่งกองทัพไป๋ของพวกข้ามาก่อน”